ดูด้วยตาขนาด ความหนา ความกว้าง และน้ำหนัก พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ในคอลัมน์วันนี้ คะเนเฉลี่ยคงอยู่ราวๆ 5 กรัม เทียบราคาทองคำบาทละห้าหมื่น...ก็คงซักหมื่นห้า

แต่อยากจะโม้ว่า เชื่อหรือไม่? เอาความสวยสมบูรณ์ของพิมพ์ทรงองค์พระ ผิวฝ้าและเนื้อหา สำหรับคนเป็นพระ...ราคาประเมินที่คุยกันในวงการ เกิน 20 ล้าน จะว่าแพงกว่าเพชร ก็โม้ได้

เปิดฉาก ก็ช็อกกันด้วยราคา...แล้วก็ต้องว่าต่อ ตามเนื้อผ้า กระบวนการดูพระสมเด็จ ต้องเริ่มกันที่พิมพ์

พิมพ์ใหญ่องค์นี้คุ้นตา ไม่อ้างทฤษฎีสี่พิมพ์“นิรนาม”สำนักท่าพระจันทร์ ทฤษฎีหกพิมพ์ครู “ตรียัมปวาย” เอาเป็นว่า เป็นพิมพ์มาตรฐานกลาง คุ้นตาองค์หนึ่ง หรือใคร? เก๋าแน่ใจ ว่าพิมพ์เฮียแคล้ว ก็ไม่เถียงกัน

เสน่ห์องค์นี้อยู่ที่ ทุกเส้นสายติดคมลึกชัด...ตัดขนานเส้นกรอบกระจก เส้นบน ซ้ายขวาสามด้าน เห็นองค์พระ“ตรงตั้งฉาก” ผึ่งผาย เด่นสะดุดตา เส้นซุ้มมีทั้งแตก ร่อย ยุบ เข้าใน ธรรมชาติหนึ่งของซุ้มสมเด็จวัดระฆัง

พูดเรื่องพิมพ์ไปสองสามบรรทัด ขอบอก รวบรัดเอา 11 เคล็ดลับของเส้นสาย และพื้นผนังองค์พระเอาไว้หมดแล้ว คุยกันบ่อยๆก็เบื่อ อีกประการ ของปลอมเขาก็ตามทำทัน

ผ่านเรื่องพิมพ์ ก็เข้าสู่ เนื้อหา...ค่อยๆอ่านๆ ค่อยทำความเข้าใจ

พิมพ์ใหญ่องค์นี้ แม้พิมพ์จะติดคมชัด แต่สภาพพระที่ถูกสัมผัสจับต้อง เลี่ยมแขวนคอ นาน นานนับสิบปี ผิวปูน หรือจะเรียก ผิวแป้งโรยพิมพ์ องค์พระและเส้นซุ้มที่นูน สึกช้ำจนลบเลือน เปิดให้เห็นเนื้อใน ละเอียดขาวขุ่นเหมือนสีนมข้น เห็นความมัน...แต่ไม่มันละเลื่อม ภาษาคนรักพระเรียกเงาสว่าง และใช้อีกคำเรียก ความ“หนึกนุ่ม”

ในความ“หนึกนุ่ม” มองลึกเข้าไป จะเป็นเม็ดมวลสารหลากสี บริเวณที่สึกหรอสีขาว ในหลุมรองซึมซับฝ้ารักที่ลอกล่อนออกไปแล้ว เหลือความเหลืองเข้ม หรืออ่อน

...

ลึกลงไปถึงพื้นผนัง องค์นี้ในสองร่องแขน... ซอกระหว่างปลายแขนกับเข่า ซอกฐานสามชั้น จะเห็นความขาว ใช้แว่นสิบเท่าส่อง เห็นส่วนที่ผิวหลุดร่อย เป็นส่วนของสีเนื้อในขาว

ไม่ใช่คราบหรือฝ้าหรือขี้เกลือ ซึ่งก็มีปรากฏบ้างบางองค์ จากคราบไคลเหงื่อ

ส่วนบริเวณพื้นผนังองค์พระ เหลือคราบฝ้ารักเหลืองอมแดงสีเข้ม และอ่อนจาง นี่คือหลักฐานสำคัญ ตามธรรมชาติของสมเด็จวัดระฆัง ตามสมมติฐานของผม เกือบทุกองค์เคยลงรักปิดทอง

ขอบอก! พระสมเด็จวัดระฆังแท้...เป็นเช่นนี้ และเป็นความงามอีกมิติหนึ่ง (ตรงข้ามกับมิติความงามแบบแห้งบริสุทธิ์) ที่เป็นค่านิยมของคนรักพระรุ่นโบราณ

ยัง...ๆการดูพระสมเด็จ จะจบลงตรงตัดสินด้านหน้าไม่ได้ คนเป็นพระถ้าไม่ได้ดูด้านหลัง... ก็ยังไม่จ่ายตัง

หลังสมเด็จวัดระฆังองค์นี้ ดูผิวเผินบริเวณกลาง ส่วนที่เป็นหลุมร่อง ถูกขับเน้นให้เห็นลักษณะต่างๆ ด้วยฝ้ารักสีดำแกมน้ำตาล ส่วนพื้นสีขาวแสดงส่วนที่เป็นนูนเนิน

จุดสำคัญของด้านหลัง...อยู่ที่รอยปริแยกขอบข้างทั้งสี่ด้าน อาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เคยสอนผม เมื่อราวๆปี 2542 หลังให้ดูพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ “พรีเชียส” (ต่อมา เป็นทั้งชื่ออาคารและชื่อนิตยสาร)

อาจารย์สอนว่า รอยปริแยกขอบข้างด้านหลัง เกิดจากตอนใช้ของมีคม (ตอก?) ตัดขอบองค์พระเมื่อยังอยู่ในแม่พิมพ์ แรงหน่วงจากรอยตัด ทำให้เกิดแรงเฉือนภายใน ต่อมาเมื่อเนื้อพระแห้ง อาจารย์ใช้คำเรียก “รอยลั่นร้าว”

กระบวนการความเปลี่ยนแปลงในองค์พระที่คุยๆมา กว่าจะเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง องค์ที่งามพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์ เหมือนองค์ตรงหน้า ผ่านกระบวนการเป็นเหมือนการเจียระไนเพชร และองค์นี้เป็น “เพชรน้ำหนึ่ง”

ใครเป็นแฟนรายการข่าว 3 มิติ ทีวีช่อง ถ้ารู้จัก อลงกรณ์ เหมือนดาว เจอหน้า ก็ลองถามดู ได้มายังไง เมื่อเสาร์ที่แล้วนี่เอง.

พลายชุมพล

คลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม