พระกริ่งที่สมเด็จพระสังฆราช แพ วัดสุทัศน์ รุ่นแรก เรียกตามสมณศักดิ์ รุ่นเทพโมลี ตั้งแต่ปี 2441 เรื่อยมา จนถึงปี 2479 ผู้รู้บอกว่า โลหะที่จะใช้หล่อ สมเด็จฯทรงเป็นผู้ใช้ส่วนประสมด้วยพระองค์เอง เพื่อจะนำเนื้อนวโลหะ เป็นเนื้อกลับดำสนิท เรียกกันว่า สัมฤทธิ์ดำ

ตัวอย่างการหล่อพระกริ่งรุ่นปี 2479 จำนวน 464 องค์ ทรงหล่อตามจำนวนที่ศิษย์สั่งจอง โดยมีเงื่อนไข ศิษย์ต้องหาเงินพดด้วงตรายันต์ หรือตราราชวัตร 1 บาท พร้อมด้วยเงินค่าช่างแต่งองค์ละ 1 บาท

ส่วนค่าใช้จ่าย ซึ่งมากมายนอกเหนือจากนั้น สมเด็จฯท่านออกเอง

เงินกลมเป็นส่วนผสมเพิ่มจาก “นวโลหะ” มีส่วนสำคัญ ทำให้ได้เนื้อพระกริ่ง “กลับดำ” ตามเจตนา

แต่เมื่อถึงปี พ.ศ.2483 ปีที่ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช วันที่ 14 พ.ย.2483 วันที่พระองค์พระชนมายุครบ 83 (รุ่นฉลองพระชนมายุ) บุญเหลือ ออประเสริฐ อธิบายไว้ในหนังสือมรดกล้ำค่าฯ ว่า” เนื้อโลหะผสม ภายในสีเหลืองแกมแดงแล้วกลับเป็นสีน้ำตาล

สร้างประมาณ 330 องค์ หล่อแบบกริ่งในตัว

เหตุที่พระกริ่งรุ่นนี้ หล่อเป็นสีเหลืองแกมแดง...ไม่เป็นไปตามขนบการสร้างแบบเดิม คือกลับดำ มีเรื่องเล่าว่า เกิดจากเนื่องจากปีนี้ คณะศิษย์ขอร่วมสร้างครอบพระกริ่ง (หม้อน้ำมนต์) ถึง 8 ใบ ส่วนผสมที่จะกลับดำจึงเจือจาง

ที่จริงก็มีศิษย์ทัก แต่สมเด็จฯท่านตรัสว่า “ไม่เป็นไร ของฉันขลังก็แล้วกัน”

พวกศิษย์ได้ยินซุบซิบ ปีนั้น สมเด็จฯท่านบรรลุถึงขีดไม่ติดค่านิยม เรื่องเนื้อพระกริ่งจะเป็นสีดำหรือสีใดแล้ว

การหล่อพระกริ่งรุ่นฉลองพระชนม์นี้...มีเหตุปัจจัยแตกต่างไปจากการหล่อพระกริ่งรุ่นเดิม หลายเรื่อง

...

นับแต่เริ่มหล่อพระกริ่งรุ่นถวายสำรับ (รุ่นพรหมมุนี) เมื่อปี 2459 สมเด็จฯท่านขอยืมพระกริ่งใหญ่ องค์ของพระยาศุภกรบรรณสาร (ต้นสกุล วสุธาร) เป็นองค์ต้นแบบปั้นหุ่น จนราวๆ ปี พ.ศ.2477 พระยาศุภกรป่วย ถวายพระกริ่งใหญ่องค์เดิมให้สมเด็จฯไม่ได้

ปี พ.ศ.2478 ช่างอินทร์ บ้านคอกหมู ขอนำพระกริ่งแบบปวเรศฯ ซึ่งทรงใช้ตั้งแต่
รุ่นเทพโมลี...มาเป็นต้นแบบอีกครั้ง แต่การหล่อปีนี้หล่อได้ไม่ดี ติดพิมพ์ตื้นมาก ช่างต้องแต่งจนแบบผิดเพี้ยน ไม่ถูกพระทัย

ถึงปี พ.ศ.2483 นายหรัส พัฒนนางกูร ช่างหล่อคนใหม่ ปั้นแม่พิมพ์ใหม่ได้แบบแตกต่างไปจากพระกริ่งรุ่นเดิม โดยเฉพาะวชิระกลมเกลี้ยงปลายแหลม จนถูกเรียกวชิระตอร์ปิโด

ฝีมือหล่อช่างหรัส ได้พระกริ่งออกมาคมชัดทุกเส้นสาย จนทรงใช้เป็นต้นแบบหล่อพระกริ่งรุ่นต่อไปอีกสองปี คือรุ่น พ.ศ.2484 และรุ่น พ.ศ.2485 ข้อพิจารณา รุ่นปี 84 กระแสโลหะออกเหลืองอมขาว รุ่นปี 85 กระแสออกแดงจัด

มาพูดถึงพระกริ่งรุ่น 83 จำนวนสร้าง 330 องค์ มีความแตกต่าง องค์ที่หล่อสมบูรณ์ ช่างก็แค่เกลาเนื้อส่วนเกินออกไปบ้าง องค์ที่หล่อขาดช่างก็แต่งหนักมือ หลายองค์แต่งตอกเส้นบัวใหม่ และส่วนอื่นทั้งด้านหน้าด้านหลัง

จำนวนน้อยองค์มาก ที่ช่างเลือกไปแต่งแบบสวยพิเศษ ตัวอย่างองค์ในคอลัมน์วันนี้

นี่คือหนึ่งในไม่กี่องค์ที่ช่างแต่งแบบบรรจง ทั้งเม็ดพระศก พระพักตร์ บัวที่ฐาน และลูกประคำ ช่างที่แต่งสวยพิเศษได้สวยขั้นนี้ ผู้รู้แยกออกได้ องค์ไหน ฝีมืออาจารย์หนู (นิรันดร์ แดงวิจิตร) องค์ไหนฝีมือช่างประสาร ศรีไทย ฯลฯ

การแยกฝีมือช่างแต่ง เป็นข้อพิจารณาที่ยาก แม้กระทั่งผู้เห็นพระกริ่ง 83 แท้มากองค์

และสิ่งที่ต้องระวังก็คือ พระปลอมก็แต่งได้ใกล้เคียง ข้อแนะนำมีประการเดียว ถ้าต้องซื้อในราคาแพง ซื้อเซียนมาตรฐานวงการไว้ มั่นใจได้มากกว่าเสี่ยงซื้อด้วยตาตัวเอง

พลายชุมพล