วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีคือ “วันปิยมหาราช” เป็นวันที่ระลึกสำคัญของชาติ คือ...วันที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อ พ.ศ.2453 วันปิยมหาราชจึงตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญา นามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า....

“พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน”...เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักของ พสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

พระราชกรณียกิจอันสำคัญยิ่ง ที่ทำให้พระองค์ทรงได้รับพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ก็คือ “การเลิกทาส”

สมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยมีทาสในแผ่นดินเป็นจำนวนมาก ลูกทาสในเรือนเบี้ยจะสืบต่อการเป็นทาสไปจนรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่มีเงินมาไถ่ตัวเองก็จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต

“สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงต้องการให้ปัญหาเรื่องทาสหมดไป แม้จะเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะทาสมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ...ในเวลาเพียง 30 ปีเศษ ทาสในเมืองไทยก็หมดไปโดยไม่เกิดการนองเลือดเหมือนกับประเทศอื่นๆ ด้วยพระปรีชาสามารถของ “สมเด็จพระปิยมหาราช”

...

@@@@@@

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพวันอังคาร แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีฉลู ตรงกับวันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ.2396

เสด็จขึ้นครองราชย์ภายหลังจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคตจากไข้ป่า หลังจากเสด็จออกทอดพระเนตรสุริยุปราคา วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411

ขณะนั้น รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระชนมายุ 15 พรรษา จึงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จนพระชนมพรรษา 20 พรรษาบริบูรณ์ จึงได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า...

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว”

“วันปิยมหาราช” ถือเป็นวันหยุดราชการที่สำคัญวันหนึ่งของไทย หน่วยงานราชการต่างๆจัดพิธีประดับพระบรมฉายาลักษณ์และเครื่องราชสักการะ สำนักพระราชวังจัดตกแต่งพระบรมราชานุสาวรีย์

การจัดพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลวันปิยมหาราชครั้งแรกจัดขึ้นหลังจากปีที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานถวาย แล้วได้เสด็จฯไปถวายพวงมาลา....

ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะที่พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม หรือที่เรียกกันว่า “พระบรมรูปทรงม้า”

“พระบรมรูปทรงม้า”...เป็นงานออกแบบของนายช่างชาวฝรั่งเศส สร้างขึ้นจากเงินที่ประชาชนสมทบทุนงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เนื่องในโอกาสที่รัชกาลที่ 5 เถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 40 ปี โดยพระองค์ได้เสด็จฯ ไปทำพิธีเปิดด้วยพระองค์เอง

@@@@@@

พลิกประวัติการสร้าง... “พระบรมรูปทรงม้า” หล่อที่ประเทศฝรั่งเศส โดยนำแบบอย่างมาจากการสร้างพระบรมรูปของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส...รัชกาลที่ 5 ทรงเลือกโลหะขณะประทับที่กรุงปารีส ในครั้งที่เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 เมื่อปีพุทธศักราช 2450

องค์พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อด้วยโลหะทองบรอนซ์ ยึดติดกับแท่นทองบรอนซ์ที่เป็นม้ายืน ประดิษฐานบนแท่นรองทำจากหินอ่อน สูง 6 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร บริเวณฐานมีจารึกชื่อช่างปั้นและโรงงานหล่อไว้

...

กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นผู้ถวายพระราชสมัญญานาม “สมเด็จพระปิยมหาราช” อันหมายถึง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครองสิริราชสมบัติ 42 ปี ทรงประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญแก่ประเทศสยามหลายด้าน

พระราชสมัญญา นาม “สมเด็จพระปิยมหาราช” มีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” คนไทยจึงเชื่อศรัทธากันว่า การสักการ บูชาพระองค์จะส่งผลให้ผู้นั้นเป็นที่รักของคนทั่วไปและมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้านของชีวิต...

ทั้งการงาน โชคลาภ ปลดหนี้สิน รวมทั้งค้าขายเจริญรุ่งเรือง

การสักการะพระปิยมหาราช พระบรมรูปทรงม้า...แท่นศิลาหินอ่อนด้านหน้า จารึกคำถวายพระพรให้ทรงดำรงราชสมบัติยิ่งยืนนาน บริเวณด้านหน้าพระบรมรูปมักมีประชาชนมาถวายสักการะ

โดยเฉพาะวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี ประชาชนจะนำดอกกุหลาบสีชมพูอันเป็นสีของวันอังคาร วันพระราชสมภพ มาถวาย

นอกจากวันที่ 23 ตุลาคมแล้วก็ยังมีประชาชนนิยมมาถวายสักการะในคืนวันอังคาร เวลา 22.00 น. เพราะมีความเชื่อว่าพระองค์ท่านจะเสด็จมาประทับ ณ พระบรมรูปทรงม้าด้วย

...

สำหรับการจัดโต๊ะหมู่บูชาถวายของสักการะพระปิยมหาราช สิ่งที่นิยมจัดบนโต๊ะหมู่บูชาเพื่อสักการะพระปิยมหาราช ได้แก่ บายศรี หมากพลู บุหรี่ เหล้า เหล้าฝรั่ง น้ำมนต์ เชิงเทียน กระถางธูป ฯลฯ

คาถาบูชาองค์สมเด็จพระปิยมหาราช แบบย่อ...“พระสะยามะมินโท วะโร อิติ พุทธะสังมิ อิติ อะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทโธ นะโมพุทธายะ” แบบเต็ม...“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ พระสะยามะมินโท วะโร อิติ พุทธะสังมิ อิติ อะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทโธ นะโม พุทธายะ มาสีสะมานัง”...(ปิยะมะนะ นะโมพุทธายะ 3 จบ) ขอพรตามที่ปรารถนาห้ามบน

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม