- หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตอนนี้ สนามพระใน กทม.ก็มีเรื่องคุยกันต่อ ซึ่งสรุปว่าส่วนใหญ่ถูกใจ ชอบผู้ว่าฯคนใหม่ เพราะเห็นความจริงใจ และตั้งใจทำงาน--ก็รอดูต่อไปว่าทีมผู้ว่าฯชัชชาติ จะบริหาร กทม.กันอย่างไรให้ดีขึ้น ซึ่งนักนิยมพระก็ฝากมา ท่านอย่าลืมส่งเสริมสนับสนุนตลาดพระด้วยละกัน..ขอเริ่มกันที่คำสอน หลวงปู่ชา สุภทฺโท ที่ท่านว่า “ความเป็นจริง ไม่มีอะไร ดินก็ดี น้ำก็ดี ลมก็ดี ไฟก็ดี ที่ประกอบกันเรียกว่ามนุษย์นี้ เป็นไปด้วย...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...คือ เป็นของไม่แน่นอน เป็นของไม่ยั่งยืน เป็นของหมุนเวียน เปลี่ยนแปลงไปอยู่อย่างนี้”
- เข้าเวทีพระกันต่อ องค์แรกวันนี้ คือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ วัดใหม่อมตรส บางขุนพรหม กทม. เป็นพระแท้ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ พองาม กำลังใช้ กำลังโชว์ ผิวเนื้อมีริ้วรอยลอกคราบกรุทั่วองค์ เปิดเห็นพิมพ์พระเต็มองค์แบบนี้ ปัจจุบันเป็นพระที่ซื้อง่ายขายคล่อง ความต้องการสูง..เพราะพระสวยพระแชมป์ นับวันจะหายเงียบไปจำวัดอยู่กับเจ้าของตัวจริง ที่เงินเย็น ใครอยากได้จริงก็ต้องยอมจ่ายเยอะ ซึ่งก็ไม่ง่าย เพราะสู้หนักไปก็ไม่ไหว จึงต้องหันมาหาพระสภาพ รองๆแบบองค์นี้ ของ เสี่ย ป.สินกาญจน์ ซึ่งยังพอมีพระออกมาให้ได้ซื้อ-ขาย ในราคาที่พอจ่ายไหว แต่ก็เริ่มจะหายากขึ้นทุกวันแล้ว บอกตรง
...
- อีกองค์เป็น พระกำแพง ซุ้มกอ พิมพ์กลาง กรุลานทุ่งเศรษฐี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พระพิมพ์รอง น้องพิมพ์ใหญ่ ในสกุลพระกำแพงซุ้มกอ ซึ่งค้นพบจากเกือบทุกกรุพระ ในอาณาเขตลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร อาทิ วัดบรมธาตุ วัดพิกุล วัดฤๅษี ฯลฯ ซึ่งล้วนอยู่ในพื้นที่มีน้ำล้อมรอบ จนกัดเซาะทำกรุพระแตก...ชาวบ้านพบจึงนำออกแพร่หลายมากมายหลายแบบพิมพ์ อาทิ พระซุ้มกอ เม็ดขนุน พลูจีบ กลีบจำปา พิมพ์กลีบบัว พิมพ์เปิดโลก พิมพ์นางกำแพง พิมพ์เม็ดมะลื่น และอื่นๆ ล้วนได้รับความนิยมเรียกโดยรวมว่า พระกำแพงทุ่งเศรษฐี--ที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมสุดคือ พิมพ์ลีลาเม็ดขนุน กับพระพิมพ์ซุ้มกอ ที่ได้รับยกย่องเป็นเจ้าพ่อพระเครื่องแห่งลานทุ่งเศรษฐี...เป็นพระพิมพ์พุทธศิลป์สมัยสุโขทัย มีพิมพ์พระ ๑.พิมพ์ใหญ่ ลายกนก ๒.