ไล่ล้มเป็นโดมิโนมาเรื่อยๆ หลังจากเหตุการณ์ “สึนามิ” เข้าถล่มประเทศญี่ปุ่น รถยนต์ รถไฟ บ้านเรือนเครื่องบิน และอื่นๆ อีกมากมายเสียหายแทบจะราบพนาสูร โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ล่าสุด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ระเบิดซ้ำอีก ส่งผลให้สารกัมมันตภาพรังสีระดับสูงรั่วไปทั่ว จนเป็นที่วิตกกันอย่างมากมายโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นที่ประเทศไทยนำเข้ามาเป็นจำนวนมากส่งผลให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ต้องออกแอ็คชั่นคุมเข้มภาคเอกชนในการนำเข้าวัตถุดิบจากประทศญี่ปุ่น เนื่องจากอาจเกิดการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีในอากาศ เนื่องจากร้านอาหารประเภทนี้มีมาก อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากคนไทย
ไทยรัฐออนไลน์ลองสอบถามไปยังผู้ประกอบการว่า ในฐานะผู้บริโภคเราๆ ท่านๆ แฟนพันธุ์แท้อาหารที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นแท้ๆ นอกจากจะมั่นใจวัตถุดิบที่อยู่ในจานอาหารได้หรือไม่อย่างไร เรายังพาไปหาความหมายอันตรายของสารกัมมันตภาพรังสีด้วย…?
ทัศนะยักษ์ใหญ่ อาหารญี่ปุ่นปลอดภัยจริงหรือ…
มาฟังผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่ของไทย จากบริษัท ฟู้ดโปรเจ็คท์ จำกัด กล่าวถึงผลกระทบพร้อมกับ ย้ำความมั่นใจไปกับสื่อหลายแขนงชัดเจนว่า สิ่งที่หลายคนแสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของอาหารทะเลที่นำเข้าจาก ประเทศญี่ปุ่นมากมาย ภายหลังข่าวอาคารที่ครอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิดขึ้น จะสร้างผลกระทบเรื่องสารพิษรั่วไหลและกำลังทำอันตรายต่อระบบนิเวศน์ในทะเลนั้น
ทว่าในความเป็นจริงมีการนำเข้าวัตถุดิบมาจากหลากหลายประเทศมีการนำเข้าจากญี่ปุ่นเล็กน้อยเพียง 10-20% เท่านั้น อาจจะมีบ้างในส่วนของผลกระทบทางจิตวิทยาแต่คงเป็นช่วงระยะเวลาสั้นว่า วัตถุดิบจะมีการปนเปื้อนสารเคมี กระทั่งสัตว์ที่ตายจากสึนามิเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทได้มีการพูดคุยกับผู้ผลิตและแห่งที่บริษัทฯ ซื้อวัตถุดิบที่ญี่ปุ่นแล้วเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากที่สุด ที่สำคัญ ตัวแทนผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นจากบริษัทยักษ์ใหญ่ กล่าวว่าสินค้าและวัตถุดิบบางอย่างก็สามารถผลิตได้ในไทยทดแทนได้ กระทั่งปลาแซลมอน ปลาซาบะก็นำเข้ามาจากประเทศแถบตะวันตกเป็นหลัก
สอดคล้องกับ เจ้าของบริษัท ไม่ตัน จำกัด นายตัน ภาสกรนที ผู้ดำเนินธุรกิจร้านราเมนแชมป์เปี้ยน ที่ทองหล่ออารีน่า 10 กล่าว ว่า ยังเร็วไปหากจะพูดถึงผลกระทบของวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับใช้ประสบการณ์วิเคราะห์ว่าโดยรวมแล้วไม่น่าจะร้ายแรงอะไรมากแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือญี่ปุ่นกันดีกว่า
...
ขณะที่ นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิกรุ๊ป กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ถึงผลกระทบว่าไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากสินค้า วัตถุดิบซื้อมาจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะนำเข้ามาจากประเทศ “นอร์เวย์” กับ “ชิลี” ซึ่ง เป็นปลาน้ำลึกไม่ได้นำเข้ามาจากน่านน้ำของญี่ปุ่น อีกทั้งวัตถุดิบที่นำเข้าทั้งหมดโออิชิได้มีการตรวจเช็คสเปกอย่างเป็นมาตรฐานสูงสุดอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะมีภัยพิบัติครั้งนี้หรือไม่มีก็ตาม เมื่อวัตถุดิบมาถึงเมืองไทย ก่อนจะนำส่งเข้าร้าน ก็จะมีการรีเช็คเข้มอีกครั้ง
"ผมขอย้ำตรงนี้ว่าเรื่องความปลอดภัยของอาหารเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ซึ่งโออิชิมีมาตรฐานในการป้องกันมากอยู่แล้ว แม้จะมีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นของแห้ง ซึ่งญี่ปุ่นเองก็นำเข้าจากจีน จากเกาหลี จากประเทศอื่นเหมือนกัน สินค้าของทางบริษัทจึงนำเข้ามาจากหลายแหล่ง อาทิ เกาหลี ไต้หวัน ยุโรป เป็นต้น อย่างไรก็ดี หากกัมมันตภาพรังสีจะมีผล ก็จะเกิดกับพืชผล แต่มันจะไม่เกิดผลขึ้นทันที แต่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาว ถ้ามันเกิดขึ้นจริงพืชผลก็จะตายก่อน จึงไม่ต้องกังวล"
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการเบื้องต้นที่สร้างความอุ่นใจให้ บรรดาผู้รักอาหารญี่ปุ่นนั้นรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิกรุ๊ปบอกว่า 1. ทางโออิชิได้เช็คสเปกของโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่นว่าถูกต้องหรือเปล่า มีผลเชื้อ มีกัมมันตภาพรังสีหรือไม่ 2.เมื่อขนย้ายแล้วมาถึงเมืองไทย ก็เช็คอีกหนึ่งรอบ เพราะว่าในขบวนการในการขนย้ายอาจไม่ได้ควบคุมในเรื่องของอุณหภูมิ หรือการปนเปื้อน พอมาถึงก่อนเข้าหน้าร้านก็ต้องเช็คอีกหนึ่งรอบ หากไม่ปลอดภัยทางบริษัทก็จะตีกลับสินค้าทันที
"สำหรับสึนามินั้น หากจะส่งผลต่อปลาก็เป็นเพราะการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล ทำให้ปลาน้ำลึกไม่มีออกซิเจน แล้วปลาจะลอยเหนือน้ำขึ้นมาเพื่อหาออกซิเจน แต่ปลาที่ทางโออิชินำเข้าส่วนใหญ่เป็นปลาแซลมอล ซึ่งอยู่ใต้ลงไปน้ำลึก และมีไขมันที่ดีต่อมนุษย์ เมื่อบริโภคแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย มันจึงกลายเป็นภัยของธรรมชาติที่มีต่อสัตว์น้ำ แต่แหล่งที่ทางโออิชิซื้อ คือชิลีและนอร์เวย์เป็นหลัก ส่วนปลาจากญี่ปุ่นนั้นเป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นเท่านั้น จึงกล้ายืนยันว่าปัจจุบันโออิชิไม่มีภาวะเสี่ยง และมั่นใจในมาตรการการตรวจรับสินค้าจากแหล่งที่รับมา"
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิกรุ๊ป กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ขณะนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่น ให้กลับมามีเสถียรภาพเช่นเดิม ซึ่งประเทศไทยกับญี่ปุ่นเหมือนเป็นประเทศพี่ประเทศน้อง ดังนั้นทางโออิชิจึงจัดโครงการเพื่อระดมทุนช่วยประเทศญี่ปุ่นให้ฟื้นตัวได้ เร็วขึ้นผ่าน 3 ช่องทางดังนี้ 1.หน้าร้านโออิชิจะมีกล่องรับบริจาคช่วยประเทศญี่ปุ่น 2.ในหน้าเฟซบุ๊กหากเข้าไปกดชอบก็ถือว่าช่วยบริจาคเงินให้แก่ประเทศญี่ปุ่นเช่น กัน 3.สำหรับผู้ที่ต้องการอิ่มท้องและอิ่มบุญนั้น เพียงทานอาหารที่โออิชิ ทางบริษัทก็จะหัก 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อมอบให้แก่ญี่ปุ่น
"ส่วนคนที่แสดงความเป็นห่วงว่าหุ้นโออิชิจะตกนั้น ขณะนี้ยังคงราคาที่ 103 บาทเท่าเดิม จึงแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง และระบบการดำเนินงานที่มีมาตรฐานเสมอมา ฉะนั้นผู้ที่หวั่นๆว่าอาหารญี่ปุ่นจะมีสารกัมมันตภาพรังสีเจือปนไหม ตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าปลอดภัยหายห่วง" รองกรรมการบริษัทโออิชิกล่าวในที่สุด
ทัศนะยักษ์เล็ก อาหารญี่ปุ่นปลอดภัยจริงหรือ…
ขณะที่ ก้อง-กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง “มูเกนได” ที่นำเข้าอาหารวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนมาก กล่าวถึงผลกระทบกับไทยรัฐออนไลน์ว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นกัน
"โดยเฉพาะ “ซาซิมิ” ที่นำเข้า 100% นอกจากนี้ยังมีเนื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากโตเกียวเป็นส่วนใหญ่ที่เหลือก็นำเข้าปลาจาก โอซากา ฮอกไกโด แต่หลังเกิดเหตุเราก็งดวัตถุดิบจากโตเกียว แต่ก็ยังนำเข้าวัตถุดิบจาก โอซากา ฮอกไกโดอยู่ เนื่องจากทะเลและภูมิอากาศไม่หนีกันมาก"
นอกจากนี้มาตรการในการแก้ปัญหาสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง บอกว่า 2-3 เดือน จากนี้ไปเราจะใช้ปลาจากฟาร์มส่วนใหญ่แก้ปัญหาไปชั่วคราว ถึงแม้รสชาติปลาจากธรรมชาติจะอร่อยกว่าปลาฟาร์ม แต่ด้วยความปลอดภัยและสารกัมมันตภาพรังสี จำเป็นต้องใช้ปลาฟาร์มชั่วคราวไปก่อน
"ส่วนปลาประเภทต่างๆ ที่แสดงความเป็นห่วงกันว่านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแล้วจะมีผลกระทบ เช่น แซลมอน ซึ่งร้านเราไม่ได้นำมาจากญี่ปุ่นแต่นำเข้ามาจากนอร์เวย์ ส่วนเนื้อวัวญี่ปุ่นโกเบ มัตสึซากะ ก็อยู่ห่างไกลจากเซนได ส่วนหอยเม่นก็มาจากฮอกไกโด ภาคเหนือของญี่ปุ่นไปทางรัสเซียไกลพอสมควรจึงไม่น่าจะมีผลกระทบ"
...
สุดท้าย เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง “มูเกนได” กล่าวว่า ขอให้ทุกๆ คนมั่นใจได้ว่าแม้ว่าความปลอดภัยของทุกๆ คนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
"ผมรับประกันได้ว่าวันนี้ไม่ว่าเขาจะการันตรีว่าปลอดภัยยังไง เราก็ไม่กล้าเสี่ยงกับความปลอดภัยของลูกค้าทุกๆ คน ซึ่งก่อนหน้านี้เราเข้มและก็พิถีพิถันเรื่องความปลอดภัยและความสะอาด วัตถุดิบทุกชิ้นอย่างไรวันนี้ก็เข้มมากขึ้นเป็นเท่าตัวแน่นอน" หนุ่มไฮโซกล่าวยืนยัน
มัจจุราชนาม "กัมมันตภาพรังสี"
สำหรับอันตรายของสารกัมมันตภาพรังสีนั้นผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เมื่อผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อของ อาจจะทำให้เนื้อเยื่อตาย หรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง อย่างไรก็ดี ความรุนแรงของสารกัมมันตรังสีจะขึ้นอยู่กับปริมาณ ของกัมมันตรังสีด้วย ในช่วงระยะเวลาและอวัยวะของร่างกายที่ได้รับ กัมมันตภาพรังสีในอวัยวะร่างกายของมนุษย์ บริเวณศีรษะตรงส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อสมอง และบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์เป็นตำแหน่งที่ไวต่อการรับกัมมันตรังสีมากที่สุด
อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคราวหรืออย่างถาวรได้ ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร เมื่อมีการสืบพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะถูกถ่ายทอดไปถึงรุ่นลูกหลานเป็นผลให้เกิดการกลายพันธุ์ แต่มีปริมาณน้อยจึงไม่ได้รับอันตราย ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการใช้กัมมันตรังสีเพิ่มมากขึ้น จำเป็นต้องหาทางป้องกัน และศึกษาอันตราย เพื่อนำธาตุกัมมันตรังสีไปใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดอีกด้วย.
...