“พระจุฬามณีเจดีย์”...นับแต่โบราณนานมาแล้วคนไทยมีความเชื่อศรัทธากันเป็นอย่างยิ่งว่าคือเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอันแท้จริง จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะต้องได้ไปสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
แม้ว่าชีวิตจะล่วงลับไปแล้ว...ครอบครัวญาติมิตรที่จัดงานศพให้ก็มักเอากระทงดอกไม้ใส่มือศพที่ถูกจับมือให้พนมมือไว้ให้ไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์
ศรัทธาที่แน่วแน่นี้ อาจกล่าวได้ว่า มาจากความเชื่อที่แพร่หลายกันว่า “พระศรีอริยเมตไตรย” พระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระ พุทธเจ้าองค์ต่อไป ก็มักเสด็จมานมัสการพระจุฬามณี
ดังนั้น หากดวงวิญญาณผู้วายชนม์ได้ไปที่นั่น นอกจากจะได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุอันแท้จริงแล้ว ยังจะได้พบพระศรีอาริย์ พระอนาคตพระพุทธเจ้าได้ในคราวเดียวกัน
“มาลัยสูตร” หรือหนังสือพระมาลัย พระสูตรนอกพระไตรปิฎกที่เชื่อกันว่าแต่งขึ้นในพม่า สะท้อนคติความเชื่อข้างต้น โดยมีเรื่องราวอยู่ว่า พระมาลัยเป็นพระเถระในลังกาทวีปได้บำเพ็ญเพียรธรรมจนบรรลุอรหันต์ ที่สำคัญคือมีอิทธิฤทธิ์สามารถเหาะข้ามภพข้ามภูมิไปนรกสวรรค์ได้
...
ในคราหนึ่งออกบิณฑบาต มีชายยาจกเข็ญใจเก็บดอกบัวแปดดอกออกมาจากบ่อน้ำเห็นพระมาลัยเข้าก็เกิดเลื่อมใสศรัทธาถวายดอกบัวให้ พระมาลัยดำริจะนำดอกบัวไปบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จึงเข้าฌานแล้วเหาะขึ้นไปยังลานพระเจดีย์ทันที
หลังจากได้เดินประทักษิณ บูชาพระเจดีย์ในทิศทั้งแปดแล้ว...บังเอิญได้พบ “พระอินทร์” มาสักการะ จึงได้แจ้งให้พระมาลัยทราบว่าองค์พระอริยเมตไตรยโพธิสัตว์กำลังจะเสด็จมาบูชาพระจุฬามณีเจดีย์พอดี จึงคอยท่าอยู่ ระหว่างนั้นทุกครั้งที่มีเทวดาหน้าใหม่พร้อมบริวารเสด็จเข้ามานมัสการ...พระมาลัยก็จะถาม
“ใช่ไหม?”...“องค์นี้ใช่พระศรีอาริย์หรือยัง?”
พระอินทร์ก็คอยตอบว่ายังไม่ใช่ พร้อมพรรณนาถึงกุศลกรรมที่ท่านผู้นั้นกระทำมาอันส่งผลให้ได้เสวยสุขเป็นเทวดาเช่นนี้ ไล่ไปตั้งแต่เทพบุตรผู้มีบริวาร 100 บริวาร 1,000 บริวาร 1 หมื่น 2 หมื่นไปจนถึง 1 แสน ก็ยังไม่ใช่ สุดท้าย...“พระศรีอริยเมตไตรย” ก็เสด็จเข้ามาถึงพร้อมบริวารมหาศาล
O O O O
“พระมาลัย”...มีโอกาสได้สนทนาธรรม “พระศรีอริยเมตไตรย” ได้ตรัสพยากรณ์ว่า...หลังจากศาสนาของพระสมณโคดมพุทธเจ้าสิ้นสุดลงในปี 5000 จะเกิดกลียุคใหญ่ ผู้คนฆ่าฟันกันจนล้มตายลงหมดสิ้นเหลือแต่คนดีมีศีลมีธรรม จากนั้นจะถึงสมัยแห่งความสมบูรณ์พูนสุขในศาสนายุคพระศรีอริยเมตไตรย
หากผู้ใดประสงค์จะได้ไปเกิดในยุคนั้นก็ให้หมั่นบำเพ็ญกุศล สดับเทศนามหาชาติเวสสันดรชาดก ฯลฯ เมื่อพระมาลัยกลับมาสู่โลกมนุษย์แล้วจึงแจ้งข่าวนั้นแก่ญาติธรรมทั้งปวงให้เร่งทำบุญ...ทำทาน จะได้ไปเกิดในเทวโลกกันทั่วหน้า
หลายคนอาจจะเคยได้ยินได้รู้มาบ้างว่า มีประเพณีการสวดมาลัยหรือสวดพระมาลัย เพื่อความเป็นสิริมงคลในงานแต่งงาน แต่ด้วยเหตุผลใดไม่แน่ชัดต่อมาได้กลับเปลี่ยนไปใช้สวดในงานศพแทน อาจเป็นไปได้ว่ามุ่งหมายเพื่อให้คนตายไปสักการะพระจุฬามณีตามศรัทธาความเชื่อที่กล่าวไปแล้ว
“จุฬามณีเจดีย์” พระเจดีย์ที่บรรจุพระจุฬาโมลี (มวยผม) ของพระพุทธเจ้า อรรถกถา เล่าว่า เมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จออกบรรพชาเสด็จข้ามแม่น้ำอโนมาแล้วจะอธิษฐานเพศบรรพชิตทรงตัดมวยพระเกศาขว้างไปในอากาศ พระอินทร์นำผอบแก้วมารองรับเอาไปประดิษฐานในพระเจดีย์จุฬามณี
...
ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ในขณะแจกพระบรมสารีริกธาตุพระอินทร์ได้มานำเอาพระทาฐธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ข้างขวาที่โทณพราหมณ์ซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะใส่ผอบทองนำไปบรรจุด้วย
O O O O
“วัดจุฬามณี”...ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประวัติบันทึกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาราวปี 2293 ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่า “วัดจุฬา”
เสนาสนะที่สำคัญ อาทิ อุโบสถขนาดกว้าง 2.5 เมตร ยาว 13 เมตร หลังคาลดชั้นต่อปีก ด้านนอกรองรับด้วยเสาเหลี่ยมด้านละ 6 ต้น บนฐานเดียวกัน
ศาลาการเปรียญ...อาคารไม้ทรงไทย 2 ชั้น ยกพื้นใต้ถุนสูง แต่เดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำต่อมาย้ายมาสร้างเคียงข้างพระอุโบสถ หลังคาเรือนประธานทรงจั่วต่อปีกทั้ง 4 ด้าน หน้าบันตกแต่งลวดลายแกะสลักไม้ทาสี รูปเจดีย์จุฬามณีในซุ้มเรือนแก้วขนาบข้างด้วยเทวดาถือฉัตร 5 ชั้น
เรือนโถงหลังเล็กด้านทิศใต้หน้าบันแกะสลักไม้ทาสีในกรอบรูปสามเหลี่ยม ด้านนอกเป็นลายกนกเปลวสีเหลืองเป็นรูปพระพุทธประวัติตอนเจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวชบนพื้นสีฟ้า
...
น่าสนใจอีกว่าชุมชนบ้านกุ่มแห่งนี้ดั้งเดิมเป็นบ้านเกิดของ “นายขนมต้ม” ผู้เก่งกล้าในวิชาการชกมวย ซึ่งเคยเป็นนักชกมวยคาดเชือกที่เอาชนะนักมวยคาดเชือกของพม่าได้อย่างสุดยอด จึงได้รับการยอมรับเมื่อครั้งแผ่นดินอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี...
แวะอนุสาวรีย์นายขนมต้มก่อนเข้าวัด แล้วก็สักการะกราบบูชา “พระจุฬามณีเจดีย์” บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ 5 พระองค์
เชื่อศรัทธากันเป็นอย่างยิ่งว่า ขอพรได้ตามความต้องการ โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงาน โชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง ปลดหนี้...ปลดสิน
พระคาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ...“อะหัง วันทามิ ธาตุโย” ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุทั้งหลายที่สถิตอยู่ในจักรวาลทั้งหลาย ทั้งพรหมโลกและดาวดึงส์...
“อะหัง วันทามิ สัพพะโส” ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกทั้งหลายทั้งปวงด้วยเทอญ...“พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เอวัง ธาตุโย จัตตารี สะ สะ มาทันตา เกสา โลมา นะขา ขีจะ อะหังวันทามิธาตุโย”
...
“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไร โปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.
รัก-ยม