พระขุนแผนทรงพล หลังสมเด็จพระนเรศวร วัดไก่เตี้ย พ.ศ.๒๕๕๗ ของศิวกร อนันต์ศิริขจร.

สนามพระวิภาวดีของท่านผู้ชมวันนี้ ก็ยังกระหึ่มไปด้วยเสียงถกเถียงเรื่อง ครม.เศรษฐา ที่ลงตัว 99.99% เหลือขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก็จะจบในเดือน ๙ นี้ล่ะ

ฟังคนนั้นคนนี้ ต่างคนต่างคิด ชอบคนนั้น ไม่ชอบคนนี้ ยี้มาได้ไง ฯลฯ แล้ว ขอบอกว่า บางทีท่านผู้ชมก็ต้องหรี่ตาหรือหลับตาข้างนึงกันบ้าง ถ้ายอมรับว่า เป็นไปไม่ได้ ที่จะถูกใจทุกคน ดังนั้น อะไรที่เราค้านไม่ได้ ก็ลองทำใจไปก่อน อย่างน้อยเรายังมีเวลารอดูกันอีกนานว่าจะมีผลงานไหม ถ้าทำดีเชื่อว่าที่เคยยี้ก็ลบล้างกันได้ เพราะไม่มีใครผิดทุกเรื่อง หรือดีทุกอย่าง--แม้แต่ตัวเราเอง

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม วัดใหม่อมตรส ของ เบียร์ นครปฐม.
พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม วัดใหม่อมตรส ของ เบียร์ นครปฐม.

...

เรื่องคนรับประกันไม่ได้ว่าใครดีใครไม่ดี แต่เรื่องพระองค์นี้ดี 100% คือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม วัดใหม่ อมตรส แขวงบางขุน พรหม กรุงเทพฯ พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ผสมมวล สารปูนขาว รูปทรงสี่เหลี่ยม ชิ้นฟัก ซึ่ง เสมียนตราด้วง ต้นสกุล “ธนโกเศศ” นิมนต์ สมเด็จโต มาเป็นประธานจัดสร้าง ณ ปะรำพิธี ริมถนน หน้าตรอกวัดใหม่อมตรส ซึ่งได้พิมพ์พระราว ๘๔,๐๐๐ องค์ บรรจุกรุไว้ พระก็จำวัดอย่างสงบมาถึงปี พ.ศ.๒๔๒๕ ก็ถูกขโมยตกกรุ เพราะอยากได้พระไปคุ้มครองตัว ซึ่งสมัยนั้นยังไม่น่าจะมีการซื้อขายพระกัน หลายคนจึงบอกว่าก็ขโมยด้วยใจบริสุทธิ์ (เออ ก็มีด้วยแฮะ)

ปี พ.ศ.๒๔๓๖ เกิดกรณีพิพาทฝรั่งเศส เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง คนจึงลักลอบตกพระอีก จนถึงปี พ.ศ.๒๔๔๙ จนทำให้องค์พระเจดีย์ทรุดโทรม เจ้าอาวาสขณะนั้นจึงได้ก่ออิฐปิดช่อง จึงยุติการตกกรุมาได้อีกระยะ

พอสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็กลัวภัยสงครามจึงกลับมาขโมยอีกครั้ง คราวนี้ทางวัดจึงเปิดกรุเอง เมื่อวันที่ ๒๔ พ.ย.๒๕๐๐ ได้พิมพ์พระแยกพิมพ์เป็นมาตรฐาน ๘ พิมพ์

มีบันทึกบอกรายละเอียด แยกสีเนื้อพระไว้ โดย พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร กรรมการผู้เชี่ยวชาญ แยกได้เป็น ๑.เนื้อขาว หนึกแกร่ง ๒.เนื้อสีนวลขาว คล้ายเนื้อขาวผิวมีฝ้าเป็นคราบขาวขึ้นจับแน่น ๓.สีขาวเจือเขียวอ่อน เป็นแสงระเรื่อ ๔.สีเขียวหม่น สีเนื้อแก่กว่าสีขาวนวลเล็กน้อย ๕.สีขาวเหลือง (ผิวหน่อไม้อ่อน) เนื้อฟู ๖.เนื้อเหลืองฟู พบส่วนมากเป็นพิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์เจดีย์และพิมพ์เกศบัวตูม ๗.เนื้อสีเทาอ่อนคล้ายเนื้อสีขี้เถ้า

องค์นี้ของ เสี่ยเบียร์ นครปฐม เป็นพระสภาพสมบูรณ์ สวยเดิม ที่มีเนื้อจัด รอยตัด เนื้อข้างหนา อย่างพระสมเด็จวัดระฆังฯที่มีพบน้อยหายากสุดๆ ถูกจัดอยู่ในหมวดพระพิมพ์นิยมเนื้อพิเศษ ซึ่งวัดกำหนดราคาทำบุญบูชาไว้สูงกว่าพิมพ์อื่นๆ

พระพิมพ์ซุ้มกอใหญ่ (ตื้น) หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน ของ ดร.ณัฐธัญ มณีรัตน์.
พระพิมพ์ซุ้มกอใหญ่ (ตื้น) หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน ของ ดร.ณัฐธัญ มณีรัตน์.

รายการที่สอง เป็น พระพิมพ์ซุ้มกอ ใหญ่ (ตื้น) หลวงพ่อโหน่งวัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง สุพรรณบุรี พระอมตะเถระของชาว อ.สองพี่น้อง ด้วยวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด ทางวิปัสสนากรรมฐาน อย่างอุกฤษฏ์อยู่เอกา (ป่าช้า) ฉันถั่วงา มีเมตตาธรรมเป็นที่ประจักษ์

ท่านเป็นศิษย์เอก หลวงพ่อเนียม วัดน้อย และเป็นพระสหมิกธรรมของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ที่กล่าวยกย่องยอมรับท่านเป็นพระอรหันต์

พอว่างจากวัตรปฏิบัติ ท่านจะสร้างพระพิมพ์ด้วย เนื้อดินกรองสะอาด กดพิมพ์เป็นองค์พระและนำไปเผา มีหลายแบบ หลายขนาด เพื่อให้ครบจำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เป็นการสืบ อายุพระพุทธศาสนา

กล่าวกันว่าสมัยท่านมีชีวิตอยู่รอบพระอุโบสถท่านมีพระพิมพ์ที่ท่านสร้างวางตากแดดไว้เต็มไปหมดจนเด็กวัดหยิบไปเล่นทอยกองกันก็มี--องค์นี้ ของ ดร.ณัฐธัญ มณีรัตน์ เป็น ๑ ในพิมพ์นิยมมาตรฐาน สภาพงามสมบูรณ์เดิมๆ ราคาอยู่ที่หลักหมื่นกลางๆ

...

องค์ที่สาม คือ พระขุนแผนทรงพล หลังสมเด็จพระนเรศวร ยันต์นะ ขุนแผน พ.ศ.๒๕๕๗ พระครูวศินปริยัตยากร (พระอาจารย์โชคดี) วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ พระเกจิอาจารย์ นักพัฒนา ผู้มีวิชาอาคมเข้มขลัง โดดเด่นด้านเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาโชค มหาลาภ แห่งยุค

ท่านเรียนรู้วิชาอาคมมาแต่เด็กจากคุณตา ซึ่งเป็นอาจารย์ฆราวาส พอบวชก็ไปจำพรรษาเรียนวิชาอยู่กับหลวงพ่อสิงโต วัดสาลี จ.สุพรรณบุรี และได้เป็นศิษย์พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงแห่งยุคอีกมากมาย อาทิ หลวงพ่อทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง จ.อยุธยา หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ฯลฯ

และนำสรรพวิชาไปใช้ช่วยเหลือผู้คน จนได้ชื่อเป็นพระผู้สำเร็จมี วิชานะ ขุนแผนตำรับ รามัญ ที่มีอานุภาพโดดเด่นด้านเมตตามหาเสน่ห์ มหาโชค มหาลาภ อยู่แถวหน้าแห่งยุค

เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไก่เตี้ย ได้สร้าง พระพิมพ์ขุนแผนทรงพล หลังพระนเรศวร ประทับยันต์นะ ขุนแผน นี้ โดยนำ ผงพระขุนแผนบ้านกร่าง ผสมเป็นมวลสารหลัก ประกอบพิธีครั้งแรก ณ พระอุโบสถ วัดบ้านกร่าง แล้วนำกลับมาประกอบพิธีปลุกเสกเดี่ยว ณ พระอุโบสถวัดไก่เตี้ย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๗ นำออกให้ทำบุญบูชาหารายได้บูรณะวัด

ผู้ใช้บูชามีอานุภาพปรากฏด้านเมตตามหาเสน่ห์ มหาโชค มหาลาภสูง มีชื่อเสียงแพร่หลายเป็นอัศจรรย์ จนร่ำลือไปถึงชาว มาเลเซีย สิงคโปร์ ชาวจีน จึงไปทำบุญบูชากันแบบยกกล่อง ยกลัง ทำให้คนไทยที่อยู่ใกล้ต้องหาในราคาสูงขึ้น--ปัจจุบันพระองค์งามๆ สภาพสมบูรณ์สวยเดิม แบบองค์นี้ ของ เสี่ยศิวกร อนันต์ศิริขจร ก็หลักหลายๆพัน

เหรียญแปะโรงสี อ.โง้ว กิมโคย เนื้อทองแดง พ.ศ.๒๕๑๙ ของ โอลาฟ กิตดิศิริสวัสดิ์.
เหรียญแปะโรงสี อ.โง้ว กิมโคย เนื้อทองแดง พ.ศ.๒๕๑๙ ของ โอลาฟ กิตดิศิริสวัสดิ์.

...

รายการถัดไป เป็น เหรียญแปะโรงสี อ.โง้ว กิมโคย เนื้อทองแดง พ.ศ.๒๕๑๙ ซึ่งเป็นฆราวาสชาวจีนโพ้นทะเล ที่อพยพครอบครัวเข้ามาทำโรงสี อยู่ใน จ.ปทุมธานี และได้รับความเคารพศรัทธาว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมสูง และปฏิบัติตนเป็นผู้ทรงศีล ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา

และมีความชำนาญในพิธีกรรมตามตำรับวิชาของจีนและฮวงจุ้ย มีชื่อเสียงด้านปลดหนี้ การค้า ป้องกันภัย จาก ยันต์ฟ้าประทานพร ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัว ที่ศิษย์ ทั้งพ่อค้านักธุรกิจ การค้าทั้งชาวไทย-จีน เคารพศรัทธาท่านกันมาก

ภาพถ่ายหลังยันต์เหรียญรูปเหมือนหลายรุ่นที่ท่านสร้างได้รับความนิยม มีผู้แสวงหากันมาก จนเป็น เหรียญฆราวาส ที่มีราคาสูงสุด ในปัจจุบัน

ท่านกำเนิดเป็นชาวจีน ตำบลเท้งไฮ้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๑ เข้ามาประเทศไทยเมื่ออายุราว ๑๐ ปี รับจ้าง ทั่วไปและค้าข้าวเปลือก พอมีทุนจึงร่วมหุ้นทำกิจการโรงสีบริเวณปากคลองบางโพธิ์ล่าง ปัจจุบันคือ ต.บางกระสอ จ.ปทุมธานี

ต่อมาได้ไปทำโรงสีของตัวเองที่บริเวณปากคลองเชียงราก ใกล้ศาลเจ้าพร้อมได้รับสัญชาติไทย เปลี่ยนชื่อเป็นนายนที ทองศิริ เป็นผู้มีความสำคัญในการดำเนินงานศาลเจ้า บูรณะซ่อมแซม จัดการพิธีกรรม หลายครั้งได้แสดงปาฏิหาริย์เป็นที่กล่าวขาน

ผู้เคารพศรัทธาเชื่อกันว่าท่านมีองค์ “ทีกง” เทพเจ้าของจีนประทับในตัว มียันต์ประจำตัวเรียกว่า “เทียน กัว สื่อ ฮก” ที่แปลว่า เหล่าทวยเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า ประทานพรให้มีโชคลาภ ความสุข ท่านจึงเป็นผู้ให้คำปรึกษาในพิธีกรรมความเชื่อทางศาสนาของชาวจีน

ตลอดอายุ ๘๕ ปี ท่านสร้างของขลังเป็นรูปถ่าย หลังยันต์และเหรียญรูปเหมือน รุ่นต่างๆได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะที่สร้างทันอายุท่าน อย่างเหรียญนี้ ของ เสี่ยโอลาฟ กิตติศิริสวัสดิ์ มีราคาอยู่ที่หลักหมื่นปลาย

...

พระพิมพ์สามเหลี่ยม หน้าหมอน เนื้อผงผสมมวล สารผงพระสมเด็จวัดระฆังฯ-ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม พ.ศ.๒๕๑๔ ของเต่า พระเครื่อง.
พระพิมพ์สามเหลี่ยม หน้าหมอน เนื้อผงผสมมวล สารผงพระสมเด็จวัดระฆังฯ-ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม พ.ศ.๒๕๑๔ ของเต่า พระเครื่อง.

อีกรายการเป็น พระพิมพ์สามเหลี่ยมหน้าหมอน ผงพุทธคุณผสมมวลสารผงพระสมเด็จวัดระฆังฯ พระสมเด็จบางขุนพรหม ของ “นาย” ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์

สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ตามแบบ พระพิมพ์สามเหลี่ยม หน้าหมอนกรุเจดีย์เล็ก ที่เป็นพระพิมพ์ยอดนิยม (อินเทรนด์) แห่งยุค ขณะนั้น

เพราะเป็นนักนิยมพระเครื่อง ที่สร้างประวัติตำนาน เป็นคุณูปการแก่วงการพระเครื่อง และเห็นคุณค่าของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังฯ-บางขุนพรหมและพระเนื้อผงสำคัญๆ แม้จะแตกหักชำรุด องค์สึก ลบเลือนที่มีพบมากในยุคนั้น ซึ่งยังไม่ได้รับความสนใจ นาย จึงรวบรวมนำมาบดเป็นผงผสมมวลสาร สร้างเป็นองค์พระตามแบบพิมพ์พระที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นขึ้นใหม่

และนำเข้าประกอบพิธีปลุกเสก โดย หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธาน แบ่งส่วนหนึ่งไว้เป็นการสร้างกุศล อีกส่วนเก็บรักษา มอบให้คนใกล้ชิดที่เห็นสมควร ในวาระสำคัญ

ปัจจุบันกลายเป็นพระเครื่อง ของดี มีราคา ที่มีผู้รู้แสวงหากันมาก ในราคาหลักพันถึงหลักหมื่น ในองค์พระสภาพงามสมบูรณ์ สวยเนี้ยบ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยเต่า พระเครื่อง

พระพิมพ์นาคปรกหลังจาร เนื้อดินผสมผงใบลาน หลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม ของอาจารย์เจค ไมตรียานุสรณ์.
พระพิมพ์นาคปรกหลังจาร เนื้อดินผสมผงใบลาน หลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม ของอาจารย์เจค ไมตรียานุสรณ์.

อีกสำนักมาจาก หลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ที่สร้าง พระนาคปรก เนื้อผงใบลาน

ท่านเป็นพระอมตะเถราจารย์ อดีตเจ้าอาวาส ผู้ถ่ายทอดวิชาโดยตรงของ หลวงพ่อเงิน อีกทั้งเป็นพระอาจารย์ของ อ.พรหม บิดาของ หลวงพ่อเงิน ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอาจารย์ฆราวาสเรืองเวท

ท่านจึงเป็นพระเกจิฯผู้มีชื่อเสียงสูงแห่งยุคขนาด หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ยังเดินทางมาขอเรียนต่อวิชาด้วย ตลอดอายุ ท่านสร้างพระเครื่องของขลังไว้พอสมควร ที่มีชื่อเสียง เป็น พระพิมพ์นาคปรก เนื้อผงผสมใบลานเผา ที่ หลวงพ่อเงิน ท่านมีพกบูชาติดย่าม

และเคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า พระนี้มีอานุภาพ มหาอุดหยุดลูกปืน ได้ ครั้งหนึ่งขณะเดินธุดงค์ท่านหลงเข้าไปในพื้นที่เขตทหารเมืองลพบุรีที่กำลังฝึกทหารยิงปืน มีกระสุนปืนมาตกอยู่รอบตัวท่านจำนวนมาก เชื่อว่าเป็นด้วยอานุภาพในองค์พระที่ไม่ถูกยิง--แต่ปัจจุบันก็หายาก โดยเฉพาะองค์งามสภาพสมบูรณ์ อย่างองค์นี้ ของ อาจารย์เจค ไมตรียานุสรณ์

ล็อกเกต ครูบาศรีวิชัย ของโจ๊ก ลำพูน.
ล็อกเกต ครูบาศรีวิชัย ของโจ๊ก ลำพูน.

อีกรายการเป็น ล็อกเกต รูปถ่ายครูบาศรีวิชัย (หน้าหนุ่ม) รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๒ วัดศรีดอนชัย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่พอมีหลักฐานพยานบุคคลให้เชื่อได้ว่า สร้างทันอายุท่าน (ภาพท่านยังหนุ่มอยู่) มีผู้ได้รับมอบจากมือท่าน

ลักษณะเป็นล็อกเกตภาพถ่ายขาวดำ รูปไข่ ด้านหลังเป็นแผ่นโลหะปั๊มมีเข็มกลัดแนวขวาง เข้าใจว่าตั้งใจสร้างเป็นเข็มกลัดติดอกเสื้อ อย่างเดียวกับล็อกเกตรูปถ่ายหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

ปัจจุบันได้รับความนิยม เป็นล็อกเกตพระเกจิอาจารย์ราคาหลักแสน องค์นี้ ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน

เขี้ยวเสือแกะ หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ของแมน รัตนา.
เขี้ยวเสือแกะ หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ของแมน รัตนา.

สุดท้าย คือ เขี้ยวเสือแกะ หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ เขี้ยวเสือรูปทรงแปลกตา ที่ เสี่ยแมน รัตนา มืออาชีพรุ่นใหญ่ สายตรงบอกว่า เป็น เขี้ยวเสือแกะ หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก สร้างไว้ แต่ครั้งสงครามอินโดจีน เพื่อมอบศิษย์ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักปกครอง

เขี้ยวมีเอกลักษณ์รูปทรงโดดเด่น ฝีมือช่างมีจุดพิจารณาเฉพาะตัว มีอานุภาพสูงด้านคุ้มครองป้องกันภัย เมตตา มหาอำนาจ สร้างน้อย หาพบยาก เจอที่ไหนให้รีบเก็บ อย่าปล่อยผ่านมือไปเปล่า เพราะอนาคตแพงแน่ๆ

ปิดสนามด้วยเรื่อง เสี่ยหนู เจ้าของร้านอาหาร ซึ่งปล่อยให้ลูกเมียทำ ส่วนตัวเองที่เป็นนักนิยมพระเครื่อง มือหนักดูเป็น เล่นหา ซื้อ-ขายได้ด้วยตัวเองก็ไปทุ่มเทกับซื้อขายพระ โดยเฉพาะพระยอดนิยมระดับเบญจภาคี ที่มีราคาสูง โดยมีวิธีลงทุนแบบองค์ต่อองค์ ซื้อมาองค์หนึ่งขายได้ จึงจะซื้อองค์ใหม่

ทำแบบนี้มาจนสร้างฐานะได้มั่นคง แต่ด้วยอายุมากข้อเข่าจึงเสื่อม หมอแนะนำให้ผ่าตัดเปลี่ยนลูกสะบ้า เมื่อเดือนที่ผ่านมาถึงวันนัด เสี่ยหนู ก็คล้อง พระรอด วัดมหาวัน องค์ใหม่ ที่เพิ่งซื้อมา ล้านสอง ไป รพ. พร้อมลูก-เมีย

พอเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่มาตรวจความพร้อมเห็น เสี่ยหนู คล้องพระอยู่ก็บอกให้ถอดออก เสี่ยหนู บอกไม่อยากถอด คล้องพระอยู่สบายใจดี เจ้าหน้าที่จึงให้ลูกเมียช่วยพูด เสี่ยหนู ก็ไม่ยอม บอกว่าผ่าที่เข่า พระอยู่ที่คอ ไกลกันตั้งเยอะ ไม่น่า เกี่ยวกัน และบอกว่า ถ้าให้ถอดพระอั๊วก็ไม่ผ่า ทำเอาลูกเมียอ่อนใจ

พอดี เสี่ยปอ เซียนพระเพื่อนสนิทมาเยี่ยม เมียรีบเข้าไปกระซิบ เสี่ยปอ บอกเดี๋ยวจัดการให้ ดื้อแบบนี้ต้องใช้คาถา แล้วเดินเข้าห้องไปหา เสี่ยหนู กระซิบข้างหูอยู่แป๊บนึง เสี่ยหนู ก็ยิ้มถอดพระส่งให้

พอกลับมาอยู่บ้านได้ ๓ วัน เสี่ยปอ มาเยี่ยม เมียเสี่ยหนู ก็ถามว่า วันนั้นที่ รพ. เฮียใช้คาถาอะไรถึงได้ศักดิ์สิทธิ์นัก ท่องไม่กี่คำ เฮียหนู ยอมถอดพระ เสี่ยปอ หัวเราะลั่นบอก อั๊วใช้คาถาว่าอั๊วขอซื้อพระรอดในคอลื้อเดี๋ยวนี้เลย ให้กำไรเจ็ดแสน--แค่นั้นมันก็ถอดให้

แล้ว เสี่ยปอ ก็บอกเมีย เสี่ยหนู ว่าไม่รู้เหรอ จำไว้เลยว่าผัวลื้อน่ะงกเงินเป็นที่สุด เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง

คลิกอ่านคอลัมน์ “สนามพระ” เพิ่มเติม