สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 20 เขียนไว้ว่า คนไทยเริ่มใช้ช้อนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ.2054 ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา อันเป็นยุคที่เรามีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับชาติตะวันตก หากไปดูทางฟากฝั่งของยุโรปบ้าง ช้อนมีใช้ตั้งแต่ยุคหินเก่าโดยใช้เปลือกหอยหรือเปลือกไม้ต่างช้อน ต่อมาในสมัยโรมัน ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 มีการแบ่งช้อนเป็น 2 ชนิด แบบเรียกว่า “Ligula” ใช้สำหรับตักซุปหรืออาหารนิ่ม ๆ มีการตกแต่งปลายช้อนให้ดูสวยงามน่าใช้งานด้วย อีกแบบเรียกว่า “Cochleare” มีลักษณะเล็กและเรียวกว่าแบบแรก ใช้สำหรับอาหารจานหลัก จากนั้นก็มีการนำไปใช้ในประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 43 และใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ช้อนที่คุ้นตาในบ้านเราส่วนใหญ่จะทำจากสเตนเลสเนื้อดี ทนทาน ทนความเป็นกรดและด่างได้ดี หรือจะเป็นช้อนไม้ ก็ได้อารมณ์แบบธรรมชาติดีเหมือนกัน เราลองแบ่งตามการใช้งานได้ดังนี้
ช้อนคาวหรือช้อนจีน ลักษณะเรียวแต่กว้าง เป็นช้อนสั้นที่เราใช้กันทั่วไปและใช้เป็นช้อนกลางด้วย รวมไปถึงช้อนเซรามิกสำหรับรับประทานข้าวต้มหรือโจ๊ก ขนาดโดยประมาณ 4.1x12 เซนติเมตร
ช้อนโต๊ะ ช้อนยาวที่ใช้คู่กับส้อม เป็นช้อนแบบสากลที่มีลักษณะเรียวยาวเพื่อความสะดวกในการรับประทานอาหาร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 เซนติเมตร
ช้อนชา หรือ ช้อนกาแฟ ลักษณะช้อนจะเรียวเล็ก เหมาะกับการตักกาแฟและน้ำตาลใส่ในถ้วยชาใบเล็ก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร
...
ช้อนซุป ช้อนกลม ด้ามยาว ใช้สำหรับตักซุป โดยรับประทานจากด้านข้างของช้อน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4.7 เซนติเมตร
ช้อนไอศกรีม ช้อนขนม หรือ ช้อนหวาน ช้อนเรียวแบบมีด้าม ด้ามมีขนาดใกล้เคียงกับช้อนชงกาแฟ แต่ตัวช้อนจะมีขนาดใหญ่กว่า สำหรับใช้รับประทานขนมได้พอดีคำ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.8 เซนติเมตร
ช้อนเสิร์ฟ ช้อนยาวเรียว ลักษณะเหมือนช้อนโต๊ะขนาดใหญ่ ใช้สำหรับตักอาหารเสิร์ฟหรือใช้เป็นช้อนกลางแบบเป็นทางการ มีด้ามจับใช้สะดวก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5.8 เซนติเมตร
ช้อนค็อกเทล ช้อนที่ไม่มีด้าม มีเพียงปลายเล็ก ๆ ให้จับ ใช้สำหรับวางอาหารค็อกเทลคำเล็ก ๆ ส่วนใหญ่ทำจากเซรามิกสีขาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.5 เซนติเมตร
ทัพพี เรานับเป็นช้อนเพราะใช้ตักแบ่งอาหารออกจากภาชนะ มีหลายลักษณะทั้งแบบเรียวยาวใช้ตอนประกอบอาหาร และแบบทรงกลมก้นลึกสำหรับตักแกงหรือซุป ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7 เซนติเมตร
การดูแลรักษาช้อน
คราบด่างหลังช้อนแห้ง : หลังล้างช้อนเสร็จให้นำน้ำร้อนมาเทราดบนช้อน หรือจะเทน้ำร้อนใส่ภาชนะแล้วจุ่มช้อนผ่านน้ำ จากนั้นเช็ดให้แห้ง เก็บในที่เก็บช้อน รับรองว่าเมื่อแห้งสนิทจะไม่มีคราบแน่นอน
คราบดำ : ผสมเกลือครึ่งช้อนชาและนมสด 1-2 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 ถ้วย นำไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วนำช้อนลงไปต้มสัก 2-3 นาที คราบดำก็จะหลุดออกไป
คราบหมอง ช้อนไม่เงางาม : ใช้ผ้านุ่มชุบในน้ำครึ่งถ้วยที่ผสมเบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อนโต๊ะ เช็ดช้อนจนขึ้นเงา จากนั้นล้างด้วยน้ำยาล้างจานปกติ แล้วเช็ดให้แห้ง แค่นี้ช้อนก็กลับมาเงาวิ้งเหมือนเดิมแล้ว
TIPS ช้อนชาและช้อนโต๊ะ
หลายท่านอาจเคยสับสน เวลารับประทานยา 1 ช้อนชา ก็ไปหยิบช้อนชงชามาให้ หรือการใส่ส่วนผสมเครื่องปรุง 1 ช้อนโต๊ะ ก็ไปหยิบช้อนกินข้าวมาใช้ ซึ่งจะทำให้ได้ปริมาณที่คลาดเคลื่อน เพราะจริง ๆ แล้วขนาด 1 ช้อนชา (ช้อนที่ได้มาพร้อมยาน้ำ) เท่ากับ 5 ซีซี (CC) หรือ 5 มิลลิลิตร (5ml) ขณะที่ช้อนกินข้าวมีความจุ 7.5 ซีซี (CC)
ดังนั้นในการรับประทานยาหรือใส่ส่วนผสมของเครื่องปรุง หากจำเป็นจะต้องใช้ช้อนชงชาจริง ๆ ให้เทียบปริมาณ ดังนี้
1 ช้อนชา เท่ากับ 2 ช้อนชงชา
1 ช้อนโต๊ะ เท่ากับ 2 ช้อนชงชา
อย่างไรก็ตามหากใครจะทำขนมแนะนำให้ใช้ช้อนตวงสำหรับทำขนมจะดีกว่า เพื่อไม่ให้สูตรขนมผิดเพี้ยนหนึ่งชุดประกอบด้วยขนาด 1 ช้อนโต๊ะ, 1 ช้อนชา, ½ ช้อนชา, ¼ ช้อนชา, ½ ช้อนโต๊ะ และ 1/3 ช้อนชา
ก่อนเลือกซื้อช้อน
ควรสังเกตความหนาด้วย หากซื้อผิด การจะใช้ช้อนตัดแบ่งเนื้อหมูอาจกลายเป็นเรื่องยาก สังเกตดูว่าช้อนตามร้านข้าวแกงทั่วไปมีความหนาแค่ 0.5 มิลลิเมตร ราคาถูก แต่ใช้งานได้ไม่นานก็งอ ช้อนที่ใช้ตามบ้านควรมีความหนาตั้งแต่ 0.8-1 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อช้อนหนาเกินไป เมื่อถือนาน ๆ อาจทำให้รู้สึกหนักมือ แนะนำให้ลองหยิบจับก่อนซื้อทุกครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา
ถาดช้อน
เป็นอุปกรณ์จำเป็นในครัว ปัจจุบันมีแบบสำเร็จรูปให้นำไปใส่เข้ากับลิ้นชักได้สะดวก แนะนำให้ล้างและเช็ดช้อนให้สะอาดก่อนเก็บใส่ถาดช้อนเพื่อป้องกันเรื่องคราบสกปรก และไม่ทำให้ลิ้นชักหรือถาดเกิดความชื้นด้วย
...
ขอบคุณบ้านและสวน ฉบับเดือนมีนาคม
คอลัมน์ในเรือน
www.baanlaesuan.com