วันตรุษจีน 2568 (Chinese New Year 2025) ตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคม ถือเป็นหนึ่งในวันสำคัญของผู้ที่มีเชื้อสายจีนทั่วโลก เนื่องจากเป็นวันขึ้นปีใหม่จีนที่จะมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยาวนาน ไทยรัฐออนไลน์ชวนทำความรู้จักประวัติวันตรุษจีน กิจกรรมที่นิยมปฏิบัติ และเรื่องน่ารู้ในวันตรุษจีน
ประวัติวันตรุษจีนสั้นๆ มีที่มาอย่างไร
วันตรุษจีนไม่มีบันทึกแน่ชัดว่าเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงใด แต่มีการสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หลังจากที่ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับหิมะและความหนาวเหน็บ จนไม่สามารถเพาะปลูกหรือทำการเกษตรได้ วันแรกของฤดูใบไม้ผลิจึงเป็นเสมือนวันปีใหม่ ที่จะได้กลับมาทำการเกษตรอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยชาวจีนจะเฉลิมฉลองยาวนานถึง 15 วัน มีการรวมญาติ กินอาหารร่วมกัน รวมถึงไหว้เทพเจ้า บรรพบุรุษ เพื่อขอพร เสริมสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวตลอดทั้งปีอีกด้วย
การเฉลิมฉลองวันตรุษจีน (Chinese New Year) ทั้ง 3 วันในไทย
ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือกันมาเป็นเวลานานจะมีการเฉลิมฉลองตรุษจีนยาวนานถึง 15 วัน แต่จะมีวันสำคัญที่ยึดถือปฏิบัติเป็นหลัก ดังนี้
วันจ่ายตรุษจีน
วันจ่ายตรุษจีน คือ วันสิ้นปีก่อนถึงปีใหม่ ปีนี้ตรงกับวันที่ 29 มกราคม ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องออกไปจับจ่ายซื้อของไหว้ตรุษจีน เพื่อเตรียมนำมาทำพิธี เช่น อาหารมงคลทั้งคาวและหวาน หรือผลไม้
วันไหว้ตรุษจีน
วันไหว้ตรุษจีน 2568 ตรงกับวันที่ 30 มกราคม ในช่วงเช้ามืดจะมีการทำพิธีไหว้ป้ายเล่าเอี๊ย หรือไหว้เทพเจ้า ในช่วงสายจะทำพิธีไหว้ป้ายแป๋บ้อ หรือไหว้บรรพบุรุษ ส่วนในช่วงบ่ายจะมีการทำพิธีไหว้ป้ายฮ่อเฮียตี๋ หรือไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว
...
วันเที่ยวตรุษจีน
วันเที่ยว หรือวันปีใหม่ ตรงกับวันที่ 31 มกราคม กิจกรรมที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาในวันนี้คือ การขอพรและไหว้ผู้ใหญ่ ไปเที่ยว หรือกินอาหารร่วมกับคนในครอบครัว
ของไหว้ตรุษจีนมีอะไรบ้าง มีความหมายอย่างไร
ของไหว้ตรุษจีน จะประกอบด้วยเนื้อสัตว์ 3 หรือ 5 อย่าง อาหารแห้ง อาหารเจ ผลไม้ ขนมมงคล ซึ่งของไหว้ที่นิยมนำมาไหว้มีดังนี้
- ไก่ หมายถึง ความสง่างาม และเกียรติยศ
- เป็ด หมายถึง ความสามารถที่หลากหลาย
- ปลา หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
- หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
- หมึก หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
- ถั่วตัด หมายถึง เงิน
- ขนมเข่ง ขนมเทียน หมายถึง ความหวานชื่น
- ขนมไข่ หมายถึง ความเจริญ
- ขนมถ้วยฟู หรือขนมสาลี่ หมายถึง ความรุ่งเรือง เฟื่องฟู
- ซาลาเปา หรือหมั่นโถว หมายถึง การห่อโชค
- ขนมจันอับ หมายถึง ความสุขตลอดไป
- บะหมี่ หมายถึง อายุยืนยาว
- เม็ดบัว หมายถึง การมีลูกชายจำนวนมาก
- สาหร่ายทะเลสีดำ หมายถึง ความมั่งคั่ง
- หน่อไม้ หมายถึง การอวยพรให้ผาสุก
- ส้ม หมายถึง ความเป็นสิริมงคล
- ลูกพลับ หมายถึง ผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างราบรื่น
- แอปเปิล หมายถึง ความสุขสงบ
- สับปะรด หมายถึง ความโชคดี
- แก้วมังกร หมายถึง อำนาจ ความอุดมสมบูรณ์
กิจกรรมที่นิยมปฏิบัติในวันตรุษจีนมีอะไรบ้าง
กิจกรรมที่นิยมปฏิบัติและสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่นในช่วงเทศกาลตรุษจีนมีดังนี้
- การไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ
- การนัดวันรวมญาติในคืนวันไหว้ และกินเกี๊ยวร่วมกัน เนื่องจากเกี๊ยวมีลักษณะคล้ายกับเงิน ชาวจีนเชื่อว่าสื่อถึงโชคลาภ และเงินทอง
- การพูดแต่สิ่งดีๆ และยิ้มแย้มตลอดวัน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมให้พบเจอสิ่งที่ดี
- การทำพิธีรับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยในคืนวันไหว้ เพราะเชื่อว่าจะเปรียบเสมือนการรับโชคลาภเข้ามาในชีวิต
- การสวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส หรือเสื้อผ้าตัวใหม่ โดยนิยมใส่เสื้อสีมงคลในวันตรุษจีน
- กินเจในมื้อแรกของวันตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่
- ลูกหลานจะได้รับอั่งเปาจากผู้ใหญ่ โดยจะต้องกล่าว "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรกลับ
- การอวยพรผู้ใหญ่ด้วยส้ม 4 ผล
- การติดตุ๊ยเลี้ยง หรือคำอวยพรปีใหม่ที่มีความหมายมงคล
- การประดับตกแต่งด้วยของตกแต่งสีแดง
...
10 ข้อห้ามวันตรุษจีน 2568 ห้ามทำอะไรบ้าง
เนื่องจากวันตรุษจีนเป็นวันปีใหม่ที่มีความสำคัญและเป็นวันมงคล ดังนั้น จึงมีความเชื่อเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยง 10 ข้อห้ามวันตรุษจีน เพื่อเสริมสิริมงคลและโชคดีตลอดทั้งปีร่วมด้วย ดังนี้
- ห้ามทำความสะอาดบ้าน
- ห้ามพูดคำหยาบหรือมีปากเสียงกับผู้อื่น
- ห้ามสระผมหรือตัดผม
- ห้ามให้อั่งเปาเป็นเลขคี่
- ห้ามกินโจ๊ก
- ห้ามใช้ของมีคม
- ห้ามใส่ชุดสีขาวหรือสีดำ
- ห้ามซักผ้า
- ห้ามให้ยืมเงิน
- ห้ามทำของแตก
- ห้ามซื้อรองเท้าคู่ใหม่
- ห้ามร้องไห้
ตามประวัติวันตรุษจีน แม้จะไม่มีการระบุถึงจุดเริ่มต้นที่แน่ชัด แต่วันตรุษจีนก็ถือเป็นวันสำคัญ ที่นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ยึดถือสืบต่อกันมา ยังมีการหลีกเลี่ยงข้อห้าม เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง