เพราะเป็นเสาหลักในการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว “นายเลิศ กรุ๊ป” ทายาทรุ่นใหม่สุดไฮเปอร์ “น้องเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” จึงขยันคิดโปรเจกต์ใหญ่เบิ้มเพื่อต่อยอดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะได้พาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง “Aman” มาร่วมพัฒนาโครงการที่พักอาศัยและโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ในสวนสวยที่เป็นตำนานเมืองไทย ล่าสุด ยังสยายปีกไปจับมือกับ “มร.อลัง ดูคาส” เชฟในตำนานที่ครองมิชลินสตาร์มากที่สุดในโลก เพื่อปลุกปั้นโรงเรียนสอนศิลปะทำอาหารฝรั่งเศสระดับเวิลด์คลาสแห่งแรกในไทย “เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” ภายใต้การดูแลของ “เอลิซ มาซูเรล” เอ็มดีคนเก่งแห่งสถาบัน “เอกอล ดูคาส” หวังผนึกกำลังกันช่วยยกระดับวงการอาหารไทยสู่เวทีโลก
เชฟที่ประสบความสำเร็จต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
แก้ว 3 ประการของการเป็นเชฟที่ประสบความสำเร็จ คือ 1.แพชชัน คุณจะต้องมีใจรักในการทำอาหาร 2.ต้องหมั่นฝึกฝนอย่างมาก เพราะการเป็นเชฟจะต้องฝึกซ้อมเทคนิคอยู่ตลอดเวลา 3.ต้องใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา เมื่อเรารู้หลักการทำอาหารแล้ว เราต้องรอบรู้และทันโลกด้วย การแข่งขันอยู่ทุกที่รอบตัวเรา ฉะนั้นเราต้องใฝ่รู้อยู่เสมอ เพื่อที่จะนำมาปรับใช้เมื่อจำเป็น เพราะวงการอาหารมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

...

สไตล์การทำอาหารของ “อลัง ดูคาส” ที่ยากเลียนแบบ?
สไตล์อาหารเป็นสากล นำทักษะการทำอาหารฝรั่งเศสมาประยุกต์ให้เข้ากับแต่ละท้องถิ่น เพื่อดึงดูดคนในแต่ละประเทศ คุณภาพของเราคือการคงต้นตำรับฝรั่งเศสไว้ แต่ก็ยินดีที่จะประยุกต์เพื่อให้ถูกใจคนในแต่ละพื้นที่ นั่นคือความเป็นเรา



บันไดขั้นแรกของการเป็นเชฟมืออาชีพควรเริ่มจากตรงไหน
เริ่มต้นด้วยการเลือกโรงเรียนที่มีหลักสูตรที่ดีที่สุด เพราะการเรียนรู้ในโรงเรียนที่ดีจะสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการก้าวสู่ความเป็นเชฟ เมื่อเข้าเรียนแล้ว ต้องฝึกฝนอย่างหนักด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และต้องหาจุดยืนของตนที่ไม่เหมือนใคร อย่าเลียนแบบใคร ไม่เลียนแบบร้านอาหารข้างๆ ในโลกปัจจุบันตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ว่าทุกอย่างจะต้องเพอร์ซันนัลไลซ์ เพราะทุกคนมีเรื่องราวและที่มาต่างกัน ดังนั้น การประกอบอาหารเราจึงต้องหาสไตล์ที่นำเสนอตัวตนของแต่ละบุคคล

...


อะไรคือแรงบันดาลใจในการก่อตั้ง “เอกอล ดูคาส”
ผมต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอาหารฝรั่งเศสให้กับผู้ที่รักการทำอาหารในทุกระดับ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เพื่อให้ได้เรียนรู้การประกอบอาหารฝรั่งเศสอันเป็นเลิศ โดยหัวใจสำคัญของสถาบัน “เอกอล ดูคาส” คือ การแบ่งปัน (Sharing), ความมั่นคงและยั่งยืน (Sustainability), ความเป็นเลิศและไม่หยุดนิ่ง (Excellence) และผมขอให้อีก 1 คำ คือความร่วมสมัย (Contemporary) เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันด้วย
...


