พระผงสมเด็จ เม็ดแตง เนื้อดำ งานผ้าป่า วัดอินทรประชาราษฎร์ พ.ศ.๒๕๑๖ หลวงพ่อเกษม ของ ปิยธิดา คำป่าแลว.
ตอนนี้บรรยากาศเมืองไทยกำลังคึกคักพรรคเต็มเมือง ออกนอกบ้านก็เจอแต่ป้ายหาเสียง ทุกถนนทุกซอย อยู่ในบ้านก็ได้ยินรถพูดหาเสียงผ่านหน้าบ้านกันทั้งวัน เหลืออีก 1 อาทิตย์ เราก็จะได้รู้กันแล้วว่าใครจะมาบริหารบ้านเมืองของเรา
สำหรับ สีกาอ่าง ที่แฟนคลับถามว่าจะเลือกใครดี ก็ขอตอบว่า ใครก็ได้ ที่เราเชื่อว่าจะมาทำงานให้ชาติ ช่วยประชาชน แต่คนก็บอกว่าเลือกยาก เพราะตอนหาเสียงก็พูดกันว่าจะทำนั่นนี่ ดูดี โลกสวย--อือ ก็จริง งั้นก็ให้ดู ผลงานที่เคยทำ ละกัน ว่าทำจริงไหม และดีจริงไหม ส่วนพวกโกงจริงไหม ก็เห็นๆกันอยู่ คงไม่ต้องบอกท่านผู้ชม
...
วันนี้ เราเริ่มกันที่ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ ๑ ใน ๘ พิมพ์มาตรฐาน ที่นำขึ้นจากพิธีเปิดกรุเป็นทางการ เมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๐ สมัยพระครูอมรคณาจารย์ (เส็ง) เป็นเจ้าอาวาส
พบ พิมพ์สังฆาฏิ มากสุด มี ๒ พิมพ์หลัก คือ พิมพ์มีหู กะ พิมพ์ไม่มีหู ซึ่งนักนิยมพระยังแยกรายละเอียดที่แตกต่างเป็นพิมพ์ย่อยออกไปอีก
มี ๑.แขนกลม-เข่าบาง ๒.แขนกลม-ฐานขาสิงห์ ๓.ทรงชะลูด-เข่าใหญ่ ๔. แขนกลมเข่าหนา อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยแม็ก ช้าง เผือก ซึ่งเป็น พิมพ์ชะลูด สภาพสมบูรณ์พองาม ผิวเนื้อมีริ้วรอยสัมผัสใช้ มีคราบไขกรุเหลือให้พิจารณา เปิดเห็นเนื้อในที่อุดมด้วยมวลสารครบสูตร ดูเข้มขลัง
ด้านหลังองค์พระ ริมขอบมีรอยปริเป็นธรรมชาติผิวเนื้อเปิดเห็นมวลสารอัดแน่น เข้มข้นแบบ “เนื้อจัด” เป็น ๑ ในจุดพิจารณา “พระแท้” ที่สำคัญซึ่งดูง่ายเวรี่มาก
องค์ที่สอง เป็น พระสมเด็จอรหัง พิมพ์สังฆาฏิ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ต้นตำรับพระพิมพ์สมเด็จ ที่ สมเด็จพระสังฆราชสุก สร้างบรรจุ สืบอายุพระพุทธศาสนาตามธรรมเนียม ในวาระรับสถาปนาเป็น “สมเด็จพระสังฆราช” ประธานสงฆ์องค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ก่อนนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าหอย จ.พระนครศรีอยุธยา มีวิชาอาคมแก่กล้า ทรงคุณด้านเมตตามหานิยม เลี้ยงไก่ป่าให้เชื่องเป็นไก่วัดได้ เป็นที่ประจักษ์สร้างศรัทธาแก่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงนิมนต์ท่านมาครองตำแหน่งเจ้าอาวาส “วัดพลับ” สร้างเสนาสนะถวาย รวมเป็น วัดราชสิทธาราม พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ที่ พระสมเด็จญาณสังวร ซึ่งชาวบ้านเรียกท่านว่า “สมเด็จฯสุก ไก่เถื่อน”
ท่านเป็นพระอาจารย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.๒ ซึ่งทรงโปรดเกล้าสถาปนาท่านเป็น “สมเด็จพระสังฆราช” เมื่อปี พ.ศ.๒๓๖๓ และยังเป็นพระอนุสาวนาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ด้วย
ในวาระรับสถาปนา ท่านได้สร้าง พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ รูปทรงสี่เหลี่ยมแบบชิ้นฟัก ด้านหน้าเป็นองค์พระปฏิมานั่งปางสมาธิเหนือฐานสามชั้นในซุ้มครอบแก้ว ด้านหลังปาดเรียบ มีรอยจารลายมืออักษรบาลีคำว่า “อรหัง” และนำบรรจุตามคราวเสด็จรับสถาปนา ณ วัดมหาธาตุ
มีพิมพ์พระมาตรฐาน ๕ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์สังฆาฏิ (เข่าตรง) ๒.พิมพ์ฐานคู่ (เข่าโค้ง) ๓.พิมพ์เกศอุ (เปลวเพลิง) ๔.พิมพ์หลังโต๊ะกัง (เนื้อแดงหลังเป็นรอยปั๊ม พบที่วัดสร้อยทอง) ๕.พิมพ์เล็ก
องค์นี้ ของ เสี่ยพรรคคูวิบูลย์ศิลป์ เป็นพระพิมพ์สังฆาฏิ สภาพงามสมบูรณ์สวยแชมป์เดิมๆ รูปทรงโดดเด่น พิมพ์พระคมชัด มวลสารที่เข้มข้นครบสูตร เด่นสุดที่ รอยลายมือจาร ที่ถูกต้องชัดเจน ที่เรียกว่า “จารเปียก” ที่ได้รับความนิยมมาตรฐาน
...
ตามมาด้วย พระคง เนื้อขาว กรุวัดพระคง อ.เมือง จ.ลำพูน “ขุนพล” พระพิมพ์เมืองลำพูน เป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผา พุทธศิลป์สมัยหริภุญไชย ค้นพบครั้งแรกในกรุพระวัดฤาษี ตอนเกิดสงครามอินโดจีน ราวปี พ.ศ.๒๔๘๔ ทางการประกาศให้วัดทั่วประเทศค้นหาสร้างพระเครื่อง ของขลัง มอบข้าราชการทหาร ประชาชน บำรุงขวัญ
มีผู้นำ “พระคง” ไปใช้บูชา มีประสบการณ์คุ้มครองป้องกันภัย คงกระพันชาตรี เป็นที่เลื่องลือจึงได้รับความนิยมอย่างสูง มาพร้อม พระรอด พระบาง พระเลี่ยง พระลือ
ลักษณะเป็น พระพิมพ์ รูปทรงเล็บมือ ด้านหน้าเป็นองค์พระประทับนั่งปางมารวิชัย อยู่เหนือฐานบัวตุ่ม ๒ ชั้น ผนังรอบเป็นซุ้มปรกโพธิ์ ด้านหลังมีเนื้ออูม เนื้อพระมี ๕ สี คือ แดง ส้ม น้ำตาล ดำ และขาว แบบองค์นี้ ของ เสี่ยพีท เมืองกาญจน์ ซึ่งมีพบจำนวนน้อย หายาก โดยเฉพาะองค์สภาพงามสมบูรณ์เดิมๆ แบบนี้ นิยมเล่นเป็นสีพิเศษ เรียก “พระคงขาว” ที่มีราคาค่าเทียบได้กับ “พระคงดำ”
...
ต่อด้วย พระผงดำ พิมพ์เม็ดแตง ชุดงานทอดผ้าป่า พ.ศ.๒๕๑๖ วัดอินทรประชาราษฎร์ หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ซึ่งท่านอนุญาตให้สร้างเป็นที่ระลึก ในงานทอดผ้าป่า
ลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อผง ผสมมวลสาร วิเศษสุดๆ ด้วยเส้นเกศา ผ้าจีวร ก้านธูปภาวนา และ ไม้มงคล ตามตำรับวิชา เช่น ฝักส้มป่อย ดอกเข็ม ๗ สี ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี ดอกเฟื่องฟ้า และผงมงคลอีกมาก
ผสมรวมกดพิมพ์เป็นองค์พระขนาดเล็ก รูปทรงอย่าง “เม็ดแตง” นำเข้าประกอบพิธีปลุกเสก เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๗ มี ๒ สี คือ ขาวกับดำ แบบองค์นี้ ของ “ไข่มุก” ปิยธิดา คำป่าแลว ที่มีสร้างน้อย หายากสุดๆ จึงบอกกันว่าเป็นพระดี พรีเมียม ของผู้มีวาสนาสูง
...
อีกรายการก็สำนักเดียวกัน เหรียญนางกวักรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๒๑ หมายเลข ๒๖ หลวงพ่อเกษม สร้างออกเป็นที่ระลึกในงานบุญครบรอบวันเกิดท่าน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑
เป็น ๑ ในเหรียญรุ่นที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความงดงามของบล็อกแม่พิมพ์ ที่มีเส้นศิลป์ละเอียดพลิ้วไหวงดงาม ด้วยฝีมือช่างชั้นเยี่ยม
ลักษณะเป็น เหรียญปั๊มทรงกลม รอบขอบเป็น ลายกนกหูในตัว ด้านหน้าเป็นองค์นางกวัก นั่งหันข้างกวักมือขวา มือซ้ายกำถุงเงินอยู่เหนือโต๊ะลายไทย
องค์นี้เป็นเนื้อเหรียญสร้างพิเศษ มีจำนวนเพียง ๙๙ เหรียญ ทุกเหรียญตอกโค้ด (ด้านหน้า) ด้านหลังตอกหมายเลขกำกับ อย่างเหรียญนี้ ของ คุณพี่กรองมณีหาญ พืชผลลำปาง เป็นเหรียญหมายเลข ๒๖ ที่เห็นเป็นตัวเลขไทยตอกอยู่กลางด้านหลัง
อีกสำนัก เป็น พระสีวลี พิมพ์จัมโบ้ เนื้อดินเผา รุ่นแรก หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท ๑ ในพระพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยอานุภาพด้านเมตตามหาลาภ
จึงมีผู้แสวงหามากแต่สมหวังยาก เพราะมีสร้างไว้น้อย ราคา องค์งามๆ สภาพสมบูรณ์สวยแชมป์ ผิวเนื้อเดิมๆแบบองค์นี้ ของ เสี่ยต้อม สำนักจันทร์ แจ้งว่าอยู่ที่ ๘-๙ แสนเชียวนะ
อีกรายการ เป็น พระพิฆเณศวร์อินเดีย สมัยโจฬะ หน้าตัก ๑ นิ้ว รูปหล่อองค์พระพิฆเณศวร์ องค์เทพผู้เป็นครูทางศิลปะ เป็นเทพแห่งความสำเร็จ องค์นี้ ของ เสี่ยฐิติพัฒน์ วัฒนสุข
ประวัติมีว่า ค้นพบในกรุพระเก่าเมืองพระนครศรีอยุธยา พิจารณารูปทรงองค์ศิลปะเป็น สมัยโจฬะ ของอินเดีย เนื้อเป็นสัมฤทธิ์ปิดทองทั้งองค์มาก่อนลงกรุ เป็นรูปจำลององค์เทพ ที่ล้ำค่าด้วยศิลป์สมัยสูงค่าด้วยราคา ที่หายากแน่นอน
รู้ไว้นิดว่า ราชวงศ์โจฬะ หรือ ทมิฬ เคยปกครองทางตอนใต้ของอินเดีย จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓ มีกษัตริย์สำคัญๆหลายองค์ เช่น พระเจ้าการิกาลาโจฬะ ยุคโจฬะตอนต้น ซึ่งรุ่งเรืองตลอดมา ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๙ เป็นมหาอำนาจทางการทหาร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของเอเชีย
มีดินแดนครอบคลุมตั้งแต่เกาะมัลดีฟส์ทางตอนใต้ ขึ้นไปทางเหนือ พิชิตคาบสมุทรอินเดียใต้ได้ดินแดนที่ปัจจุบันคือศรีลังกา และมัลดีฟส์ และทางเหนือของอินเดียก็ได้ไปถึงแม่น้ำคงคา และพิชิตเมืองหลวงของปาละ รุกรานราชอาณาจักรของกลุ่มเกาะมลายู และขยายดินแดนไปถึงพม่า เวียดนามและภาคใต้ของไทย--มีรุ่ง ก็มีร่วง เพราะต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓ ราชวงศ์โจฬะเริ่มเสื่อมโทรม
แต่สมัยรุ่งเรืองอำนาจ กษัตริย์ของราชวงศ์โจฬะทรงนิยมสร้างวัด สถานที่สำหรับการสักการะ--วัตถุมงคลที่สร้างในยุคนี้จึงแสดงถึงความยิ่งใหญ่มีอำนาจ ส่วนสถาปัตยกรรมแบบโจฬะในไทยอีกแห่ง ก็คือวัดแขก สีลม ซึ่งชาวทมิฬเข้ามาสร้างไว้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๒
สุดท้าย เป็น เหรียญรุ่นแรก เนื้อทองแดง ผิวไฟ พ.ศ.๒๕๔๑ พระครูประสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ) วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พระเกจิฯ ผู้เข้มขลังขมังเวทแห่งถิ่นที่ราบสูง ด้วยพลังจิตที่สูงส่ง
ท่านสร้างชื่อมาแต่ครั้งธุดงค์ แสวงหาเรียนวิชาอาคมอยู่ในกัมพูชา จนได้รับความเคารพศรัทธาเป็นพระอาจารย์ในกองทัพเขมร พอกลับมาจำพรรษาในวัดบ้านเกิด ก็ใช้วิชาพุทธาคมเมตตาช่วยเหลือสาธุชน
ท่านสร้างพระเครื่อง วัตถุมงคล มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์หลายรุ่น ล้วนมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ศรัทธาแสวงหากันมาก
อย่างเหรียญนี้ ของ เสี่ยเล็ก อุทัย เป็น เหรียญรุ่นแรก สร้างออกเป็นที่ระลึกตอนงานบุญวันเกิด ครบ ๘๐ ปี เป็น เหรียญปั๊มทรงเสมา ด้านหน้าเป็นองค์จำลองท่านนั่งเต็มองค์ รอบขอบบอกนามฐานา ด้าน หลังกลางเหรียญ เป็นยันต์ครู มีอักษร “รุ่นแรก”--เป็นเหรียญรุ่นนิยมเนื้อนิยม ที่เวลานี้มีราคาหลักหมื่น ซึ่งหายากมากแล้ว
มาถึงเรื่อง ปิดท้าย ที่เกิดขึ้นเมื่อวันสงกรานต์ ที่บ้านอดีตนายอำเภอ มีการจัดงานทำบุญ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ซึ่งจัดเป็นพิเศษ ในปีที่อดีตนายอำเภอ อายุครบ ๖ รอบ ๗๒ ปี มีลูกหลาน ญาติมิตร มารวมตัวกันพร้อมหน้า
หลังพิธีพระ พิธีรดน้ำเสร็จ เจ้าภาพก็ยืนยิ้มอิ่มเอิบ ประกาศให้ลูกหลานมารวมตัวกันบอกจะมีพระที่สะสมไว้มาแจกให้ทุกคน ลูกหลานก็ปรบมือดีใจ เดินมารวมตัวกัน
เจ้าภาพก็เอาพระมาแจกคนละองค์สององค์ แบบไม่เลือก ถึงคิว นายเด่น หลานคนโตสุด ก้มกราบอย่างนอบน้อม บอกว่า ผมขอสัก ๕-๖ องค์ นะครับ “อดีตนายเพอ” จึงถามว่า จะเอาไปฝากใครหรือ นายเด่น ยิ้ม บอกว่า ไม่ได้เอาไปฝากใครหรอกครับ แต่จะเอาไปขาย--นับว่าหัวไว ได้กำไร ๑๐๐% เพราะของฟรีไม่มีทุน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง