พระพิมพ์สมเด็จ หลังรูปเหมือน รุ่นแรก หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ของ “คุณหมอสายบุญ” นพ.รณชัย หล่อสุวรรณกุล.
ช่วงวันหยุดยาว สนามพระวันอาทิตย์ของเราก็ยังมีสีสัน เพราะคนชอบพระนึกอะไรไม่ออก ก็ไปชุมนุมที่สนามพระ ส่องพระคุยการเมืองกัน ระหว่างนับถอยหลังรอโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกองเชียร์ด้อมส้มกำลังอกหัก ที่ เสี่ยทิม–พิธา ดั๊นติดแป้กเรื่องคุณสมบัติขัดกฎหมาย
แต่อยากให้พ่อแม่พี่น้อง แฟนคลับสนามพระพยายามทำใจมากๆ มองเป็นกลางว่า เสี่ยทิม มีเรื่องหุ้นสื่อมานานแร้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีปัญหา เพราะยังไม่ได้ไปเป็นอะไร ที่ต้อง พิจารณาคุณสมบัติ ว่า ขัดกับตำแหน่ง หรือไม่
มาอีหรอบนี้ พอจะเป็น นายกรัฐมนตรี กับเค้าซะหน่อย เรื่องที่ยังไม่เคลียร์เมื่อปีมะโว้ ก็เลยทำเอาอึ้งอิมกี่ไปทั้งบางระจัน--แต่ที่สุดแล้วเราต้องยอมรับกติกา อย่ามองมุมเดียวว่า ทิมถูกแกล้ง
ตอนนี้ก็ห่วงแต่ว่าถ้ากองเชียร์ประท้วงไม่จบบ้านเมืองก็จะน่วมต่อ อีกอย่างถ้าก่อหวอดกันบ่อยๆ คนที่เคยเห็นใจก็คงเข้าข้างต่อไม่ไหว ถ้ามีผลให้บรรลัยหายนะกระทบปากท้องคน รวมทั้งสนามพระ จึงอยากให้มองภาพรวม อดทน รอวันข้างหน้า
...
ว่าแล้วเราก็ไปดูพระกันพลางๆ เริ่มกันจากพระสายเหนือ พระเปิม กรุวัดดอนแก้ว อ.เมือง จ.ลำพูน ขุนพลพระเครื่องเมืองลำพูน ที่มีบันทึกว่า พระนางจามเทวี สร้างบรรจุไว้ ตอนเสด็จจากเมืองละโว้ (ลพบุรี) ไปครองเมืองหริภุญไชย (ลำพูน) เมื่อราวปีพุทธศตวรรษที่ ๑๔
ตามตำนานมีว่า พระฤๅษีวาสุเทพ ซึ่งพำนักที่เขาสุเทพ นครเชียงใหม่ กับพระฤๅษีสุทันตะ จากเขาสมอคอน ลพบุรี ได้ร่วมกันสร้างเมืองหริภุญไชย ในปีพุทธศักราช ๑๒๐๖ และได้ไปเชิญกษัตริย์จากเมืองละโว้ให้ขึ้นไปครอง
พระเจ้ากรุงละโว้จึงให้พระนางจามเทวี พระราชธิดา ขึ้นไปครองเมืองหริภุญไชย และอัญเชิญพระพุทธรูป “แก้วขาว” ไปด้วย (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น เชียงใหม่) เมื่อไปถึงพระนางได้สร้างวัดเป็นจตุรพุทธปราการ หรือป้อมปราการทางพุทธศาสนา ๔ มุมเมือง เพื่อคุ้มครองเมืองหริภุญไชย
ทิศเหนือมีวัดพระคง ซึ่งต่อมาค้นพบกรุพระคงจำนวนมากสุด อยู่รวมกับพระพิมพ์สกุลลำพูน ทิศตะวันออก สร้างวัดอรัญญิการาม หรือวัดดอนแก้ว พบพระสาม พระป๋วย พระบาง พระเปิม และอื่นๆ ทิศใต้ สร้างวัดมหาสัตตาราม หรือวัดประตูลี้ ก็พบพระสกุลลำพูน พระเลี่ยง พระลือหน้ามงคล พระสิบแปด และทิศตะวันตกคือ วัดมหาวนา ราม หรือวัดมหา วัน เป็นวัดเดียวที่ค้นพบพระรอด
ส่วน พระเปิม องค์งาม ที่ตอนนี้หาสวยระดับนี้ก็ยากแล้ว เจ้าของคือ เสี่ยป๊อปอาย เชียงใหม่
ตามมาด้วย พระคง กรุวัดพระคงฤๅษี อ.เมือง จ.ลำพูน พี่ใหญ่สกุลพระลำพูน ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะมีประวัติว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชใช้ “พระลำพูน ดำ” ติดพระมาลาตอนออกทำศึก
พบพระคงที่กรุวัดพระคงมากที่สุด เรียกเป็น “พระกรุเก่า” เนื้อพระนิยม มีสีดำ สีขาว สีน้ำตาล อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยสุรพล คำป่าแลว เป็นพระสภาพงามสมบูรณ์ สวยเดิม ที่ปัจจุบันหาได้ยากมากๆ
ยังป้วนเปี้ยนอยู่ทางเหนือ ไปดู พระยอดขุนพล พิมพ์สมาธิเล็ก กรุวัดนาหลวง อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ค้นพบในกรุองค์พระเจดีย์ วัดนาหลวง
มีทั้งเนื้อดิน เนื้อชิน รวมอยู่ในบาตรราว ๑,๐๐๐ องค์ มีขนาดแตกต่างแยกเป็นใหญ่ กลาง เล็ก พุทธศิลป์สมัยเชียงแสน ฝีมือชาวบ้าน เส้นศิลป์จึงหยาบ ไม่สวยนัก แต่ปัจจุบันเป็นพระกรุยอดนิยม อันดับ ๑ ของเมืองน่าน นิยมเรียกเป็น “พระยอดขุนพลนาน้อย”
...
องค์นี้ ของ สจ.บอม เมืองน่าน เป็นองค์ที่งามสมบูรณ์ เป็นแชมป์กรุแบบไร้คู่ท้าชิงมงกุฎมาจนถึงปัจจุบัน
ลงมาภาคกลาง ดู พระผงสุพรรณ หน้าหนุ่ม กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พระพิมพ์เนื้อดินเผา ๑ เดียว ที่พบบรรจุรวมอยู่ในกรุพระ องค์พระปรางค์เจดีย์วัด
มีบันทึกตำนานว่าพบครั้งแรกราวปี พ.ศ.๒๔๕๖ โดยคนจีนชาวไร่ ลักลอบขุดนำพระบูชา พระเครื่อง เครื่องทอง ของมีค่า ออกมา ทางราชการจึงเปิดกรุอย่างเป็นทางการ ในสมัย ร.๖ เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ
พบพระพุทธรูปยุคลพบุรี อู่ทอง สุโขทัย พระเครื่องเนื้อชิน เนื้อดิน จำนวนมาก และยังพบใบลานทอง บอกถึงประวัติผู้สร้างองค์พระปรางค์ และพระที่นำบรรจุ ตลอดถึงวิธีการสร้างการบูชา
...
อย่างพระผงสุพรรณ ในใบลานบอก ผู้สร้างคือ พระมหาเถระปิยทัสสี ศรีสารีบุตร และวิธีสร้างเนื้อพระว่า ทำจากผงเกสร ผงว่านยาตากแห้ง ป่นเป็นผงนำผสมดินกรองสะอาด คลุกประสานด้วยน้ำผึ้งนวดเป็นเนื้อเดียวนำกดพิมพ์เป็นองค์พระ
เป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผา รูปทรงสามเหลี่ยมยอดตัด ด้านหน้าเป็นองค์พระปฏิมานั่ง ปางชนะมาร พุทธศิลป์สมัยอู่ทอง แยกพิมพ์ได้ พิมพ์หน้าแก่ ยุคต้น พิมพ์หน้ากลาง ยุคกลาง พิมพ์หน้าหนุ่ม ยุคปลาย
ด้านหลังองค์พระทุกพิมพ์มีลายนิ้วมือกดลึกเข้าเนื้อชัดเจน (ลายนิ้วมือพระมหาเถระปิยทัสสี) ด้านข้างองค์พระเป็นเส้นริ้วที่เรียกว่า “รอยตัดตอก”
ที่สำคัญมี“รารัก” ขึ้นจับแน่นเข้าผิวเนื้อตามตำรา พิจารณาพระแท้ อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ซึ่งเป็นพระสภาพพองาม ผิวเนื้อมีรอยสัมผัสใช้ แต่ยังสมบูรณ์โชว์ได้ ใช้ดี ที่อินเทรนด์ ซื้อง่าย-ขายคล่อง ในปัจจุบันสำหรับคนชอบพระที่ฐานะพอมีพอกินจึงมองหาพระไม่ต้องแชมป์ ขอให้แท้ และราคาดี สวยมากน้อยไม่สำคัญนัก
...
อีกรายการ เป็น เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๖ เนื้อทองแดง พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ๑ ใน ๕ เหรียญพระเกจิอาจารย์ชุดเบญจภาคี
ทวนกันอีกครั้งว่ามี ๑.เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๙ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา ๒.เหรียญยันต์สี่ รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๗ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังฯ กรุงเทพฯ ๓.เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๕ หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม เพชรบุรี ๔.เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๖ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ๕. เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๔ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม สมุทรสงคราม
องค์นี้ ของ เสี่ยนนท์บางแค เป็นเหรียญสภาพใช้สัมผัส มีริ้วรอย ผิวเนื้อลบเลือนเล็กน้อย แต่ยังสมบูรณ์ สวยเดิม
เป็นเหรียญที่สร้างแจก แบบมีหูห่วงในตัว ซึ่งสมัยนั้นผู้ได้รับมอบจะมีความเคารพศรัทธาในองค์พระเกจิฯที่เคารพอย่างสูง เมื่อได้รับมอบปุ๊บ ก็จะหาสร้อยใส่พระคล้องคอใช้บูชาเลย แบบถึงเนื้อถึงหนัง ไม่ต้องเข้าตลับ
เหรียญที่พบตกทอดมาจึงล้วนเป็นเหรียญสภาพผ่านใช้ทั้งสิ้น อย่างเหรียญนี้ ที่ยังเห็นองค์หลวงพ่อสมบูรณ์ รายละเอียดหน้าตาชัดเจน อักษรอักขระอยู่ครบสมบูรณ์ จึงถือเป็นเหรียญสภาพงามแชมป์ ที่หาองค์สู้ได้ยาก
อีกสำนัก เป็น เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๔ ยันต์หยิก เนื้อทองแดง พระครูไพโรจน์ มันตาคม (หลวงพ่อรุ่ง) วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสงคราม เหรียญพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมแถวหน้าสมุทรสงคราม และเป็นเหรียญยอดนิยมราคาหลักแสนถึงหลักล้าน
เหรียญนี้สภาพสมบูรณ์ สวยแชมป์เดิมๆ เจ้าของคือ กำนันมานะ คงวุฒิปัญญา
ตามมาด้วย พระพิมพ์สมเด็จ หลังรูปเหมือน รุ่นแรก หลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท ของ “คุณหมอสายบุญ” นพ.รณชัย หล่อสุวรรณกุล
องค์นี้เป็นพระสภาพงาม สมบูรณ์เดิมๆ ที่สายตรงตัวจริง ยอมรับว่าเป็นองค์เแชมป์ในรุ่น ที่ยังหาองค์เทียบเคียงไม่เจอ --ใครเก็บองค์ที่คิดว่าสู้ได้ ก็ส่งมาเทียบกัน
สุดท้าย เป็น เหรียญเสาร์ ๕ พ.ศ.๒๕๑๖ เนื้อทองคำ หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต วัดดอนไร่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี อีก ๑ ในพระเกจิฯผู้มีชื่อเสียงแพร่หลายด้านวิชาอาคมของเมืองสุพรรณฯ เพราะเป็นศิษย์เรียนวิชากับหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ท่านสร้างพระเครื่องของขลังไว้หลายแบบ ล้วนได้รับความนิยมสูง เช่น รูปเหมือนปั๊ม เนื้อโลหะรุ่นแรก ผ้ายันต์หงส์ทองคู่ พระพิมพ์ต่างๆ
และเหรียญรูปเหมือน อย่างเหรียญนี้ ของ เสี่ยนิด บางลี่ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะสร้างปลุกเสกในวันเสาร์ ๕ ตรงกับ วันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ เมื่อวันที่ ๗ เม.ย.๒๕๑๖ ที่ถือเป็นวันแรงวันขลังในตำรับวิชาพุทธาคม
เนื้อเหรียญมีทองแดง นวโลหะและทองคำ ที่มีสร้างพิเศษเพียง ๑๖ เหรียญ ซึ่งยากจะหาเจอ เพราะผู้ได้รับล้วนเป็นศิษย์รุ่นใหญ่วงใน ฐานะดีจึงเก็บเป็นมรดกลูกหลาน ยากจะปล่อยหลุดออกมาให้คนวงนอก
สำหรับ เสาร์ห้า หมายถึง วันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ที่โบราณเชื่อว่าหากประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวันเสาร์ห้า จะมีพุทธคุณด้านคงกระพันและแคล้วคลาดมากกว่าวันปกติ เพราะดาวเสาร์เป็นดาวแห่งพลัง
แต่ ๒-๓ ปีจะมีวันเสาร์ ๕ สักวัน ซึ่งโหราจารย์บอกว่า ปี ๒๕๖๖ มีแต่เฉียดๆ เช่น วันเสาร์ ๒๖ มี.ค. ก็เป็นวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ไม่ใช่ขึ้น ๕ ค่ำ
ส่วน วันเสาร์ ๕ ที่ใกล้สุด จะมีปี ๒๕๖๗ ตรงกับ ๑๒ เมษายน ซึ่งเป็นขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕
บอกลาเดือนเจ็ด เตรียมไปทำบุญวันพระใหญ่ อาสาฬหะ-เข้าพรรษา ด้วยเรื่องปิดท้ายบนโต๊ะกาแฟสนามพระใหญ่ ซึ่งมีเซียนพระใหญ่น้อยร่วมวง ๓-๔ คน
คุยเรื่องสัพเพเหระสักพักเซียนรุ่นใหญ่สุดก็ตั้งคำถามว่า ใครรู้มั่งว่าพระอะไรทำเก๊ง่าย และน่ากลัวที่สุด เซียนอาวุโสรองตอบทันควันว่า พระประเภทเหรียญ เพราะสมัยนี้ทำได้ด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์
แต่อีกคนโบกมือ ไม่ยอมรับ บอกพระเนื้อดินสิ ปลอมง่ายและน่ากลัวมาก เพราะใช้อิฐเก่า แกะแม่พิมพ์ฝังกรุ ๓-๔ ปี ก็เกิดคราบเก่า เหมือนเป๊ะ หลอกขายเซียนได้สบาย
เซียนคนสุดท้ายอายุน้อยสุดบอก ผมว่า พระชุดเบญจ ปลอมง่ายเพราะมีมากสุดน่ากลัวสุด เพราะมีทำปลอมมานาน เห็นหลายองค์ขายได้เป็นล้านๆ
กำลังคุยถึงตรงนี้ เจ๊เจ้าของร้าน ที่เพิ่งมือว่าง เดินมาคุยด้วย ออกความเห็นว่า ชั้นว่าพระทุกอย่างที่พูดทำง่าย น่ากลัวพอกัน แต่แพ้พระสงฆ์ เพราะทำเก๊ง่ายสุด แค่โกนหัว โกนคิ้ว ห่มจีวร คนก็ไหว้ ให้เงินทำบุญแร้ว และก็น่ากลัวกว่าพระเครื่องที่พระเก๊หลอกได้แค่คนเล่นพระ แต่พระสงฆ์เก๊หลอกคนได้ทั้งประเทศ จริงมะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง