หากมีพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ แม่พิมพ์มาตรฐาน สภาพองค์พระผ่านการใช้สึกช้ำ จนผิวปูนหรือเรียกแป้งโรยพิมพ์จางหาย เปิดเห็นผิวเนื้อใน นุ่มนวลซึ้งตา อย่างองค์ในคอลัมน์วันนี้
เราจึงน่าจะถือเป็นองค์ครู เรียนรู้ “ความนุ่ม” เนื้อพระไปด้วยกัน
ในหัวข้อ “ความนุ่ม” หนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มพระสมเด็จฯ (สำนักพิมพ์คลังวิทยาบูรพา พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ.2520) “ตรียัมปวาย” อธิบาย ความนุ่มเป็นลักษณะมูลฐานสำคัญประการหนึ่ง
ความนุ่มทางทรรศนียะ หมายถึงความนุ่มนวลของเนื้อ ซึ่งจะปรากฏให้สัมผัสได้โดยแน่ชัด เพราะฉาบคลุมผิวเนื้อภายนอกของพระ (ส่วนภายในเป็นโครงสร้างหรือความแกร่งของเนื้อ)
ดังนั้น ความนุ่ม จึงมิใช่หมายความว่า เป็นความอ่อนนุ่ม ดังเช่นวัสดุที่มีความอ่อนตัวทั้งหลาย
ส่วนความอ่อนนุ่มนั้น ก็เป็นลักษณะของปลอมอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าเนื้อเปียก คือเนื้อยังมีความใหม่สดอยู่ อนุภาคของเนื้อยังไม่ยุบตัวเกาะกุมอย่างสนิท และสารประเภทน้ำมันยังไม่ระเหิดออกจากเนื้อจนหมดสิ้น สภาพของเนื้อจึงขาดทั้งความแกร่งและความนุ่ม โดยทั่วไปเนื้อระฆัง จะมีความนุ่มจัดกว่าบางขุนพรหม
วัตถุใดๆที่มีความอ่อนนุ่มย่อมจะขาดความแกร่ง แต่วัตถุใดๆที่เนื้อมีลักษณะนุ่มนวลไม่หยาบกระด้าง อาจแฝงความแกร่งไว้ภายในได้ เช่นหินอ่อนขัดมันจะมีผิวและเนื้อนุ่มนวลต่อการสัมผัส แต่ในขณะเดียวกันก็มีความแกร่งอย่างสมบูรณ์ในเนื้อ
กรณีเนื้อพระสมเด็จฯ อาจสรุปได้ว่า ความนุ่มซึ่งเป็นลักษณะของความแท้ จะตรงข้ามกับความอ่อนนุ่ม หรือเนื้อเปียก ซึ่งเป็นลักษณะปลอมอีกลักษณะหนึ่ง
มูลกรณีความนุ่มของเนื้อแท้ เกิดจากภาวะ 3 ประการ
...
1.อนุภาคมวลสาร เนื้อที่มีส่วนผสมของมวลสารอันละเอียดอ่อน ข้าวสุก เนื้อกล้วย ผงวิเศษห้า เนื้อว่าน ฯลฯ จะมีความนุ่มจัด เนื้อประเภทหนึกนุ่มจัดๆของวัดระฆัง เช่น เนื้อเกสรดอกไม้ เนื้อกระแจะจันทน์ เนื้อปูนนุ่ม
2.ความกร่อนอากาศ พระสมเด็จวัดระฆัง บัดนี้มีอายุการสร้างกว่า 160 ปี องค์ที่ผ่านการใช้น้อย เช่น เก็บใส่พานไว้ตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย ก็จะต้องผ่านอากาศและภาวะแวดล้อมทางอุตุมานานปี ย่อมจะมีผิวที่สลายตัวไปกับอากาศที่แวดล้อมอยู่ทุกๆวินาทีของระยะการอันยาวนาน ซึ่งเรียกว่าการกินตัวกับอากาศ
ผิวหน้าของเนื้อจะกินตัวเข้ากับออกซิเจน อยู่ตลอดเวลา กลายเป็นเถ้าหรือสนิมอโลหะ ได้แก่ ผิวอันนุ่มนวลของเนื้อ พระเครื่องสกุลสมเด็จ หรือพระปลอม ซึ่งมีอายุน้อยๆย่อมจะขาดคุณลักษณะในประการดังกล่าวนี้
3.ความสัมผัส พระสมเด็จที่มีอายุตกทอดกว่า 160 ปี เป็นสมบัติของบุคคลต่างๆ ย่อมจะได้รับการสัมผัสจับต้องและการใช้ ผิวเนื้อจะได้รับการเสียดสีอยู่เสมอ เป็นลักษณะของการกรอเกราโดยธรรมชาติ
แง่สันต่างๆจะค่อยๆคลายความคมชัดลงไป พร้อมกับผิวเนื้อจะนุ่มนวลขึ้นตามลำดับ เนื่องจากการสัมผัสโดยตรง และความชื้นอันเกิดจากเหงื่อไคลที่กอปรไปด้วยสารเกลือ ซึ่งจะช่วยปฏิกิริยาการกร่อนอากาศให้มีมากขึ้น ผิวเนื้อจะนุ่มกว่าองค์ที่ไม่ค่อยได้ใช้
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ในคอลัมน์ เป็นพระเนื้อที่ครูเรียกว่า เกสรดอกไม้ พื้นผนังยังดูดซับฝ้ารักที่ลอกออกไปนาน...ไว้บางๆปรากฏลายงาอ่อนๆบนพื้นผนัง ในซอกแขน หรือเนื้อที่ชิดกับองค์พระ หรือเส้นซุ้ม ยังพอเห็นผิวแป้งโรยพิมพ์เหลือไว้บ้าง
หลุมร่อง รอยยุบ รอยแยก เกิดตามธรรมชาติทั้งด้านหน้า ด้านหลัง สภาพองค์รวมกลมกลืนซึ้งตา ถือเป็นพระสมเด็จวัดระฆังแท้ สภาพที่วงการเรียก “พระใช้” เนื้อจัด ดูง่าย องค์หนึ่ง.
พลายชุมพล
คลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม