มาถึงเดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๖ กันแล้ว ซึ่งเป็นปีที่ครบ ๒๗ ของ สนามพระวิภาวดี ที่ปักหลักปักธงหัวเขียว เล่าเรื่องราวของวัตถุมงคลให้ท่านผู้ชมมาตั้งแต่พ.ศ.๒๕๓๙ นู่น.....
- วันนี้เราเริ่มกันที่ พระสมเด็จอรหัง พิมพ์สังฆาฏิ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ ต้นตำรับพระพิมพ์ เนื้อผงพุทธคุณ รูปทรงสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก ที่ได้รับการขนานนาม “พระสมเด็จ” ตามฐานาสมณศักดิ์พระเถราจารย์ผู้สร้าง คือ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ผู้มีวิชาพุทธาคมแก่กล้าด้านเมตตามหานิยม สามารถเสกข้าวเลี้ยงไก่ป่าให้เชื่องเป็นไก่วัด เป็นที่ประจักษ์ของ รัชกาลที่ ๑ จึงอาราธนานิมนต์ท่านจากวัดท่าหอย จ.อยุธยา มาเป็น เจ้าอาวาสวัดพลับ ซึ่งเป็นวัดชาวบ้าน สร้างอยู่ในสวนใกล้วัง.....
...
ต่อมาทรงขยายอาณาเขตสร้างเพิ่มรวมเป็นวัดราชสิทธาราม และโปรดเกล้าฯตั้งพระอาจารย์เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ในสมณศักดิ์ที่พระญาณสังวรฯ และในสมัย ร.๒ ก็ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น สมเด็จพระญาณสังวร แต่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “สมเด็จสุก ไก่เถื่อน” ก่อนสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร พระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านได้สร้างพระพิมพ์ดังกล่าวมอบผู้ร่วมพิธีรับสถาปนาส่วนหนึ่ง อีกส่วนนำบรรจุองค์พระเจดีย์ วัดมหาธาตุฯ คราวเดินทางไปรับตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ.๒๓๖๓ อีกส่วนพบบรรจุที่วัดสร้อยทอง รวมแล้วมีพิมพ์พระมาตรฐาน ๑.พิมพ์สังฆาฏิ ๒.พิมพ์เกศอุ ๓.พิมพ์ฐานคู่ ๔.พิมพ์หลังโต๊ะกัง (เนื้อแดง) หลังเป็นตราประทับคำบาลีว่า “อรหัง” ๕.พิมพ์เล็กมีประภามณฑลและไม่มี องค์นี้ ของ เสี่ยก้อง ท่าพระจันทร์ เป็น พระพิมพ์สังฆาฏิ ที่ได้รับความนิยมมาตรฐาน สภาพงามสมบูรณ์เดิมๆแบบนี้ ราคาสูงถึงหลักล้านต้นๆแล้ว.....
- ต่อไปคือ พระคง กรุเก่า วัดพระคงฤๅษี อ.เมือง จ.ลำพูน ต้นตำรับพระเครื่องสกุลลำพูน ที่ พระนางจามเทวี สร้างบรรจุไว้ครั้งสร้างเมืองหริภุญไชย มีชื่อเสียงเป็นพระมีอานุภาพพุทธคุณสูงด้านแคล้วคลาดคงกระพันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เพราะมีหลักฐานพบ พระคงดำ หรือ พระลำพูนดำ ติดอยู่กับพระมาลาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อดินผสมว่านเผา รูปทรงเล็บมือ ด้านหน้าเป็นองค์พระประทับนั่ง ปางสะดุ้งมาร เหนือฐานบัวสองชั้นอยู่ในซุ้มโพธิ์ พุทธศิลป์แบบคุปตะอินเดีย พบครั้งแรกเป็นหมื่นองค์ที่กรุวัดพระคง แยกเนื้อได้เป็นสีขาว สีชมพู สีพิกุล สีเหลือง สีแดง สีเขียว และสีดำ ส่วนองค์นี้ ของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ เจ้าถิ่นภาคเหนือ เป็น พระกรุเก่า เนื้อเหลือง ที่มีพบมากสุด--แต่จะหาน้อยองค์ที่รูปทรงสมส่วนไม่บิดงอ เนื้อจัด และพิมพ์พระคมจัดชัดลึกขนาดนี้ จึงเชื่อว่าไม่นานต้องมีผู้นิมนต์แน่
- องค์ต่อไปเป็น พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ของ เสี่ยเกื้อกูล มานะสัมพันธ์ สภาพเป็นพระผ่านใช้สัมผัส เปลือกผิวสึก ลบเลือนเข้าถึงเนื้อใน แต่ด้วยศักดิ์ศรีพระพิมพ์ใหญ่ ลายกนก ยอดนิยมหมายเลข ๑ ในสกุลพระกำแพงซุ้มกอ ที่ได้รับการยกย่องเป็นเจ้าพ่อแห่งลานทุ่งเศรษฐี แม้จะสภาพนี้ก็ยังมีคนอยากได้เยอะ และราคาก็ยังต้องว่ากันหลักล้าน
...
- ต่อด้วย พระกำแพงลีลากลีบจำปา กรุลานทุ่งเศรษฐี อ.เมือง กำแพงเพชร ๑ ใน ๓ พระพิมพ์กำแพง ปางลีลา พุทธศิลป์สมัยสุโขทัย ที่ยกย่องว่างามเป็นที่สุด เรียกนามตามความนิยมเป็น เม็ดขนุน พลูจีบ กลีบจำปา ลักษณะรูปทรงพิมพ์พระเป็นอย่างองค์นี้ ของ เสี่ยจักร์กริช ทรัพย์ไพศาล ที่เป็นพระสภาพงามเพอร์เฟกต์ ทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ ผิวเนื้อ และคราบฝ้ารากรุ ที่เห็นเป็นสีดำสนิทจับแน่นเข้าผิวเนื้อทั่วองค์ เป็นจุดพิจารณาอายุความเก่าถึงยุคสมัยอย่างเป็นธรรมชาติ ชี้ขาดความเป็นพระแท้ โชว์ได้ ใช้ดี
- อีกรายการ ของ เฮียเปี้ย ท่าพระจันทร์ เป็น พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี มาให้ดูความเป็นพระแท้ ดูง่าย ฟอร์มทรงมาตรฐาน พิมพ์พระที่ชัดลึก ผิวนอกเนื้อใน จุดตำหนิมาตรฐาน เป็นพิมพ์รอง น้องสุดท้อง เป็นพระน่ารัก น่าใช้ ที่ปัจจุบันมีผู้เสาะหามากไม่แพ้พิมพ์เบอร์ต้น--เพราะราคาพระสวยสภาพแชมป์ อย่างองค์นี้ จ่ายแค่หลักล้านต้นๆ ก็ได้ไว้ใช้บูชาแล้ว
...
- ต่อด้วย พระปิดตาแร่บางไผ่ พิมพ์เศียรตัด หลวงปู่จัน วัดโมลี อ.เมือง จ.นนทบุรี ประวัติท่านเป็นพระธุดงค์มาจากเขมร เชื่อกันว่าท่านมีวิชาย่นเวลาระยะทางได้ มีวิชาอาคมแก่กล้า และใช้ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ที่วัดบางรักใหญ่ ทำน้ำมนต์รักษาโรค ขับไล่ภูตผี สักเสกอักขระเลขยันต์เป็นคงกระพันชาตรี และชำนาญในการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน จึงนิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโมลี ท่านเริ่มสร้าง พระปิดตา หารายได้สร้างวัดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๕ โดยนำแร่ที่ค้นพบในคลองบางไผ่ และคลองบางใหญ่ ต.บางคูวัด ซึ่งมีสายแร่ในดินที่เคลื่อนย้ายได้ ท่านจึงติดตามหาต้นสายแร่ไปถึงวัดทอง คลองบางกอกน้อย ซึ่งได้พบคบหาเป็นพระสหมิกธรรม แลกเปลี่ยนเรียนวิชากับ หลวงพ่อทับวัดทอง...
...
เมื่อพบต้นสายแร่ท่านได้ขนขึ้นเรือกลับมาใส่โอ่งเลี้ยงที่วัด โดยใช้น้ำคาวปลาสาดใส่ให้เกิดสนิมเพื่อทำให้แร่รวมตัวเป็นก้อน แล้วนำไปกะเทาะเป็นก้อนเล็กใส่ครกตำก่อนนำไปถลุงเป็นเนื้อโลหะ แล้วเทหล่อ พระปิดตา แบบลอยองค์ ที่มีความโดดเด่นกับการ เล่นเส้นยันต์ ขมวดเป็นตัวนะที่หน้าอก เป็นเอก ลักษณ์ บางองค์มีหางขมวดขึ้นเป็นอุณาโลม ด้านหลังเป็นยันต์เฑาะว์ ตัวใหญ่ และอักขระยันต์ธาตุ ๔ นะมะพะทะ ส่องเนื้อเห็นเป็นเส้น (เสี้ยนตาล) เพราะการหลอมใช้เตาไฟธรรมดา ไม่ใช่เตาหลอมโลหะ อุณหภูมิความร้อนจึงไม่สูง แค่พอหลอมเนื้อโลหะให้ละลายหมดได้ จึงทำให้เนื้อเปราะ ตกแตกง่าย มีพิมพ์พระมาตรฐานคือ ๑.พิมพ์หมวกแก๊ป ๒.พิมพ์เศียรโต ๓.พิมพ์ทองหยอด ๔.พิมพ์เศียรตัด แบบองค์นี้ ของ เสี่ยสถิต ราชบุรี ซึ่งเป็นพระสวยสมบูรณ์เดิมๆ มีเส้นเสี้ยนให้ส่องเห็นสนิมส้มในซอกลึก ตอกย้ำความเป็นพระดีแน่แท้ชัวร์ ที่นับวันยิ่งหายาก
- ต่อไปดู เหรียญหลวงพ่อวัดไชโยรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๑ วัดไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง เหรียญพระพุทธสุดยอดนิยม ๑ ใน ๕ เป็น เหรียญจำลอง รูปองค์หลวงพ่อพระ ประธาน วัดเกศไชโย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สร้างพระพุทธรูปปูนปั้นขึ้นแทนองค์หลวงพ่อโต ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สร้างไว้ แต่ได้พังทลายลงมาตามสภาพ--และพระราชทานนามว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” .....
ทางวัดได้จัดสร้างเหรียญรุ่นนี้ออกเป็น รุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑ เป็นเหรียญปั๊มทรงโล่ ด้านหน้าเป็นองค์จำลองหลวงพ่อ นั่งปางสมาธิเหนือฐานบัวคว่ำบัวหงาย สองข้างมีอักษรบอกนามพระพุทธรูปวัดไชโย ข้างเข่าซ้ายขวาเป็นอักขระอุณาโลม ด้านหลังมีอักขระพระคาถาและ พ.ศ.บอกปีสร้าง อย่างเหรียญนี้ ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง ที่เป็นเหรียญสวยแซ่บ สภาพเพอร์เฟกต์ แชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ ที่ยังไม่มีองค์ท้าชิง ส่วนราคาก็ต้องว่ากันหลายๆล้านแน่
- สุดท้าย เห็นแล้วดีใจ เพราะไม่มีใครกล้าทำหนังสือตำราพระเครื่องออกมานานมาก เพราะค่าพิมพ์แพง เป็นตำราพระสกุลลำพูน ของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ที่ ๓ ผู้ชำนาญการมืออาชีพแถวหน้า เจ้าถิ่น คือ เสี่ย พรรค คูวิบูลย์ศิลป์ เสี่ยเบิ้ม นครพิงค์อาร์ต เสี่ยวีรชัย ไชยเจริญ (โจ๊ก ลำพูน) ร่วมมือกันถ่ายทอดความรู้ ความชำนาญ แบบ ๓ ประสาน เพื่อไว้เป็นตำนานสู่นักนิยมรุ่นหลังได้สืบทอดศึกษาอย่างถูกต้อง.....
โดยรวบรวมภาพ พระแชมป์สกุลลำพูน พระแท้องค์จริง ไว้ ครบแบบ ครบพิมพ์ พร้อมข้อมูลความรู้ทุกมิติ แบบรู้ลึก รู้จริง สามารถใช้เป็น ตำราชี้ขาด ตัดสินพระเครื่องสกุลลำพูนยอดนิยมได้อย่างมั่นใจ จัดพิมพ์อย่างดีมี ๒ เล่ม ชุดละ ๘,๐๐๐ บาท ถ้าสั่งจองเหลือชุดละ ๕,๐๐๐ บาท และพิเศษ จอง ๑๐ ชุด ได้สมนาคุณ ๑ ชุด จึงคุ้มมาก สอบถามที่ เสี่ยแม็ก ช้างเผือก ๐๘–๕๖๙๔–๕๘๙๕ มาถึงเรื่องปิดท้าย ของ เสี่ยวิทยา หัวหน้าทีมงานครีเอทีฟ ทำหน้าที่คิดคำสร้างงานให้บริษัทโฆษณาต้นสังกัดจนมีชื่อเสียง ลูกค้าเพียบ ก็เข้าทำงานตั้งแต่เรียนจบอายุ ๒๒ ปี ปัจจุบันอายุ ๓๐ ปี เพิ่งมีโอกาสลาอุปสมบท บวชแทนคุณพ่อ-แม่ เมื่อพรรษาที่ผ่านมา.....
ตอนบวชได้รับหน้าที่ติดตามเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระเกจิฯมีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งได้ติดตามอาจารย์ไปงานพุทธาภิเษกวัดดัง ที่สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลออกหารายได้บูรณะวัด ถึงเวลาตามฤกษ์ยาม พระอาจารย์ก็เดินขึ้นนั่งประจำที่ รับมอบพานที่มีพระเครื่องของขลังกองพูนเต็มกับสายสิญจน์แล้วนั่งบริกรรมปลุกเสกด้วยสมาธินิ่งสนิทราว ๑ ชม. เป็นเสร็จพิธี ตอนเจ้าหน้าที่วัดเข้ายกพานพระเครื่องจากตักพระอาจารย์ รีบร้อนจนสะดุดล้ม พระเครื่องของขลังกระจายเต็มโบสถ์ จนพระเกจิฯในพิธีหน้าเสียกันหมด ด้วยสัญชาตญาณครีเอทีฟ พระวิทยา คิดแก้ไขสถานการณ์ได้ทันทีรีบถกจีวรยืนขึ้น บอกเสียงดังว่า พระรุ่นนี้ขลังมาก หลวงพ่อปลุกเสกจนพระบินได้ กระจายเต็มโบสถ์เลย แบบนี้ต้องเรียกชื่อรุ่น “บินได้”--จึงฮือฮา มีผู้ศรัทธาเช่าพระหมดไปในเวลา ๑ เดือน.....
ต่อจากนั้น พระวิทยา ก็ได้จัดสร้างพระเครื่องของขลังเอง โดยหลวงพ่อเจ้าอาวาสประกอบพิธีปลุกเสกเดี่ยว ๓ วัน ๓ คืน เมื่อเสร็จพิธีก็เก็บพระที่สร้างไว้ในโบสถ์ แต่พระที่เฝ้าเกิดร้อนจึงเปิดประตูหน้าต่างรับลม แล้วเผลอนอนหลับไป รุ่งเช้าพบว่ามีพระเครื่องที่หายไปจำนวนหนึ่ง เจ้าอาวาสจึงเรียก พระวิทยา มาถามว่า จะแก้ปัญหายังไงดี พระวิทยา บอกต้องกู้วิกฤติให้เป็นโอกาส เพราะมีไอเดียปิ๊งทันที บอกแบบนี้ต้องตั้งชื่อ “รุ่นล่องหน” ทำข่าวว่าใช้แล้วแคล้วคลาดเหมือนล่องหนหายตัวได้ เพราะยุคนี้คนเป็นหนี้เยอะคงอยากหลบหน้าเจ้าหนี้กัน ก็ปรากฏว่าพระขายดีตามคาด แต่ครีเอทีฟพลาดเรื่องชื่อไป เพราะคนนิยมเรียกว่า “รุ่นหนีหนี้” แทน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง
คลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม