ไม่ถึงกับเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่ผลงานออกแบบแฟชั่นรองเท้าของแบรนด์ Madame Flamingo (มา ดามฟลามิงโก้) ก็ถูกใจสาวๆ ที่ชอบแต่งตัวอย่างมาก วันนี้เลยต้องมาล้วงลึกถึงที่มารองเท้าสไตล์สาวเก๋ๆ แบรนด์นี้ จากมาดามสาวน้อย ที่เป็นทั้งคนออกแบบและผู้สร้าง Madame Flamingo ให้ติดตลาดได้จนทุกวันนี้
เจเน็ท หรือ ภัณฑิลา พรหมฟัง สาวน้อยวัย 26 ปี ที่จะบอกว่าฟ้าบังเอิญประทานพรสวรรค์มาให้ก็คงไม่ใช่ เพราะหลายๆ อย่างในชีวิตของเจเน็ท เริ่มต้นขึ้นความคิดของตัวเอง ที่ชอบคิด ชอบทำ พอคิดบ่อยๆ ทำมากๆ เลยกลายเป็นจุดมุ่งหมายที่อยากจะสร้างสิ่งนั้นให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนจบ เจเน็ทก็สานฝันของตัวเองให้ชัดมากขึ้นด้วยการไปเรียนต่อที่ประเทศอิตาลี เมืองที่ขึ้นชื่อด้านศิลปะอยู่แล้ว จากนั้นก็กลับมาเมืองไทย และจากตรงนี้เองได้เกิดธุรกิจที่ฝันไว้
“ตั้งแต่เด็กๆ เน็ทก็ชอบทำของกระจุกกระจิก ชอบวาดรูป พอเริ่มวัยรุ่นก็รู้ตัวเลยว่าชอบแฟชั่น แต่ตอนนั้นก็ยังเรียนปริญญาตรีศิลปศาสตร์ สาขา Business English ที่เอแบคอยู่ เลยคิดไว้ว่าพอจบที่นี่จะไปเรียนต่อด้านแฟชั่นให้จริงจัง จนได้ไปเรียนออกแบบที่อิตาลี เพราะอยากเลือกเรียนภาษาอื่นบ้างที่ไม่ใช่อังกฤษ อีกทั้งอิตาลีก็เป็นเมืองแฟชั่นด้วย แต่ที่เลือกเรียนออกแบบรองเท้าโดยตรง เพราะเน็ทมองว่าที่เมืองไทยมีดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าเยอะ คู่แข่งก็ต้องเยอะตามแน่ๆ คิดว่าทำตรงนี้เฉพาะทางให้ดีที่สุดไปเลยดีกว่าที่สำคัญที่นั่นเขาสอนละเอียดมาก ตั้งแต่วิธีการทำรองเท้าที่เป็นแฮนเมทหมดเลย และเน็ทก็ชอบด้วย เพราะรองเท้ามันก็เป็นแฟชั่น และมีความสำคัญมากพอๆ กับเสื้อผ้าด้วย”
เป็นเวลากว่า 4 เดือนเต็มที่เจเน็ทใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีเพื่อสานฝันของตัวเอง จนกระทั่งกลับมาเมืองไทย ก็ได้ทดลองลงสนามของการเป็นดีไซเนอร์ออกแบบรองเท้าแฟชั่นให้กับแบรนด์อื่น จนในที่สุดก็ทนกับหัวใจที่เรียกร้องไม่ไหว และได้ทำรองเท้าที่ออกแบบเอง ผลิตเองภายใต้แบรนด์ Madame Flamingo
“เน็ทไปเรียน 4 เดือน พอกลับมาก็เป็นดีไซเนอร์ฟรีแลนซ์อยู่ 6 เดือนออกแบบรองเท้าไป 2 คอลเลคชั่น หลังจากนั้นก็ออกมาทำเอง ใช้ชื่อว่า Madame Flamingo ที่ใช้ชื่อนี้เพราะคำว่ามาดามฟังแล้วมันดูเป็นสาวมั่น เก๋ๆ แต่ดูมีระดับด้วย ส่วนฟลามิงโก้มาจากภาษาสเปนเป็นชื่อของการเต้นฟลามิงโก้ และรองเท้าที่ออกแบบก็เป็นสไตล์ นูว์วินเทจ (Nue Vintage) มีสีสันสะดุดตา เลยเอาชื่อมาดามมา เพราะมาดามเป็นผู้หญิงออกวินเทจปากแดง ตาโต ใส่กระโปรงเอวสูง”
Madame Flamingo เลยเกิดขึ้น ซึ่งเจเน็ทได้บอกว่าตอนแรกก็มีปัญหาบ้าง เพราะคุณแม่อาจเห็นว่ายังเด็ก เลยไม่มั่นใจว่าจะขายได้ แต่ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็สามารถชนะความกลัวของคุณแม่ได้ เพราะด้วยความตั้งใจ อยากที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด
...
“เน็ทเป็นคนทำเองทุกอย่างตั้งแต่ วางแพทเทิร์น เลือกวัสดุ และดีไซน์ แต่พอออเดอร์เยอะขึ้น ก็มีคุณแม่ และคุณป้าที่ช่วยหลักๆ และมีคนงานที่รับมาทำด้วย รองเท้าที่ออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นไปทางย้อนยุค เน้นสีมีดีเทลให้ดูเก๋ๆ ช่วงแรกที่ทำคุณแม่ก็หวั่นๆ และกลัวว่าจะขายไม่ได้ เลยเปิดร้านขายที่สวนลุมไนท์พลาซาแค่ห้องเดียวก่อน แต่พอขายดีขึ้นก็เริ่มขยายกิจการไปบนห้างบ้าง ล่าสุดก็ได้วางที่ห้าง ZEN"
เป็นความสามารถ และความตั้งใจของเจเน็ทที่ทำให้วันนี้ Madame Flamingo ก้าวมาสู่วงการแฟชั่นรองเท้าเกือบ 3 ปีแล้ว ซึ่งตัวเจเน็ทเองก็ยังได้รับเลือกเป็นดีไซเนอร์ของกรมส่งเสริมการส่งออก เพื่อร่วมงานแฟร์ไปขยายตลาดที่ต่างประเทศด้วย ความสำเร็จของสาววัยเพียง 26 ที่มีกิจการของตัวเองแบบนี้ เจ้าตัวก็บอกว่า คงเป็นเพราะครอบครัวที่ไม่ตีกรอบด้านความคิด และเป็นเพราะรู้จักตัวเองได้ไวด้วย
“เน็ทต้องขอบคุณคุณแม่มากๆ ที่ไม่เคยขัดเน็ทเลย อาจมีเตือนบ้าง หรืออยากให้เน็ทไปทำงานประจำก็ตาม แต่ เน็ทว่าตัวเองโชคดีมากที่คุณแม่ส่งไปเรียนภาษา และศิลปะตั้งแต่ 2 ขวบ เลยรู้สึกชอบ จนพอโตขึ้นเรียนจบคุณแม่ก็ไม่ห้าม ที่จะไปเรียนทำรองเท้าที่อิตาลี อีกอย่างคงเพราะเน็ทรู้จักตัวเองเร็วว่าชอบอะไร อยากทำอะไร ก็ทำสิ่งนั้นให้ดีไปเลยดีกว่า เน็ทเลยตั้งเป้าไว้ก่อนเรียนจบแล้วว่าจะต้องมีกิจการเป็นของตัวเองให้ได้ก่อนอายุ 25 พอเป็นจริงก็รู้สึกภูมิใจมากที่มีวันนี้ และมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”
...
จะเป็นพรสวรรค์ หรือพรแสวงที่มีอยู่ในตัวของมาดามสาวน้อยคนนี้ คงบอกไม่ได้ว่าตรงไหนที่เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเจเน็ทกลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะหากขาดการลงมืออย่างจริงจัง ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ความฝันก็คงจับต้องไม่ได้ แต่ Madame Flamingo คงไม่ใช่ เพราะได้ทั้งเห็นสีสัน และสวมใส่ ถูกใจสาวๆ ที่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงกันไปเต็มๆ..
www.madameflamingo.com