กระบวนการศึกษา เนื้อหาและพิมพ์ทรงพระสมเด็จวัดระฆัง ที่จะนำไปสู่ความรู้ จริงนั้น ควรเริ่มที่การมี “ต้นแบบ” พระแท้สักองค์
อย่างองค์ในคอลัมน์วันนี้ เป็นพิมพ์เกศบัวตูม ที่วงการพระเครื่องรู้จักกันว่าแบบฐานสิงห์กว้าง
สภาพพระเส้นสายลายพิมพ์ เริ่มแต่ พระกรรณสองข้าง ร่องอกหรือเส้นสังฆาฏิ ปลายพระบาทซ้ายเป็นติ่งยื่นออกมาเล็กน้อย รวมถึงเส้นแซมใต้ฐานชั้นที่ 1 เส้นซุ้ม เส้นกระจกสี่ด้าน รวมความทุกเส้นสายค่อนคมชัด
เส้นคมๆ เหล่านี้ โดยทั่วไปมีติดบ้าง ไม่ติดบ้าง บางองค์ไม่ติดเลย องค์ที่ติดชัดไปเกือบทุกเส้นสาย ถือเป็นองค์ครู ได้องค์หนึ่ง
ผิวพระยังอยู่ในสภาพดิบๆ เดิมๆ แทบไม่ถูกจับต้อง ภาษาครูตรียัมปวาย เรียก “ความแห้งบริสุทธิ์” ส่วนเนื้อนูนบนองค์พระ ฐาน และเส้นซุ้ม มีรอยยุบรอยแยก ตามธรรมชาติเนื้อสมเด็จวัดระฆังทั่วไป
ในพื้นผนัง ทั้งในและนอกซุ้ม รวมถึงซอกลึกกรอบกระจก ปรากฏฝ้ารักสีแดงแกมน้ำตาล สลับไปกับผิวแป้งโรยพิมพ์สีขาวขุ่น ยืนยันความเก่าแท้ถึงยุค
ด้านหลัง ร่องกาบหมาก มีทั้งลึกและแผ่ว สลับหลุมร่อง รอยยุบรอยแยก เติมด้วยฝ้ารักบางๆที่เห็นเป็นสีคล้ำค่อนดำ หลังแบบนี้ คนเป็นพระด้วยกัน ให้คะแนน เป็นหลังวัดระฆังเต็มร้อย
สรุป สมเด็จวัดระฆังพิมพ์เกศบัวตูม แบบฐานสิงห์กว้าง องค์นี้ เป็นพระที่ทั้งงาม และดูง่าย
ย้อนมาคุยกันในหัวข้อ แม่พิมพ์...หลัก “ตรียัมปวาย” เขียนไว้ ตั้งแต่ก่อนปี 2500 และปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ นับแต่การพิมพ์ครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 6 ในปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่ม 1 พระสมเด็จฯ ว่า
เกศบัวตูมมีห้าแม่พิมพ์ พิมพ์เขื่อง พิมพ์โปร่ง พิมสันทัด พิมพ์ย่อม และพิมพ์เกศบัวเรียว
ครูย้ำเอกลักษณ์ พิมพ์เกศบัวตูมว่า ตรงฐานชั้นที่ 1 และฐานสิงห์ชั้นที่ 2 ยาวเท่ากัน
...
ประเด็นที่ครูย้ำ แสดงว่า สมัยครู ครูยังไม่ยอมรับ เกศบัวตูมพิมพ์ฐานสิงห์กว้าง...ที่วงการวันนี้เล่นหาสองพิมพ์ กันคู่กับพิมพ์ฐานสิงห์แคบ
วงการพระท่าพระจันทร์ สมมติให้เริ่มเมื่อ คุณประจำ อู่อรุณ พิมพ์หนังสือภาพพระสีที่เปลี่ยนมือซื้อขาย และมีประกวดออกเผยแพร่ เมื่อปี 2522 มีพิมพ์เกศบัวตูมอยู่สององค์
องค์แรกพิมพ์ฐานสิงห์แคบ องค์ที่สอง ฐานสิงห์กว้าง แต่องค์นี้ ต่อมา เซียนสำนักท่าพระจันทร์ ยกมาไว้ในพิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ที่ 3 และดูเหมือนวันนี้ พิมพ์นี้ก็ยังเป็นทรงเจดีย์มาตรฐานไปแล้ว
ย้อนมาคุยกันถึงห้าแม่พิมพ์เกศบัวตูม ของตรียัมปวาย ผมมีข้อสังเกต ในหัวข้อหลักการพิมพ์เกศบัวตูม ครูทั้งอธิบายและใส่ภาพแต่ละพิมพ์ลงไป แต่องค์ที่ครูเขียนว่าเป็นพิมพ์โปร่ง... ซึ่งมีทรวดทรงโปร่งชะลูดนั้น
พอถึงหน้าที่ครูแยกเทียบเคียง ขยายภาพให้ใหญ่ ครูกลับอธิบาย เป็นพิมพ์สันทัด
ราวสี่สิบปีที่แล้วเคยดู เกศบัวตูมพิมพ์โปร่ง วัดระฆังเนื้อซึ้งตามาก ในคอผู้กำกับตำรวจสมุทรสงคราม จำได้ว่าชื่อไชยา เป็นเพื่อนเรียนร่วมรุ่นกับคุณสมิต มานัสฤดี หัวหน้ากองไทยรัฐ
ติดตาฝังใจ เพราะแทบจะไม่เคยพบ เกศบัวตูมพิมพ์โปร่ง เผยโฉมในวงการอีก
เหตุที่ไม่ปรากฏ ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ เป็นพิมพ์ที่เซียนไม่รู้จัก ไม่ซื้อ เช่นเดียวกับ พิมพ์เกศบัวเรียว ซึ่งวันนี้ยังมีหลงตาเข้ามาให้เห็น
กระทั่งพิมพ์ฐานสิงห์กว้าง ตอนแรกๆด้วยเหตุที่เป็นแม่พิมพ์ไม่คุ้นตาขายแบบกลัวๆกล้าๆ ถึงวันนี้เป็นพิมพ์มาตรฐาน ส่วนพิมพ์ที่เซียนไม่ซื้อจึงยังมีหลุดหล่นให้ คนเป็นพระพอหยิบได้ในราคาไม่หนักมือ.
พลายชุมพล