พิมพ์ใหญ่ ไม่มีลายกนก (ซุ้มกอดำ) ๓.พิมพ์กลาง ๔.พิมพ์เล็ก (ขนมเปี๊ยะ) ๕.พิมพ์จิ๋ว--เนื้อพระส่วนใหญ่เป็นดินผสมมวลสารว่านยาเผา กับบางพิมพ์มีเป็นเนื้อชินเงิน...ทุกพิมพ์ได้รับความนิยมสูง ราคาหลักแสน หลักล้าน และก็หายากทุกพิมพ์ เพราะเชื่อถือศรัทธาในอานุภาพที่มีคำบอกในใบลานทองที่พบพร้อมพระว่า “มีกูไม่จน”..องค์นี้ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน เป็นพระพิมพ์กลางสภาพสมบูรณ์เดิมๆ มีริ้วรอยสัมผัสใช้เข้าเนื้อใน เห็นก้อนมวลสารว่านดอกมะขาม (จุดแดง) ทั่วองค์ พิมพ์พระลบเลือน แต่ยังเห็นได้เต็มพิมพ์ด้วยตาเปล่า แบบนี้ประมาณราคา ที่หลักแสนปลายขึ้นหลักล้าน ซึ่งเป็นราคาที่คนพร้อมจ่ายมีเยอะ เพราะเป็นพระแท้ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ เดิมๆ ที่สำคัญคือหายาก
- องค์ที่สามเป็น พระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ วัดนางพญา พิษณุโลก อีกหนึ่งพระพิมพ์รอง ในสกุลพระนางพญา ชุดเบญจภาคี ที่ถูกจัดเป็นพิมพ์เอกในหมวดพระพิมพ์เล็ก ที่มี ๑.พิมพ์สังฆาฏิ ๒.พิมพ์อกนูนเก ๓.พิมพ์อกแฟบ (เทวดา)...องค์นี้ของ เสี่ยโต้ง บางแค เป็นพระสภาพสมบูรณ์ พองาม ผิวเนื้อมีรอยสัมผัสใช้บางๆ ฟอร์มทรงมาตรฐาน พิมพ์พระยังลึกชัด จัดเป็นพระดีมีคุณ ภาพ ใช้ดีโชว์ได้อีกองค์
- นางอีกองค์เป็นสำนักกรุโรงทอ วัดโพธิ์ พิษณุโลก เป็น พระนางพญา (มีหู) เนื้อดินเผา ที่ค้นพบใน อาณาเขตเมืองพิษณุโลก ซึ่งเรียกเป็นพระนางพญา เพราะมีรูปทรงสามเหลี่ยม พิมพ์พระปางมารวิชัย พุทธศิลป์สมัยอยุธยา...เนื้อพระเป็นดินผสมมวลสารว่านยาเผาเหมือนพระ นางพญา กรุวัดนางพญา และสภาพคราบผิวบอกอายุการสร้างเป็นยุคเดียวกัน และพบบรรจุในกรุพระในอาณาเขตเมืองพิษณุโลกเหมือนกัน จึงเชื่อกันว่าเป็นพระที่สร้างในยุคสมัยเดียวกัน โดย พระวิสุทธิ กษัตรีย์ พระมเหสีสมเด็จพระธรรมราชาลิไท พระมหากษัตริย์ผู้ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา แห่งกรุงสุโขทัย...พิมพ์พระแยกได้เป็น ๒ แบบ คือ ๑.พิมพ์เล็ก (ไม่มีหู) ๒.พิมพ์ใหญ่ (มีหู) เหมือนองค์นี้ ของ เสี่ยป๊อปอาย เชียงใหม่ ซึ่งฟอร์มทรงและพิมพ์พระเด่นพองาม มีริ้วรอยสัมผัสใช้ เข้าผิวเนื้อให้เห็นที่ด้านหน้าองค์พระ แต่ยังคงสภาพความสมบูรณ์ คมชัด ไว้ในระดับอวดได้ ปัจจุบันนิยมใช้แทนพระนางพญา วัดนางพญา อย่างสูง เพราะราคายังหลักหมื่นปลายๆ ถึงหลักแสนต้นๆ จ่ายสบาย แต่ได้พระนางพญาก็แล้วกัน
...
- อีกรายการเป็น รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตา ๕ ชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อ.โพทะเล พิจิตร ซึ่งครองอันดับรูปเหมือนจำลองพระเกจิฯยอดนิยม อันดับ ๑ ตลอดกาล....พระสร้างด้วยวิธีเทหล่อโบราณแบบพิมพ์ประกบ ด้วยเนื้อโลหะผสม ณ ลานพิธีวัดบางคลาน พร้อมเหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก โดยให้ประชาชนนำโลหะเข้าร่วมหลอมผสมเป็นเนื้อพระ มีทั้งทองคำ เงิน ทองเหลือง ทองแดง (เนื้อพระจึงปรากฏเกล็ดเนื้อทองคำ) โดย หลวงพ่อเงิน เป็นประธาน นำเข้าพิธีปลุกเสกในพระอุโบสถ วัดบางคลาน ราวปี พ.ศ.๒๔๖๐...แยกพิมพ์ได้ ๓ แบบ ตามความแตกต่างของเส้นชั้นจีวร คือ ๓ ชาย ๔ ชาย ๕ ชาย แบบองค์นี้ ของ เสี่ยวิสูตร เจริญยนต์ ซึ่งเป็นพระสวย สภาพแชมป์ ฟอร์มองค์ตรงสเปก คราบขี้เบ้าครอบคลุมเต็มองค์เดิมๆแบบนี้ สบายใจหายห่วง
...
- อีกรายการก็มาจากสำนักเดียวกัน เหรียญหล่อโบราณ พิมพ์จอบใหญ่ นิยม A หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร เหรียญหล่อเนื้อโลหะผสม สร้างพร้อมรูปเหมือนพิมพ์นิยม ที่สั่งหล่อสำเร็จไปจากโรงงานในกรุงเทพฯ ด้วยวิธีเทหล่อเข้าช่อแบบโบราณ (ใต้ฐานมีรอยตัดช่อแต่ง ตะไบ) นำเข้าพิธีปลุกเสกที่วัดบางคลาน โดย หลวงพ่อเงิน เป็น ประธาน...วง การจัดเป็นเหรียญหล่อพระเกจิฯ ยอดนิยมอันดับ ๑ ปัจจุบันองค์งามๆ สภาพแชมป์อย่างองค์นี้ของ เสี่ยเด่น อยุธยา ที่เป็นเหรียญมีกะไหล่ทอง สภาพงามสมบูรณ์ น่าเสียดายตรงห่วงหูถูกตัดหาย เสียราคาไปพอสมควร แต่ก็ยังคงอยู่ที่หลักล้านแน่นอน ขอบอก
...
- อีกองค์คือ พระพิมพ์สมเด็จไพ่ตอง เนื้อผงใบลาน หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก เขตราษฎร์ บูรณะ กรุงเทพฯ พระพิมพ์เนื้อผง ที่มีรูปแบบโดดเด่น เอก ลักษณ์ เห็นปั๊บรู้เลยว่าเป็นพระพิมพ์ยอดนิยมของ หลวงปู่พริ้ง พระอมตะเกจิฯ พระอาจารย์ทางวิชาพุทธาคมอีกองค์ ในเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์...องค์นี้ของ เสี่ยแมน รัตนา เป็นพระสภาพสมบูรณ์เดิมๆ สวยงามแบบ ๒ เวอร์ชัน คือด้านหนึ่งพิมพ์พระยังคมชัด ไร้ริ้วรอยสัมผัสใช้ แบบสวยแชมป์ อีกด้านพิมพ์พระลบเลือนจากการสัมผัสใช้ เหลือเพียงเค้าร่างของพิมพ์พระให้ได้เห็น...และที่หลายคนงงกับชื่อพระว่าเกี่ยวกับเรื่องไพ่ ไพ่ตอง ซึ่งเป็นอบายมุขได้ไง ก็เพราะคนนิยมเปรียบ เทียบรูปพรรณพระกับของรอบตัวที่คุ้นเคย เรียกง่าย รู้จักกันดี เราจึงมีชื่อพิมพ์พระง่ายๆไม่หรูหรา เช่น (พระลีลา) เม็ดขนุน (ปรก) ใบมะขาม (พระปิดตา) ไม้ค้ำเกวียน (พระปิดตา) เม็ดกระบก
- ถัดไป ดู พระพิมพ์สมเด็จแหวกม่าน (อกใหญ่) หลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ๑ ในพระพิมพ์ยอดนิยมแถวหน้า ของ “หลวงพ่อกวย” พระเกจิอาจารย์ยุคเก่า ผู้มีชื่อเสียงเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า....ท่านสร้างชื่อเสียงจากการสักยันต์ และสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์เลื่องลือ ทั้งด้านคุ้มครองป้องกันให้ แคล้วคลาดภัยถึงคงกระพันชาตรี เมตตา โชคลาภ....โดยเฉพาะ พระพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ ๙ใบ สมเด็จแหวกม่าน อย่างองค์นี้ของ เสี่ยต้อม สำนักจันทร์ พระพิมพ์สร้างชื่อที่ได้รับความนิยมอยู่แถวหน้า...ท่านเกิดเมื่อปี ๒๔๘๘ ที่บ้านแค อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๗ พระชัยนาทมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้นามฉายา ชุตินธโร อยู่จำพรรษา เรียนวิชาแพทย์แผนโบราณกับ “หมอเขียน” ฆราวาส และเรียนสรรพวิชากับพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมากมาย และเป็นศิษย์เรียนวิชาทำแหวนแขน ตะกรุด มีดหมอ และอื่นๆ กับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เป็นศิษย์รุ่นเดียวกับ หลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู ....สำเร็จแล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านแค ช่วงเกิดสงคราม โลกครั้งที่ ๒ และเปิดสำนักสักยันต์ ซึ่งดังมาก จนคิวแน่น ต้องสักทั้งกลาง วันกลางคืน....
หลังท่านสิ้นลูกศิษย์ที่ได้ทั้งวัตถุมงคล จะนิยมใช้คาถาท่านที่ว่าเป็นสารพัดนึก คือ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ อิติสุคะโต ชุตินธโร นะโมพุทธายะ นะสิวังพรหมมา มะอะอุ (อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าใคร)--ศิษย์ท่านการันตีว่าระลึกถึงท่านหมั่นสวดภาวนา ขออะไรได้หมด ไม่นานเกินรอ....เอ้า ลากันด้วยเรื่องปิดท้าย สบายๆตามสไลต์สนามพระวิภาวดี ถึง 3 หนุ่ม ซึ่งสนิทกันมาแต่สมัยเรียนมหา’ลัย นัดกินข้าวด้วยกัน ต่างเล่าความรำลึกถึงพระคุณพ่อแม่ ที่มีมรดกให้ลูกมาต่อยอด สร้างตัว จนปัจจุบันทุกคนมีอาชีพการงานการเงินมั่นคง....เสี่ยสันติ เริ่มก่อนว่า ที่เรามีฐานะมั่นคง ก็เพราะได้รับสืบทอดกิจการของพ่อ เสี่ยอำนาจ ว่าต่อ ส่วนเราก็ได้มรดกเป็นที่ดินมาเป็นทุน เริ่มกิจการบ้านจัดสรรได้ อยู่ดีมีสุข ก็เพราะมรดกพ่อ-แม่....มาถึง เสี่ยดนัย พูดหน้านิ่งว่าเราก็ได้มรดก ของพ่อเหมือนกัน แต่ต่อยอดไม่ได้มาก เพราะเป็นพระเครื่องชุดเบญจภาคี....เพื่อนๆก็สงสัยถามว่า ทำไมถึงต่อยอดไม่ได้ พระเบญจภาคี ปัจจุบันเต็มชุดแบบนี้ ราคาเป็นร้อยล้าน หรือว่าเป็นพระเก๊.... เสี่ยดนัย ส่ายหน้า บอกว่าเป็นพระแท้ เอาไปให้เซียนตรวจสอบแล้ว ให้ราคา ๕๐ ล้าน แต่เราขายไม่ได้ เลยไม่มีเงินทุนมาต่อยอดทำธุรกิจเหมือนพวกนาย....เพราะตอนรับพระจากพ่อ พ่อให้สัญญาว่า “ให้เก็บรักษา ใช้บูชาอย่างเดียว ห้ามขายเด็ดขาด” เสี่ยดนัย ก็เลยรับปาก--ตอนนี้จึงกอดพระราคา 50 ล้านไปแบบลมๆ ได้แต่ดมๆ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง