พอขานรับเดือนเมษาก็รู้สึกทันทีว่าอากาศร้อนขึ้นกว่าเดิม ทั้งๆที่ก็ร้อนเหมือนกันทุกเดือนวันอยู่แล้ว ทั้งจากภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวนเปลี่ยนแปลง หน้าฝนหน้าร้อนปนกันไปหมด ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า อุณหภูมิสูงสุดจะสูงถึง 42-43 องศา แต่ดีที่มีฝนบ้างพอให้คลายร้อนระอุ--แต่จะร้อนอะไรก็พอรับได้ อย่าร้อนใจเป็นดี เพราะพระท่านว่า มีแต่ทุกข์
ต่อไปดูพระเครื่องที่มารับซัมเมอร์กัน องค์แรกคือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย วัดใหม่อมตรส เขตพระนคร กรุงเทพฯ ที่พบจากกรุพระเจดีย์ใหญ่ ตอนเปิดกรุอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งคัดแยกพิมพ์แล้ว มี ๓ พิมพ์ ที่ได้รับความนิยมแถวหน้า คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เจดีย์ พิมพ์เส้นด้าย โดยถือคำย่อของพิมพ์พระ ที่ฟังดูดี ว่า ใหญ่ ได้ ดี เป็นเคล็ดลับ ในการอาราธนาบูชา สร้างศรัทธาว่าใครได้บูชาพระพิมพ์ใหญ่ จะได้เป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงมาก...พระพิมพ์เส้นด้าย จะได้รับอานุภาพทำกิจการงานใด มีแต่ได้ ส่วน พระพิมพ์เจดีย์ บันดาลให้ชีวิตได้ดี ไม่มีตกต่ำ....พระทั้ง ๓ พิมพ์ จึงได้รับความนิยมสูง และอยากได้มาบูชาครบ ๓ พิมพ์ ซึ่งก็ไม่ง่าย เพราะจำนวนพระแต่ละพิมพ์ พบองค์ที่สมบูรณ์ เพียงหลักร้อย และมีผู้ทำบุญบูชาหมดไปจากวัด ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๑...ยิ่งเป็นพระที่ถูกลักลอบนำออกจากกรุก่อนนั้น ซึ่งนิยมเรียกเป็นพระกรุเก่า (ไม่มีตราประทับหลัง) อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน ยิ่งยากจะหาพบ ราคาค่าความนิยมก็สูง หลักหลายล้าน...ในปัจจุบัน บอกได้ว่า พระแท้สภาพสมบูรณ์ องค์งามๆระดับแชมป์แบบนี้ อยู่ในครอบครองของเจ้าของตัวจริงเกือบทั้งหมด อยากได้ก็ต้องสู้ๆ
...
ตามมาด้วย พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดพระศรีรัตน มหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี อีกองค์ในสกุลชุด พระเบญจภาคี แม้จะเป็น พระพิมพ์เล็ก ศักดิ์ศรีเป็นองค์สุดท้อง แต่ปัจจุบัน อัปเกรดเป็นพระเทียบชั้นพิมพ์พี่ๆเหมือนๆกันไปแล้ว ขอเป็นพระแท้ดูง่ายสภาพงามสมบูรณ์ ประมาณองค์นี้ ของ เสี่ยก้อง ท่าพระจันทร์ ที่แน่ใจได้ว่า คนเห็น ต้องโดนตาโดนใจ