“เอกอล ดูคาส” มีจุดเด่นแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
อลัง ดูคาส : สิ่งที่แตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ คือโรงเรียนของเราสอนในสิ่งที่สามารถนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตจริง ดังนั้น การสอนเทคนิคต่างๆที่ใช้ในการประกอบอาหาร รวมไปถึงทักษะที่เราได้ฝึกซ้อมกันในโรงเรียน เป็นสิ่งที่นักเรียนของเราสามารถนำไปปฏิบัติต่อที่บ้าน หรือประกอบอาชีพได้ สถาบันของเรามีหลักสูตรทั้งอาหารคาว (Culinary Arts) และขนมอบ (Pastry Arts) นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญเรื่องการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้วย
...
เอลิซ มาซูเรล : หัวใจสำคัญของเราคือการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ความเป็นเลิศด้านการประกอบอาหาร โดยมีมาตรฐานเดียวกันทุกแห่งทั่วโลก เน้นประสบการณ์การเรียนการสอนประกอบอาหารที่มีคุณภาพมากที่สุด เชฟผู้สอนของโรงเรียน “เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารและขนมอบ ที่ส่งตรงมาจากสถาบัน “เอกอล ดูคาส” ประเทศฝรั่งเศส นักเรียนจึงได้รับความรู้เช่นเดียวกับที่เรียนในฝรั่งเศส ในเรื่องของเทคนิคทักษะพื้นฐานจะเหมือนกันทั่วโลก แต่มีการปรับใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากเกษตรกรในแต่ละท้องถิ่น ตามหลักการเพื่อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เรายังมีเป้าหมายระยะยาวที่ต้องการให้ความรู้กับเชฟรุ่นใหม่ ซึ่งไม่ใช่แค่การปรุงอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมีคอร์สฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการ สู่การเป็นผู้จัดการ รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหารด้วย


น้องเล็ก : โรงเรียนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในอาคาร 3 ชั้น ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 1,400 ตารางเมตร เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครันและผ่านการตรวจสอบมาตรฐานโดย “อลัง ดูคาส” แม้กระทั่งครัวซองต์ที่เสิร์ฟให้บริการ ณ “เอกอล ดูคาส กรุงเทพ คาเฟ่” (École Ducasse Bangkok Café) ต้องผ่านการชิมตรวจสอบคุณภาพทุกรายการว่าส่วนผสมถูกต้องตามต้นตำรับ ที่สำคัญโรงเรียนของเราเป็นแบบไฮบริดที่แรกของสถาบัน “เอกอล ดูคาส” ที่นักเรียนสามารถเลือกเรียนการทำอาหารคาวและขนมอบได้ ทั้งหลักสูตรประกาศ นียบัตรสายอาชีพ และคอร์สระยะสั้นสำหรับผู้รักการทำอาหาร เราก็มีคอร์ส 2-6 ชั่วโมง เรายังมีโปรแกรมที่เหมาะกับผู้เรียนที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพตัวเอง เช่น นักกฎหมายที่เครียดกับงานมาเรียนรู้การทำอาหาร และภายใน 10 อาทิตย์ สามารถเปลี่ยนสายอาชีพมาเป็นเชฟได้เลย นอกจากนี้ ผู้เรียนยังมีโอกาสได้เข้าสู่วงการอาหารระดับมืออาชีพ และได้ฝึกงานภายในร้านอาหารในเน็ตเวิร์กของ “มร.อลัง ดูคาส” ที่มีร้านอาหารชื่อดังทั่วโลก เล็กเชื่อว่าในโลกปัจจุบัน ทักษะความรู้อย่างเดียวอาจจะไม่พอ เราต้องมีเน็ตเวิร์กที่แข็งแกร่งด้วย จุดเด่นอีกอย่างคือสถานที่ การเรียนทำอาหารเป็นการเรียนที่หนักและอาจทำให้เครียดได้ โรงเรียนของเราอยู่ท่ามกลางความสวยงามเขียวขจีของปาร์คนายเลิศ น่าจะทำให้นักเรียนรู้สึกผ่อนคลายไปด้วยในตัว
ในฐานะคนไทย ภูมิใจแค่ไหนกับความสำเร็จครั้งนี้
ภูมิใจมากค่ะ ที่ได้สานต่อความเป็นนายเลิศ กรุ๊ป มาถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นงานที่มีความท้าทาย และต้องทำงานแบบอุทิศตน เพื่อนำพาบริษัทก้าวมาสู่รุ่นที่ 4 เล็กอยากทำโรงเรียนแห่งนี้ให้ดีที่สุดก่อนขยายสู่มหาวิทยาลัย โดยในระยะยาววางแผนไว้ว่า จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรธุรกิจบริการจัดการและการโรงแรม (Hospitality Management) เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับนักเรียนไทย ให้มีโอกาสพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น โดยหลักสูตรต่างๆจะมาจาก “มร.อลัง ดูคาส” และจากสถาบัน “เอกอล ดูคาส” บอกได้เลยว่ารู้สึกภูมิใจมากที่ชื่อบุคคลทั้งสองคนที่เล็กเคารพนับถืออย่างนายเลิศ (Nai Lert) และดูคาส (Ducasse) มาอยู่ใกล้กัน ตามชื่อโรงเรียน “เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ”.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