“พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ” ได้ชื่อว่าเป็นเทพผู้มากอิทธิฤทธิ์ ด้วยว่าดูแลสรวงสวรรค์ มวลมนุษย์ ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ทั้งยังมีความเชื่อศรัทธากันว่า...ยามเกิดเหตุเภทภัยก็มักจะเนรมิตกายเป็นสิ่งต่างๆลงมาช่วยเหลือ

การบูชา “พระอินทร์ฯ” จึงเป็นมงคลยิ่ง ด้วยเพราะท่านมีอิทธิฤทธิ์มาก ว่ากันว่าจะช่วยปัดเป่าความเลวร้าย เสนียดจัญไร ความชั่วความเลวไม่ให้เข้ามากล้ำกรายได้อย่างบัดดล

นอกจากนี้ความมงคลอันสูงยิ่ง แม้นบูชาจักประสงค์สิ่งใดแล้วนั้น ท่านก็จะเมตตาช่วยเหลือให้ได้สมดังปรารถนา

เชื่อไม่เชื่ออย่างไร...ปาฏิหาริย์ หรือศรัทธา สุดแต่แรงปรารถนาของแต่ละคน

ธูปหอม...เทียนหอม...กำยาน...พวงมาลัยดาวเรือง...ใบไม้สีเขียวสด...รูปปั้นช้าง...ขนมหวาน 5 อย่าง...ผลไม้ 5 อย่าง...ผ้าแพรสีเขียว... ข้าวตอก เครื่องบูชาเทพฯ

ตั้งนะโม 3 จบ...“เอราวะโณ นามะ เทวะราชะกุญชะโร มะหาเตโช โหติ มะหายะโส มะหัพพะโส มะหิทธิโก มะเหสักโข อิมินา สักกาเรนะ ตัง เอราวะณัง นามะ เทวะราชะกุญชะรัง ปูเชมิฯ”

...

อธิษฐานขอพร...“เอราวะฯณัสสะ นามะ เทวะราชะกุญชะรัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะสิทธิ ภะวะตุ เมฯ” ด้วยอานุภาพของ “พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ” ขอความสำเร็จทุกประการจงมีแก่ข้าพเจ้าฯ

หลายๆคนอาจมีโอกาสได้แวะไปสักการบูชา “พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ” ตั้งตระหง่านเรียกมวลมหาศรัทธาอยู่ที่วัดโพธิ์ศรี ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

วัดโพธิ์ศรีแห่งนี้...ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก พลิกแฟ้มประวัติบันทึกไว้ว่าสร้างขึ้นราวปี 2376 เล่าสืบต่อๆกันมาว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุคที่มีประชาชนนับร้อยครอบครัวอพยพมาจากนครเวียงจันทน์มาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนี้ มีจิตตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา จึงได้พร้อมรวมใจกันสร้างวัดขึ้นมา มุ่งหมายเพื่อให้เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติกิจศาสนา

O O O O

“ช้างเอราวัณ” หรือ “ช้างสามเศียร” คติโบราณเชื่อว่าบทบาทและหน้าที่อันสำคัญคือเป็นพาหนะนำเสด็จพระอินทร์ไปยังสถานที่ต่างๆทั้งสวรรค์ โลกมนุษย์ เพื่อดูแลทุกข์สุขชาวโลก

เนื่องจากพระอินทร์ทรงเป็นหัวหน้าเทวดาที่คอยดูแลควบคุมดินฟ้าอากาศ มีวัชระสายฟ้าเป็นอาวุธ...เป็นศัตรูกับภัยแล้ง เพราะบันดาลความอุดมสมบูรณ์ ความชุ่มฉ่ำให้กับโลกมนุษย์

ช้างเอราวัณจึงมีหน้าที่ดูด “น้ำ” จากโลกขึ้นไปบนสวรรค์ให้พระอินทร์บันดาลให้เกิดน้ำจากฟ้าตกเป็น “ฝน” สู่โลกมนุษย์

อาจกล่าวได้ว่าช้างเอราวัณเป็นเจ้าแห่งช้างทั้งปวงในสากลจักรวาล เป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของพระอินทร์...สัญลักษณ์ของการทำความดี... สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์

คติเรื่อง “ช้าง” ในฐานะสัตว์ประจำทิศ ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ โดยมีรายละเอียดแตกต่างกันแต่ก็มีจุดมุ่งหมายคติเหมือนกันคือ...ในแต่ละทิศของจักรวาลหรือโลกได้มีช้างและสัตว์อื่นๆ เช่น ม้า โค สิงห์อยู่ประจำทิศ

ย้ำว่าคติสัตว์ประจำทิศของศาสนาพราหมณ์ยังมีความเกี่ยวข้องอยู่กับคติเรื่องจักรวาลใน 2 ประเด็น...หนึ่ง “ช้างโลกบาล” เป็นช้างสวรรค์มีหน้าที่ประคับประคองโลกหรือจักรวาลอยู่ประจำทิศทั้ง 8 ทิศ การนับทิศนั้นยึดเขาพระสุเมรุเป็นหลัก และช้างเหล่านี้เหาะไปในอากาศได้ตามอิสระ

...

ช้างที่อยู่ประจำทิศทั้ง 8 มีเป็นคู่ คือ “ช้างพลาย” และ “ช้างพัง” อยู่ประจำทิศละคู่...ได้มีการจัดคู่ช้างพลายและช้างพังที่อยู่ประจำทิศดังต่อไปนี้

ทิศตะวันออก ช้างพลาย ไอราวตะ ช้างพัง อภรมู...ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ช้างพลาย ปุณฑรีก ช้างพัง กปิลา...ทิศใต้ ช้างพลาย วามน ช้างพัง ปิงคลา... ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ช้างพลาย กุมุท ช้างพัง อนุปมา...ทิศตะวันตก ช้างพลาย อัญชนะ ช้างพัง ตามรกรรณี

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ช้างพลาย ปุษปทนฺตะ ช้างพัง ศุภรทันตี...ทิศเหนือ ช้างพลาย สารวเภาะมะ ช้างพัง อังคนา...ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ช้างพลาย สุปรตีกะ ช้างพัง อัญชนาวตี

สอง...คติเรื่อง “ทิคคช” คือช้างที่เป็นผู้ช่วยคุ้มครองอยู่คู่กับเทพเจ้าที่ทำหน้าที่เป็นโลกบาลคอยพิทักษ์รักษาโลกมี 8 องค์...ประจำ 8 ทิศ โดยมีเขาพระสุเมรุหรือเขามันทระเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

...

O O O O

มุ่งหน้าไปที่ วัดอุดมมงคล (แม่ข่า) ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ศาสนสถานประจำหมู่บ้านตำบลแม่ข่า เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ทำบุญ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2430 เดิมชื่อว่า “วัดแม่ข่า” ถ้าขับรถลงมาจากดอยอ่างขางจะเจอเลย อยู่ติดถนนใหญ่เส้นเชียงใหม่-แม่อาย

ความโดดเด่นสำคัญมีอยู่หลายจุดด้วยกัน เริ่มจาก...ซุ้มประตูวัดด้านในผนังประดับด้วยเกร็ดแก้ว สีใส สะท้อน แวววาว สวยงาม ด้านภายในวัดมีวิหาร...พระประธานองค์สีทองขาว ผนังพระวิหารเป็นภาพพุทธประวัติ ลงยาสีทอง บรรยากาศภายในวัดเงียบสงบและสะอาด

นอกจากนี้ยังมี “พลายมหามงคล”...เป็นอีกจุดสำคัญที่ผู้คนไม่น้อยแวะเวียนมาสักการะ ด้วยว่า “ช้าง” เป็นสัตว์ใหญ่มีบารมีน่าเกรงขาม อีกทั้งยังเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งมีตำนานความเชื่อกันว่า...ผู้ใดสามารถลอดท้องช้างได้จะเป็นการขจัดซึ่งอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง

...

สะเดาะเคราะห์ร้ายต่างๆ ขจัดทุกข์โศก โรคภัย สารพัดเสนียดจัญไร สิ่งอัปมงคลต่างๆ ให้สูญสิ้นไป บังเกิดโชคลาภ บารมี มั่งมีศรีสุขตลอดกาล

คาถาอธิษฐาน “ลอดท้องช้าง” (ตั้งนะโม 3 จบ) อิติปิโสภควา นะโมพุทธายะ คะชะวะรัง ชัยยะ ชัยยะ อะหุงหังวิลังสาหะ สัพพะสุขขังจะมหาลาภัง สัพพะโกธัง วินสาสันติ

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม