• เมื่อคุณป้าข้างบ้านนำฟักทองที่ทานไม่หมดมาฝากในวันที่ท้องฟ้าอึมครึม ธัญศา นักเขียนสายอาหารการกินของเราจึงตัดสินใจใช้วัตถุดิบมากประโยชน์ชนิดนี้ มาทำเป็น ‘บัวลอยดอกไม้’ สีสันสดใสหน้าตาน่าเอ็นดู เพื่อต่อสู้กับบรรยากาศของบ้านเมืองที่ยังคงดูหม่นมัวเสียเลย


เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นในยามสายของวันที่ท้องฟ้าอึมครึม พร้อมเสียงตะโกนเรียกจากคุณป้าข้างบ้าน

ด้วยนิสัยขี้กังวลของตัวเอง ก็ทำให้อดที่จะมองโลกในแง่ร้ายไม่ได้ ว่าฉันไปเผลอสร้างปัญหาอะไรเอาไว้หรือเปล่า

แต่เมื่อเปิดประตูบ้านออกไป ฉันกลับพบคุณป้ายืนถือฟักทองลูกโต และแม้แกจะใส่หน้ากากอนามัยอยู่ ฉันก็ยังเห็นได้ถึงความอบอุ่นที่คุณป้าส่งผ่านมาทางแววตาอยู่ดี

“ลูกป้าเขาเอาฟักทองมาให้เยอะมาก ป้าเลยแบ่งมาให้หนูด้วย”

ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมรับมาถือไว้ และค้นพบว่าในวันที่เงียบเหงาเช่นวันนี้ การเปิดรับไมตรีจิตจากเพื่อนบ้านก็ชวนให้จิตใจสดชื่นเบิกบานขึ้นมาได้ไม่น้อย

เมื่อแบ่งสันปันส่วนสำหรับทำผัดฟักทองใส่ไข่แล้ว ฉันก็นึ่งวัตถุดิบส่วนที่เหลือเก็บไว้ทานเล่น แต่เมื่อมันปริมาณเยอะขนาดนี้อย่างไรก็คงทานไม่ทัน ฉันจึงคิดจะทำบางเมนูจากฟักทอง เพื่อเอากลับไปขอบคุณคุณป้าผู้มีน้ำใจ และแจกจ่ายมิตรสหายบางคนที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันเสียเลย

จังหวะพอดีกับที่ช่วงนี้เห็นในโซเชียลมีเดียว่า คนกำลังนิยมทำ ‘บัวลอย’ เป็นรูปดอกไม้หน้าตาน่าเอ็นดู ซึ่งบางคนก็เพิ่มรายละเอียดด้วยการสานใบเตยเป็นปลาตะเพียนตัวจิ๋วใส่ลงไปด้วย ฉันจึงตัดสินใจว่าจะทำ ‘บัวลอยดอกไม้’ สีสันสดใส เพื่อต่อสู้กับบรรยากาศของบ้านเมืองที่ยังคงดูหม่นมัว

...


ฉันหยิบฟักทองนึ่งเนื้อสีเหลืองสวยที่อุดมไปด้วยเบตาแคโรทีน (Beta-Carotene) ออกมาจากตู้เย็นเพื่อเตรียมตัวทำเมนูดังกล่าว ซึ่งสารสีเหลืองไปจนถึงสีส้มชนิดนี้เป็นสารอาหารที่เราสามารถพบได้ในผักผลไม้ ซึ่งเรามักได้ยินกันมาตลอดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะด้วยความเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอของมันนั้นสามารถช่วยบำรุงสายตาได้ดี

นอกจากวิตามินเอแล้ว ก็ยังมีวิตามินซีและวิตามินอีรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะร่วมกันปกป้องระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งดูแลผิวหนังของเราให้ชุ่มชื้น ทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังสารพัด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ, เบาหวาน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น

บางคนอาจเคยทานฟักทองในช่วงควบคุมน้ำหนัก เพราะไม่เพียงเปี่ยมไปด้วยสารอาหาร แต่ยังมีปริมาณแคลอรีต่ำด้วย เพราะมันถูกจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ใช้เวลาในการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลช้ากว่ากลุ่มแป้งขัดสี แถมมีไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย

อาหารจากฟักทองจึงเป็นเมนูมีประโยชน์ที่เหมาะกับการส่งมอบให้คนที่คุณห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ดี หนึ่งวันก่อนหน้าที่ฉันจะได้ฟักทองจากคุณป้า มีรถขายน้ำมะพร้าววิ่งเข้ามาในหมู่บ้านพอดี วันนี้บัวลอยของฉันจึงไม่ได้ใช้น้ำกะทิ แต่เป็น ‘น้ำมะพร้าวผสมนมสด’ ที่มีรสชาติอ่อนละมุนทานง่าย แถมสามารถทานหลังจากแช่เย็นได้โดยไม่ต้องอุ่นด้วย ซึ่งฉันเก็บไว้ทานเองส่วนหนึ่ง และตักแบ่งสำหรับแจกจ่ายอีกส่วนหนึ่ง


หลังจากส่งมอบขนมให้คุณป้าและชวนคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่พักใหญ่ ขนมบัวลอยที่ฉันใช้บริการเมสเซนเจอร์ก็ถึงมือเพื่อนฝูงเรียบร้อยแล้ว เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น พร้อมทั้งรูปถ่ายบัวลอย คำชื่นชม และคำขอบคุณจากเพื่อนสาวที่ไม่ได้คุยกันมาพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันแบบทางไกล

น้ำใจของคุณป้าที่มาพร้อมฟักทอง ทำให้ฉันได้มีโอกาสแบ่งปันความสุขเล็กๆ มีเรื่องให้พูดคุยกับคนที่รักและคิดถึง จนวันที่ซึมเซากลับมาสดใสเหมือนกับ ‘บัวลอยดอกไม้’ ได้อีกครั้ง


วิธีทำ ‘บัวลอยดอกไม้จากฟักทอง’

...


ส่วนผสม:

  • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
  • ฟักทองนึ่ง ¼ ถ้วย
  • น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย
  • นมสด 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย
  • น้ำอุ่น 10-12 ช้อนโต๊ะ
  • ใบเตย


1) บดฟักทองจนเนื้อเนียน


2) ผสมแป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วยกับฟักทอง ระหว่างนวดค่อยๆ เติมน้ำอุ่นทีละ 1 ช้อนโต๊ะ ระวังไม่ให้แป้งเหลวเกินไป นวดจนแป้งไม่ติดมือเป็นอันใช้ได้ พักแป้งไว้ก่อน

...


3) สำหรับแป้งข้าวเหนียวที่เหลือ ค่อยๆ เติมน้ำอุ่นทีละ 1 ช้อนโต๊ะระหว่างนวด นวดจนแป้งไม่ติดมือเช่นกัน


4) ปั้นแป้งเป็นเม็ดกลมเล็ก ประกอบกันเป็นดอกไม้ วางบนถาดที่โรยแป้งข้าวเหนียว ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ คลุมไว้กันแห้ง

...


5) ต้มน้ำมะพร้าวอ่อนกับใบเตย ใส่น้ำตาลทราย พอเดือดจึงค่อยปิดไฟ เติมนมสดลงไป


6) ตั้งน้ำจนเดือด นำบัวลอยที่ปั้นไว้ลงไปต้ม รอกระทั่งบัวลอยสุกจนลอยขึ้นมา แล้วช้อนขึ้น


7) พักไว้ในน้ำมะพร้าวนมสดสักพัก


8) ตักแบ่งใส่ชาม -- เพียงเท่านี้บัวลอยดอกไม้สีสันสดใสแสนอร่อยของเราก็พร้อมทานแล้ว!

อ้างอิง: Healthline, Medlineplus.gov