ในจำนวนพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ หกพิมพ์ เขื่อง โปร่ง ชะลูด ป้อม สันทัด ย่อม ตามทฤษฎี “ตรียัมปวาย” หรือสี่พิมพ์เรียกตามลำดับเลข ทฤษฎี “นิรนาม” สำนักท่าพระจันทร์ คนเป็นพระด้วยกัน รับรู้ในความรู้สึกลึกๆ น่าจะมีสักพิมพ์...ที่ถูกเรียกตามชื่อโบราณ พิมพ์พระประธาน
เทียบเคียงกันแล้ว ทุกพิมพ์ก็สวยสง่า ฝีมือช่างหลวงคนเดียวกัน ไฉนจึงแยกพิมพ์ที่งามกว่า สง่ากว่า พิมพ์พระประธาน ลองพิจารณาสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ในคอลัมน์
ดูผิวเผิน ใช้ภาษาชาวบ้าน องค์นี้เหมือนคน อกผาย ไหล่ผึ่ง หน้าตึง นมตั้ง เส้นสายลายศิลป์ กลมกลืนไปทั้งองค์ ที่จริงคือ แบบพิมพ์เขื่อง ทฤษฎีตรียัมปวาย ที่เด่นทั้งขนาดที่ใหญ่กว่า องค์พระผึ่งผาย งามสง่า น่าเกรงขามกว่าพิมพ์อื่นๆ
และที่จริงก็คือแบบพิมพ์ที่คุ้นตา องค์ดั้งเดิมระดับตำนานคือ พิมพ์ใหญ่แบบที่หนึ่ง ที่เรียกกันว่า องค์เสี่ยดม
หรือองค์ล่า...วงการขานรับฮือฮา เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว องค์กำนันมานะ...องค์ที่ลอกรักน้ำเกลี้ยงเหลือพองามด้านหน้าด้านหลัง แต่สะดุดตาเนื้อชั้นในของรักเต็มขอบข้าง ออกเป็นสีแดงสดใส เหมือนสีชาด
เหตุที่ฮือฮา...มาจากเส้นทางพระ ผ่านมือสามเซียนใหญ่ ไปสิ้นสุดที่มือสุดท้าย “ไม่บอกชื่อ” หกสิบล้าน
ก็พิมพ์นี้องค์นี้นี่แหละ
หลับตามโนถึงสภาพ องค์เสี่ยดม เนื้อขาวเกลี้ยงเกลา เหมือนพระใหม่ แทบไม่มีร่องรอยคราบฝ้ารารักติดอยู่เลย ตัดกับภาพ องค์กำนัน ซึ่งเป็นกรณีศึกษารักเก่าหนาชั้นนอกสีดำ ชั้นในสีแดง กับองค์ในคอลัมน์ เป็นพิมพ์ใหญ่แบบเขื่อง
ด้านแม่พิมพ์ ทุกเส้นสาย...ใช้หลัก 11 ตำหนิลับ ทฤษฎีสำนักท่าพระจันทร์เทียบเคียงได้ทุกข้อ
เริ่มตั้งแต่ องค์พระที่อกผาย ไหล่ผึ่ง นั่งเด่นเป็นสง่า ตั้งแต่ปลายพระเกศลงมาถึงพระเพลา บิดเบนเอนไปทางด้านซ้าย ตัดกับภาพรวมของฐานทั้งสามชั้น ที่บิดเบนสวนกลับไปด้านขวา
...
เส้นกรอบกระจกทั้งสี่ด้าน ตัดพอดีเส้น แต่ก็เห็นตำหนิ เส้นกรอบกระจกซ้ายจากบนตัดตรงลงมาบรรจบที่เส้นซุ้มซ้าย บริเวณลำพระกรซ้าย เส้นกรอบกระจกด้านขวา ตัดพอดีตรงลงมาห่างเส้นซุ้มบนไปถึงปลายเส้นซุ้มล่าง
แนวระนาบพื้นผนังพระด้านซ้ายสูงกว่า แนวระนาบพื้นผนังด้านขวา และแนวพื้นผนังนอกซุ้มสูงกว่า แนวพื้นผนังในซุ้มเล็กน้อย ฯลฯ
ด้านเนื้อหา องค์นี้ เนื้อองค์พระเปิดผิวเห็นเนื้อใน ละเอียดสีขาวอมเหลือง...หนึกนุ่มชุ่มตา เรียก เนื้อเกสรดอกไม้ ก็พอมโนตามได้ ในพื้นผนัง ฝ้ารักเหลืองอ่อนฉาบไล้บางๆ ตัดกับหลุมร่อง รอยยุบ รอยแยก มีเนื้อรักหนายาไว้
ด้านหลัง ฝ้ารักหนาปิดบัง ริ้วรอยสัญลักษณ์ รอยปูไต่ รอยหนอนด้น รอยย่นตะไคร่น้ำ เอาไว้บ้าง แต่ก็พอเห็นได้จากน้ำหนักความหนาความบางของเนื้อรัก ปรากฏมิติที่แตกต่าง ก่อให้เกิดความงามตามธรรมชาติหลังสมเด็จวัดระฆังอีกแบบ
ขอบสี่ข้างสึกมนเล็กน้อย มีรอยแหว่งรอยเว้า ก็เข้าสูตรข้างสมเด็จวัดระฆัง ที่ต้องดูเป็นองค์ครูได้อีก
ลงลึกรายละเอียดทั้งด้านเส้นสายลายพิมพ์ ตามมาตรฐานวงการ เข้าสู่เนื้อหาที่นุ่มซึ้ง สลับด้วยองค์ประกอบตามธรรมชาติสมวัดระฆังทุกประการ ถอนสายตามาดูภาพรวม พิมพ์ใหญ่องค์นี้อีกสักที
แบบพิมพ์นี้แหละ ที่วงการยกย่อง เป็น “พิมพ์พระประธาน” มาเนิ่นนาน หากจะกลับมาเรียกขานกันอีกครั้ง ก็เหมาะก็ควร.
พลายชุมพล