อีกรายการเป็น พระนางพญา พิมพ์อกนูนเล็ก วัดนางพญา อ.เมือง จ.พิษณุโลก พระแท้ดูง่ายสภาพสมบูรณ์ สวยเดิมๆแบบนี้ แม้เป็นพระ หมวดพิมพ์เล็ก ก็เริ่มหายากแล้ว เพราะปัจจุบันมีผู้หญิงเก่ง ขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนกันมาก และคนที่เป็นชาวพุทธ ก็มักเชื่อถือศรัทธาในอานุภาพคุณพระ ทำให้นิยมหาพระ เครื่องชั้นดี มีชื่อเสียงมาบูชาเป็นสิริมงคล หรือเติมเต็มความมั่นใจ....ทำให้ พระนางพญา ที่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมเหสี สมเด็จพระธรรมราชา (ลิไท) พระมหากษัตริย์ผู้ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งกรุงสุโขทัย จัดสร้าง ได้รับความนิยมจากผู้หญิงแถวหน้าในยุคนี้...ด้วยลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผา รูปทรงสามเหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์พิมพ์ เป็นพุทธศิลป์สมัยอยุธยา จึงถูกเลือกเป็นตัวแทนแห่งยุคสมัย จัดเป็น ๑ ใน ๕ พระพิมพ์ของแผ่นดิน ชุดเบญจภาคี ซึ่งมีราย ละเอียดในพิมพ์พระ จากพระอุระนูนเด่น ปรากฏเส้นศิลป์ชายผ้าสังฆาฏิห่มเฉียง คล้ายสตรีห่มสไบ ที่มาของนาม “พระนางพญา” ....ซึ่งต่อมามีอิทธิพลเป็นที่ยอมรับกันแพร่ หลายว่า พระพิมพ์ใดที่มีรูปทรงสามเหลี่ยม ค้นพบจัดสร้าง ก็จะถูกเรียกเป็น พระนางพญา ตามกัน....องค์นี้ ของ เสี่ยปรีดา คูวิบูลย์ ศิลป์ สภาพกำลังงาม ราคาน่าจะพอจ่ายไหว ได้ทั้งพึ่งบารมีองค์พระ ราคาไม่หาย และมีมูลค่าเพิ่มตามเวลา เก็บรักษาได้ถึงรุ่นต่อไป ยิ่งนานวันยิ่งเป็นสมบัติมีค่า
ต่อไปคือ พระบาง เนื้อเขียว วัดดอนแก้ว อ.เมือง จ.ลำพูน พระยอดนิยมเมืองเหนือ ระดับขุนพล ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ถึงอานุภาพพุทธคุณด้านเมตตามหาเสน่ห์ เป็น พระพิมพ์ เนื้อดินเผา ทรงเล็บมือ ด้านหน้าเป็นองค์พระนั่งปางมารวิชัย ศิลปะคุปตะ (อินเดีย) เบื้องหลังเป็นซุ้มปรกโพธิ์ ๒๐ ใบ ประทับเหนือฐานบัวลูกแก้ว ๒ ชั้น ค้นพบครั้งแรกที่ กรุวัดดอนแก้ว เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ และได้นำพระมอบเป็นขวัญกำลังใจทหาร ประชาชน ที่กำลังเข้าสู่ยุคสงครามและยังมีค้นพบที่ กรุบ้านครูขาว กรุวัดพระคง อีกจำนวนหนึ่ง...พระบาง มีความคล้ายคลึงกับ พระคง มากๆ ต่างกันที่รูปทรงองค์พระ บอบบางกว่าและพระกรซ้ายองค์พระ จะหักศอกยกเป็นมุมเฉียง--ต่างจากพระคง ที่หักศอกวางตรงเป็นมุม ๙๐ องศา....พระบาง แต่ละกรุก็จะมีลักษณะเฉพาะต่างกัน ถ้า กรุวัดดอนแก้ว เนื้อละเอียดที่สุด ขนาดค่อนข้างสูงและแคบกว่ากรุอื่น องค์พระค่อนข้างบาง... ถ้า พระบาง กรุวัดพระคง เนื้อหามวลสาร ขนาดและสี เหมือน พระคง มาก แต่เจอน้อยในพระคง ๑๐๐ องค์ จะมี พระบาง ติดมาแค่องค์สององค์....ส่วน กรุวัดบ้านครูขาว จะมี ๒ เนื้อ คือ เนื้อดินปนกรวด และเนื้อดินหยาบ ทำให้แยกง่ายว่า ไม่ใช่กรุวัดพระคงและกรุวัดดอนแก้ว ....เนื้อพระมีพบทั้ง น้ำตาล เหลือง แดง เขียว ดำ เหมือนพระเมืองเหนืออื่นๆ--องค์นี้ ของ ป๊อปอายเชียงใหม่ เป็น พระเนื้อเขียว (หินครก) ที่ได้รับความนิยมสูง พบน้อย หายาก ราคาสูงหลักแสน....
...
องค์ที่ห้า เป็น พระรูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ฐานเตี้ย หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ อ.โพทะเล จ.นครสวรรค์ เทหล่อโบราณ ที่ หลวงพ่อเดิม สร้างออก หารายได้สมทบทุนสร้างพระอุโบสถ วัดหนองหลวง--เป็น รูปเหมือนจำลองรุ่นแรก ที่ สร้างก่อน รูปเหมือนปั๊ม รุ่นแรก ของ วัดหนองโพ ...มี ๒ แบบ พิมพ์ คือ พิมพ์ฐานสูง กับ พิมพ์ฐานเตี้ย มีเนื้อโลหะผสมเนื้อเดียว องค์นี้ ของ เสี่ยอนุศักดิ์ กิติศิริสวัสดิ์ ลำลูกกาคลอง ๗ เป็นพิมพ์ฐานเตี้ย สภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆ ราคาปัจจุบันหลักแสนต้นๆ เป็น รองรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก วัดหนองโพ ซึ่งอยู่ที่หลักแสนกลาง ถึงปลาย--แต่ก็หายาก และใช้ดีมีอานุภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ปรากฏสูงเหมือนกัน
...
ถัดไปเป็น เหรียญหล่อ พิมพ์ปางซ่อนหา เนื้อสัมฤทธิ์ หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ อีก ๑ ในพระยุคแรก พิมพ์นิยม เนื้อนิยมหายาก สร้างน้อยในสกุลพระหลวงพ่อพริ้ง...ปัจจุบันราคาหลักแสน องค์นี้ของ เสี่ยใหญ่ บางปะกอก เป็นพระสภาพสมบูรณ์ สวยแชมป์ ที่ยังหาองค์สู้ไม่เจอ
รายการต่อไป เป็น ตะกรุดมหาจักรพรรดิ เนื้อทองคำ อ.เฮง ไพรวัลย์ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา สุดยอดตะกรุดโทน ที่มีคำสอนในตำรับวิชาอาคมชั้นสูงสุด ระบุไว้ว่า สร้างสำหรับท้าวเจ้าพระยามหากษัตริย์ ด้วยแผ่นโลหะ ทรงค่าทรงคุณ อย่างทองคำเท่านั้น...ประกอบพิธีลงจารอักขระ พระคาถา ปลุกเสกกำกับ ตามฤกษ์ยามกำหนดในตำรา ซึ่ง อ.เฮง ได้ศึกษาประกอบพิธีสร้าง ด้วยแผ่นโลหะทองคำ ลงอักขระเลขยันต์ อย่างถูกต้องทุกขั้นตอน อาราธนา หลวงปู่สี วัดสะแก ปลุกเสกกำกับ ตามฤกษ์ยาม นำมอบเจ้านายที่เคารพ ใช้บูชาเป็นตะกรุดคู่กาย....ถึงวันนี้ตกทอดมาอยู่ในครอบครอง ของ เสี่ยเพชร–อิทธิ ชวลิตธำรง ซึ่งส่งของดีๆมาแบ่งปันท่านผู้ชมดูแบบไม่ขาดสาย
...
ของขลังอีกอย่าง ไม่ค่อยเห็นกัน คือ นกสาลิกา (ปากโลง) รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๙ เนื้อผงพุทธคุณหลวงพ่อสนิท ยสินธโร วัดลำบัวลอย จ.นครนายก ของ เสี่ยเพชร อิทธิ เหมือนกัน ....ท่านเป็นพระเกจิฯผู้มีชื่อเสียงด้านวิชาอาคม ที่นิยมสร้าง วัตถุมงคลรูปสัตว์ ทรงคุณ อาทิ จระเข้ พญาเต่าเรือน สะดือหนุมาน ปลากัดสารพัดนึก--และ นกสาลิกา ที่มีชื่อเสียงโดดเด่น ด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ได้รับความนิยมสูง....แต่จำนวนสร้างน้อย เพราะมวลสารผสม เป็น ผงพุทธคุณ (อิทธิเจ) ลบถมที่ทำสำเร็จด้วยมือหลวงพ่อ กับ วัตถุอาถรรพณ์ ที่หายากมากๆ คือ ผงกาฝาก ๑๐๘ เกสรดอกไม้ ๑๐๘ บดละเอียด
ผสมรวม ประสานด้วย ขี้ผึ้งปิดปากผี (คนตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร) กับ น้ำมันจันท์
ครบแล้ว ก็ปั้นเนื้อ กดพิมพ์ เป็น ตัวนก ทำพิธีปลุกเสก หน้าโลงผีตายโหง ด้วยสุดยอดวิชาเมตตามหานิยมที่ยากจะทำสำเร็จ....โดยว่า พระคาถา “โอมปลุกปลุกลุกแล้วอย่านอน ครูกูสอน อย่าช้าสาลิกาเจ้าเอ๋ย อย่าเฉยเลยรา ครูสั่งเจ้ามา ให้รักษาคุ้มครอง ปกป้องเคหา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย ขอให้กลับใจเมตตา โรคภัยนานา อย่าได้พบพาน ลาภยศให้ปรากฏ ทั้งแปดทิศ มิตรให้เกิดทั้งแปดด้าน ผู้ใดเห็นหน้ากู ให้มันรัก ผู้ใดทักกู ให้มันหลง โอมมหาสาลิกา กรึง กะระณัง ตาวังตาวามะมะเอหิ สวาหะ”....เคล็ดการใช้ต้องหมั่นเรียกใช้เสมอๆ ยิ่งใช้ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเสกด้วยคาถา “วันนะ วันนา สาลิกาโย พุทธังสิโร วาหะมะมะ” จนมี นกสาลิกา มาเกาะฝาโลง จึงถือว่า สำเร็จ...ท่านสร้าง นกสาลิกา นี้ สำเร็จเป็น รุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ได้จำนวนแค่หลักสิบ มอบศิษย์ผู้จับจองเป็นเจ้าของ ปัจจุบันพบน้อยมาก เป็นสุดยอดของขลัง ด้านเมตตามหาเสน่ห์ ที่คนสายมู แสวงหากันมาก--ปัจจุบัน ต้องบุกสู้ราคาถึงหลักแสน ถึงจะได้เจ้าสาลิกามานอนรัง
ลากันด้วยเรื่องปิดท้าย ของ เสี่ยสันติ เจ้าของร้านพระเครื่อง ซึ่งวันว่างก็ขับรถพาเมียตระเวน หาร้านกินดินเนอร์ เป้าหมายปลายทางอยู่ที่ร้านอาหารริมทาง ย่านเยาวราช ....พอถึงกำลังจอดรถเข้าที่ เก้าะมีโทรศัพท์จากพรรคพวก โทร. มาเจรจาจะขาย พระนางพญา ให้ เสี่ยสันติ ก็ตอบตกลงซื้อ เพราะเป็นพระเก่าของตัวเองที่ขายให้เพื่อนไป แต่ถามเหตุผลว่า ทำไมถึงขายไว เพิ่งซื้อไปไม่ถึงเดือน เพื่อนก็บอกเหตุผลให้ฟังว่า ทีแรกตั้งใจซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดเมีย แต่ให้แล้ว เขาไม่ชอบบอกอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนม ราคา ๓ แสนเท่าราคาพระแทน....เพื่อนบอกว่า ก็พยายามอธิบายโน้มน้าวว่า พระเป็นของทรงค่าทรงคุณ ใช้บูชาติดตัว คุ้มครองป้องกันภัยได้ เก็บไว้เป็นทรัพย์สินก็มีค่าราคาสูงขึ้นตามวันเวลา ดีกว่ากระเป๋า ที่มีดีแค่ใช้ อวดแค่โชว์ ยิ่งใช้ยิ่งเก่านานวันก็เสื่อมค่าราคาตกตลอดเวลา
ถึงตอนนี้ เสี่ยสันติ รีบเปิดสปีกเกอร์ให้เมียได้ฟังด้วยตลอด พอเจรจาตกลงกับเพื่อนจบ เสี่ยสันติ ก็ส่ายหน้าบอกว่า เมียเพื่อนไม่ฉลาดเลือกเลยเนอะ แล้วหันมาถามเมียตัวเองว่า ถ้าเป็นลื้อจะเลือกเอาพระหรือกระเป๋า ก็ได้ยินเสียงตอบทันทีว่า เอาทั้งกระเป๋าและพระนางพญาทั้งสองเลย--เสี่ยสันติ ฟังแล้วรำพึงเสียงแผ่ว แบบนี้ไม่เรียกว่าฉลาด แต่เรียกว่า งก เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง