ส้มตำ อาหารจานโปรดที่ครองใจคนไทยทั่วประเทศ ด้วยรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ที่ลงตัว และภาพลักษณ์ของการเป็น "เมนูสลัด" ที่เต็มไปด้วยผักอย่างมะละกอ ทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพและเป็นตัวเลือกแรกๆ ในช่วงลดน้ำหนัก
ความเป็นจริงแล้ว เบื้องหลังรสชาติอันโอชานั้น อาจแฝงไปด้วยกับดักของแคลอรี่และโซเดียมที่สูงเกินคาด ไทยรัฐออนไลน์ จะมาเจาะลึกถึงส่วนผสมที่ต้องระวัง พร้อมแนะนำเคล็ดลับการสั่งส้มตำจานโปรดให้กลายเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
เจาะลึกส่วนผสมที่ต้องระวัง ตัวร้ายในคราบความอร่อยของเมนูส้มตำ
ก่อนที่เราจะรู้วิธีสั่งแบบคลีน เราจำเป็นต้องรู้จัก "ผู้ร้าย" ที่ซ่อนตัวอยู่ในครกเสียก่อน
1.กลุ่มน้ำปรุงรส : หัวใจของรสชาติที่มาพร้อมพลังงานและโซเดียมสูง
- น้ำตาลปี๊บ/น้ำตาลทราย: คือตัวการหลักที่เพิ่มแคลอรี่โดยตรง ส้มตำรสหวานนำบางจานอาจมีปริมาณน้ำตาลสูงเทียบเท่าเครื่องดื่มหวานๆ เลยทีเดียว
- น้ำปลา: แม้ไม่มีแคลอรี่ แต่เป็นแหล่งโซเดียมเข้มข้น ซึ่งส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำและความดันโลหิตสูง
- ผงชูรส (MSG): โซเดียมแฝงที่กระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้เราทานได้มากขึ้น
- น้ำปลาร้า: สำหรับคอปลาร้า ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีกระบวนการหมักดองที่ใช้เกลือในปริมาณมหาศาล ทำให้มีโซเดียมสูงที่สุดในบรรดาน้ำปรุงรส
2.กลุ่มเครื่องเคียงและส่วนผสมเพิ่ม
- ถั่วลิสงคั่ว: ให้ไขมันดี แต่ก็มีแคลอรี่สูงเช่นกัน การใส่ในปริมาณมากเกินไปสามารถเปลี่ยนส้มตำจานเบาๆ ให้กลายเป็นอาหารพลังงานสูงได้
- กุ้งแห้ง และ ปูเค็ม: เป็นวัตถุดิบที่ผ่านการถนอมอาหารด้วยเกลือ จึงอุดมไปด้วยโซเดียม
- ขนมจีน และ ข้าวเหนียว: แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่เพิ่มพลังงานอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมนูยอดฮิตอย่าง "ตำซั่ว" ที่มีขนมจีนเป็นส่วนประกอบหลัก
- แคบหมู และ ของทอดต่างๆ: ไขมันอิ่มตัวและแคลอรี่มหาศาลที่มักถูกสั่งมาทานคู่กัน
...
สั่งส้มตำอย่างไรให้ได้ทั้งความแซ่บและสุขภาพ
1. เริ่มต้นที่เมนูพื้นฐาน เลือกสั่งเมนูอย่าง "ตำไทย" หรือ "ตำลาว" เพราะมีส่วนผสมไม่ซับซ้อน ทำให้ง่ายต่อการควบคุมรสชาติและส่วนผสม หลีกเลี่ยงเมนูอย่างตำซั่ว หรือตำข้าวโพดไข่เค็มที่มักมีแคลอรี่สูงกว่า
2. ปรับรสชาติคือหัวใจสำคัญ ควรเลือกที่จะสั่งในรสชาติ "หวานน้อย เค็มน้อย ไม่ใส่ผงชูรส" ให้ติดปาก การลดปริมาณน้ำตาลและน้ำปลาลง จะช่วยลดทั้งแคลอรี่และโซเดียมได้อย่างมหาศาล
3. เลือกท็อปปิ้งอย่างชาญฉลาด เช่น การขอให้ทางร้าน "ลดปริมาณถั่วลิสง" หรือ "ขอแยกถั่ว" เพื่อให้เราสามารถควบคุมปริมาณเองได้ หากไม่จำเป็น อาจลองสั่งแบบ "ไม่ใส่กุ้งแห้ง" เพื่อลดความเค็มลง
4. ปฏิวัติเครื่องเคียง อาจเปลี่ยนจากข้าวเหนียวและแคบหมู เป็น "ไก่ย่างไม่ติดหนัง" หรือ "ปลาเผา" เพื่อเพิ่มโปรตีนที่ดีและลดไขมัน พร้อมกันนั้นให้สั่ง "ผักสด" มาทานคู่ให้มากขึ้น ไฟเบอร์ในผักจะช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้นและยังช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย
5. ดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ หลังมื้ออาหาร ควรดื่มน้ำสะอาดตามในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อช่วยให้ไตทำงานและขับโซเดียมส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส้มตำยังคงเป็นอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์ เพียงแค่เราใส่ใจในรายละเอียดและเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการสั่งเล็กๆ น้อยๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องตัดเมนูโปรดออกจากชีวิต เพียงเท่านี้ ส้มตำจานเด็ดก็จะกลายเป็นเมนูสุขภาพที่อร่อยแซ่บและทานได้อย่างสบายใจในทุกๆ วัน