ดูภาพพระสมเด็จฯองค์ในคอลัมน์วันนี้... คุยกันด้วยทฤษฎีแม่พิมพ์ เป็นพิมพ์เกศบัวตูม สักพิมพ์หนึ่ง
หากใช้หลักความนิยมของวงการพระที่ซื้อขายกัน สองแม่พิมพ์ พิมพ์ฐานสิงห์แคบ และพิมพ์ฐานสิงห์กว้าง...ควรเป็นพิมพ์ฐานสิงห์แคบ...แต่เมื่อยิ่งพิศเพ่งไปทุกเส้นสาย...บางเส้นสายผิดตา...ไม่น่าจะใช่
จะวางเสียเลย ก็เสียดาย เนื้อหาองค์นี้ ตอนท่านมาถูกใช้ดูดซึมเหงื่อไคลชุ่มฉ่ำ สภาพพระอย่างนี้คนรักพระรุ่นเก่าชอบ แต่เนื่องจากพระช้ำกับพระปลอมใกล้กัน เซียนน้อยใหญ่ผลักไสไปเป็นพระปลอม จึงได้มาในราคาเบามือ
สระสรงให้สะอาด แห้งสดใส ถอดเงาะออกแล้ว มีสภาพเป็นพระสังข์ (ทอง) ดังที่ตาเห็น
เนื้อละเอียดขาว ภาษาครูตรียัมปวาย เนื้อเกสรดอกไม้ ในพื้นผนัง บริเวณซอกแขน ขอบเส้นซุ้มเหลือชิ้นรักเก่าปิดทองเก่า นี่คือหลักฐานหนึ่ง ที่สำคัญยืนยันความเป็นสมเด็จวัดระฆังแท้
พลิกด้านหลัง มีหลุมร่อง รอยยุบรอยแยก และ “รอยปูไต่” (รอยเล็กๆเรียกเป็นทางตรงยาว เฉียงไปทางขอบซ้าย ถ้ามี ถือเป็นอีกตัวช่วย) บริเวณกลางแผ่นหลังซึมซับเหงื่อเอาไว้เห็นเป็นจ้ำๆสีเหลือง
สภาพรวมของเนื้อหาอย่างนี้ คนเป็นพระพูดกันว่า เนื้อจัด ดูง่าย
เมื่อพิมพ์ไปมีเค้าเกศบัวตูม ถูกกำกับด้วยผิวฝ้า และคราบไคลธรรมชาติ เรียก “เนื้อใช่” ก็จำเป็นต้องหันไปพิจารณา “พิมพ์” แบบเอาจริงๆอีกครั้ง
ครั้งนี้ใช้ทฤษฎีครูตรียัมปวาย...ห้าพิมพ์ พิมพ์เขื่อง พิมพ์โปร่ง พิมพ์สันทัด พิมพ์ย่อม และพิมพ์เกศบัวเรียว เปิด “ปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง” เล่มพระสมเด็จฯ ของครู อ่านอีกที
อ่านครั้งนี้สะดุดเรื่องพระเพลา...เคยคุ้นตาแต่ภาพพิมพ์ฐานสิงห์แคบ พิมพ์ฐานสิงห์กว้าง...ที่ตีพิมพ์แพร่หลายในหนังสือวงการ...ไม่ทันได้รู้ว่า ในเกศบัวตูมห้าพิมพ์ “ตรียัมปวาย” แยกลักษณะพระเพลาเกศบัวตูมไว้ ต่อไปนี้
...
พิมพ์เขื่อง พระเพลาขัดราบ พิมพ์โปร่ง พระเพลาขัดเพชร พิมพ์สันทัด พระเพลาขัดเพชร พิมพ์ย่อม พระเพลาขัดราบ และพิมพ์เกศบัวเรียว พระเพลาขัดเพชร
พระเพลาขัดเพชร อย่างไร? นึกถึงพระเพลาพิมพ์ฐานแซม เอาไว้...เส้นขอบล่าง เว้าตรงกลาง และองค์ที่ติดชัด ปลายพระบาทท่อนล่าง สอดขึ้นไปโผล่ใกล้เส้นมือประสานด้านขวา...นั่นไง!
ถ้ายัง “มโน” ไม่ได้ หันมาดูเกศบัวตูมวัดระฆัง องค์ในคอลัมน์...ติดพิมพ์คม พอเห็นเส้นแบ่งปลายพระบาทสองข้าง ประสานขัดไขว้กัน เรียกกัน สมาธิขัดเพชร ด้วยประการฉะนี้
ไหนๆก็ดึงสายตามาดูเส้นสายเรื่องพระ เพลา...ซึ่งเป็นความรู้ใหม่กันแล้ว ก็ควรลงลึกไปดูเส้นสายอื่น เริ่มต้นกันที่บริเวณ “บัวตูม” ที่มาของชื่อแม่พิมพ์
“บัวตูม” องค์นี้ตูมเต่งไปด้านสูงกว่าพิมพ์เคยเห็นๆกันมา พระเกศสองข้างทิ้งปลายระย้า อ่อนช้อย เส้นขอบจีวรซ่อนอยู่กับชิ้นรัก บริเวณรักแร้ ร่องแยกเส้นสังฆาฏิเห็นเป็นเค้า ผ่านพระเพลาขัดเพชร ลงมาเส้นนิสีทนะ (แซมใต้ฐาน) หนาคม บัวลูกแก้ว (เส้นแซมเส้นที่สอง) วางตำแหน่งคล้ายพิมพ์ฐานสิงห์แคบที่คุ้นตา
เส้นซุ้มหวายผ่าซีก ใหญ่หนา ตัดขอบสี่ด้านแบบบรรจง ชิดเส้นกรอบกระจกชนิดเกือบกลืนเป็นเส้นเดียวกัน
ไม่เพียงเกศบัวตูมองค์นี้ จะแสดงความเป็นแม่พิมพ์ (ขัดสมาธิเพชร) แปลกใหม่...ยังแสดงถึงความเป็นพระพิมพ์ที่ผึ่งผายสง่างาม ประเด็นที่ควรจะพิจารณา คือเข้าลักษณะ ขัดสมาธิเพชรพิมพ์ไหนในห้า
พิมพ์โปร่ง...ไม่ใช่...พิมพ์เกศบัวเรียว บัวท่านตูมตึงขนาดนี้...ตัดออก...จึงเหลือพิมพ์เดียว พิมพ์สันทัด
เกศบัวตูมวัดระฆังองค์ในคอลัมน์วันนี้ คือพิมพ์สันทัดครับ
เจอกันแล้ว ก็ดูกันให้ติดตา แม่พิมพ์ในกลุ่มนี้วงการซื้อขายเรียกกันว่า “ผิดพิมพ์” เจอองค์ไหนเนื้อได้ธรรมชาติดี อย่างองค์นี้ก็ถือเป็นวาสนาคนเบี้ยน้อยหอยเล็กอย่างพวกเรา.
พลายชุมพล
คลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม