สายมูต้องมา...รถยนต์ยี่ห้อ Lexus LM 350h Executive หมายเลขทะเบียน ถ–6506 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ป้ายแดงส่วนตัว “นิด” หรือ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แขวน “พระสมเด็จวัดบวร” ไว้บริเวณด้านหน้าคอนโซล

รวมถึงยังมีสายสิญจน์ลูกประคำครูบาบุญชุ่ม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งล้านนา คนขับรถประจำตัววัย 47 ปี เล่าให้ฟังว่า ส่วนตัวผมเป็นคนชอบเข้าวัด... ไหว้พระ มีศรัทธา ความเชื่อในเรื่องนี้อยู่แล้ว พระสมเด็จฯ ก็เช่ามาจากตู้ที่วัดบวรฯ แล้วก็ย้ายจากรถคันเก่าแขวนบูชาเพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทาง

ส่วนลูกประคำครูบาบุญชุ่มก็ได้มาจากเพื่อนตำรวจทางหลวงเชียงใหม่ รู้ว่าเราชอบพระเครื่อง เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์มีโอกาสได้เจอกันก็เลยเอามาให้ บอกย้ำด้วยว่า...ได้รับมาโดยตรงจากมือครูบาบุญชุ่มเลย

ด้วยภาระหน้าที่เป็นคนขับรถ “พี่นิด” ไม่ว่า จะเดินทางใกล้หรือไกลก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญก็คือความปลอดภัย เดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น ตรงเวลา

...

ถามว่าห้อยพระอะไรติดตัว?...ก็พลันเปิดคอเสื้อควักสร้อยแขวนเหรียญ “หลวงพ่อกลั่น ธมฺมโชติ” เกจิดัง วัดพระญาติการาม ตำบลไผ่ลิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกมาให้ดู พร้อมบอกว่า ผมศรัทธา เชื่อนับถือหลวงพ่อกลั่นมาก ได้เหรียญหลวงพ่อมาจากรุ่นพี่ที่สนิทกัน...แขวนนานนับ 10 ปีแล้ว

“...ไปไหนมาไหนรู้สึกว่ามีสติมาก รู้สึกอุ่นใจ”

เหรียญหลวงพ่อกลั่นไม่ใช่รุ่นแรกๆ มูลค่าก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่กับศรัทธาที่ว่านี้ถือว่ามีอยู่มากล้น เช้าจะออกจากบ้านก็อาราธนาตั้งจิตอธิษฐานภาวนาขอให้ชีวิตราบรื่น พอกลับถึงบ้านก็ถอดแขวนตั้งจิตอธิษฐานขอบคุณท่าน ที่ได้ทำงานกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย แคล้วคลาด...ทำอย่างนี้ทุกวันเป็นกิจวัตร

พระเครื่อง เครื่องรางในรถบวกกับศรัทธาที่คล้องติดตัวอยู่ทุกวี่วันจึงมีผล เชื่อมโยงถึงความมั่นใจที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี จะว่าไปแล้ว...ก็มีบางอย่าง ที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

นับตั้งแต่เวลาขับรถไปในที่ต่างๆหลายๆครั้งก็มีอาการง่วง จะวูบอยู่บ้าง... แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดึงสติให้กลับมาได้

เชื่อตามเหตุผลก็อาจเป็นสตินั่นเอง...แต่ถ้าเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติก็คงเป็นเพราะพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราศรัทธาบูชามาช่วยทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุ อันตรายเรื่องร้ายแรงก็เป็นได้

ยิ่งช่วงหาเสียงได้ไปในหลายๆที่ต่างจังหวัดก็บ่อยๆ เส้นทางมืด เปลี่ยว มีจุดเสียว จุดเสี่ยงมาก บางคืนก็ไปนอนค้างต่างที่ก็รู้สึก...มีสัมผัสได้บ้างว่ามีอะไรบางอย่างที่เหนือธรรมชาติอยู่ใกล้ๆ ก็ตั้งสติ ผ่านมาได้ด้วยดีทุกครั้ง...“เชื่อในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ รู้ว่ามี แม้จะยังไม่เคยเห็น แต่บางทีก็รู้สึกขนลุก”

ที่สำคัญ...ตั้งแต่ขับรถมาหลายปีก็ไม่เคยเจอกับอุปสรรคปัญหาใดๆเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยรถเสีย ยางรถก็ไม่เคยแบนกลางทาง จะมีก็แต่โดนหินดีดเข้ากระจกบ้าง เพราะขับรถตามๆกันมาเป็นขบวนหลายคัน ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติอยู่แล้ว

OOOOOOO

“เหรียญหลวงพ่อกลั่น” ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเหรียญยอดนิยม มีราคาเช่าบูชาอยู่ไม่น้อย

พลิกแฟ้มประวัติ “วัดพระญาติการาม” ในอดีตมีเจ้าอาวาสที่เก่งกล้าเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก 2 รูปด้วยกัน ที่รู้จักและมีชื่อเสียงรูปแรก “หลวงพ่อกลั่น” และรูปต่อมา “หลวงพ่ออั้น”

...

ในสมัยที่หลวงพ่ออั้นยังมีชีวิตอยู่...เป็นเจ้าอาวาส นับว่าเป็นพระเกจิดัง ที่รู้จักทั่วไป และเป็นพระเกจิอีกรูปหนึ่งที่ชื่นชอบเก็บสะสมวัตถุโบราณ

ส่วนประวัติ “หลวงพ่อกลั่น” นั้นท่านเป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยกำเนิด เกิดที่ตำบลท่าหลวง เมื่อปี พ.ศ.2390 เริ่มศึกษาอักขระขอมโบราณที่สำนักวัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนคร ศรีอยุธยา

เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบท ณ วัดโลกะยะสุธา ศาลาปูน โดยมีพระญาณไตรโลก (สะอาด) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูกุศลธรรมธาดา วัดขุนญวน และพระอธิการชื่น วัดพระญาติการาม เป็นคู่สวด ท่านใฝ่ใจศึกษาทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระจากพระอาจารย์ชื่นจนแตกฉาน

ท่านมักออกธุดงควัตรไปตามสถานที่ต่างๆในช่วงออกพรรษาอยู่เป็นนิจ เพื่อแสวงหาความวิเวกและเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดญาติการาม ท่านเป็นพระภิกษุที่มีศีลาจารวัตรงดงามมีเมตตาธรรม สูงส่ง อีกทั้งทรงคุณวิเศษและมีพุทธาคมเข้มขลัง โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี

อาทิ “วิชาชาตรี เก้าเฮ หินเบา” เดิมเป็นวิชาสายพระเวทโบราณ แต่หาคนสืบทอดได้น้อยเพราะผู้ได้เรียนมักจะร้อนวิชาจนวิชาเข้าตัว...คนเรียนวิชานี้จึงต้องเป็นพระอภิญญา มีกรรมฐานระดับสูง

ตามบันทึกว่าไว้...วิชาชาตรีต้องเรียนเป็นคู่และดวงชะตาต้องแข็ง เพราะเรียนแล้วต้องผลัดกันทุ่มหินใส่กัน ถ้าสำเร็จจะทำให้หินเบาเหมือนนุ่น ที่เรียกว่าชาตรี คือทำอันตรายไม่ได้ ส่วนที่เรียกว่าเก้าเฮ เพราะขึ้นต้นคาถา ด้วยคำว่า...เฮเก้าครั้ง

OOOOOOO

...

“วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร”...วัดประจำรัชกาลที่ 6 และมีสมเด็จพระสังฆราชเคยประทับอยู่มากที่สุดถึง 4 พระองค์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ที่เสด็จออกผนวชทุกพระองค์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 4, 5, 6, 7, 9 และรัชกาลที่ 10

ศิลปกรรมในเขตสังฆาวาส ได้แก่ กลุ่มพระตำหนัก เช่น พระตำหนักปั้นหยา เป็นตึกฝรั่งซึ่งรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯสร้างขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นที่ประทับแก่พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ เมื่อครั้งอาราธนาให้เสด็จมาประทับ ณ วัดนี้...ตำหนักจันทร์ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส

และตำหนักเพ็ชร เป็นตำหนักสองชั้นแบบฝรั่งผสมไทย...ผู้ที่มีจิตศรัทธาเลื่อมใส คนทั่วไปสามารถเดินทางมาสักการะ “พระไพรีพินาศ” พระประธานของวัดแห่งนี้ได้ ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปที่ได้มาประดิษฐานในสมัยรัชกาลที่ 3 อีกทั้งหากใครมาไหว้พระที่วัดนี้...เชื่อกันว่าจะได้พบแต่...สิ่งดีงามในชีวิต

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก–ยม

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม