พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม กรุวัดใหม่อมตรส ของ ช้าง ท่าดินแดง.

จาก สนามพระวิภาวดี อาทิตย์นี้ อีกแค่ 2 นัด ท่านผู้ชมก็จะพ้นปีโควิดกันแล้ว ถ้า “โอมิครอน” ไม่อาละวาดหนักนัก

นับถอยหลังสู่วันสิ้นปี ด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม กรุวัดใหม่อมตรส กทม. พระสภาพสมบูรณ์สวยงามเดิมๆ พิมพ์พระชัดลึก ผิวเนื้อเหี่ยวย่น แห้งสนิท บอกอายุถึงยุคสมัย คราบฝ้ารากรุ บางเบา ด้านหลังไม่มีรอยปั๊ม บอกความเป็นพระกรุเก่าชัดเจน ปัจจุบันนี้ พบพิมพ์นี้น้อย ยิ่งเป็นองค์สภาพสมบูรณ์ ไม่มีตำหนิชำรุดอุดซ่อม สภาพเดิมๆแบบองค์นี้ ของ เสี่ยช้าง ท่าดินแดง ก็ยากจะเจอ ราคาจึงต้องว่ากันหลักล้านต้นๆ แน่

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ กรุวัดใหม่อมตรส ของ วีระชัย ไชยเจริญ.
พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ กรุวัดใหม่อมตรส ของ วีระชัย ไชยเจริญ.

...

องค์ที่สองเป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ กรุวัดใหม่อมตรส เขตพระนคร กทม. พระกรุเก่า ของ เสี่ยวีระชัย ไชยเจริญ

เป็นพระสภาพผ่านการใช้สัมผัส ผิวเนื้อจึงเปิดถึงเนื้อใน จนเห็นความหนึกนุ่มของเนื้อ ที่มากมวลสาร อัดแน่นตามสเปกพระกรุเก่า

มุมบนด้านข้างซ้ายองค์พระ มีรอยชำรุดเนื้อหลุดหาย แต่ไม่ถึงเส้นซุ้ม แบบนี้ต้องบอกว่าเสียหายแต่ไม่มาก พอรับได้ ลงทุนใส่ตลับทองหรูๆ ก็บังจุดชำรุดได้สนิท ดูไม่รู้ใช้ดี โชว์ได้ เหมาะสำหรับผู้อยากหาพระสมเด็จ ราคาเบาๆ

พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ของ ก้อง พระสมเด็จ.
พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ของ ก้อง พระสมเด็จ.

องค์ที่สาม เป็น พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พิมพ์น้องสุดท้องในสกุล “พระผงสุพรรณ” ที่ปัจจุบัน กำลังอินเทรนด์ ซื้อง่ายขายคล่อง มีใบสั่งไม่ขาด

เพราะพิมพ์พี่ๆ อย่าง หน้าแก่ หน้ากลาง ทั้งหายากและแพงระยับ นักนิยมพระ จึงหันมาหาพระพิมพ์รองๆ ราคาเบาๆ เน้นพระแท้ ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ พองาม จ่ายน้อย ก็พอใจแล้ว

อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยก้อง พระสมเด็จ มีรอยสัมผัสใช้ชัดเจน บริเวณส่วนสูงสุดของพิมพ์พระ ตรงพระพักตร์กับพระอุระ เปิดเห็นเนื้อใน ที่อุดมด้วยผงพุทธคุณ มวลสารเกสรว่านยา ซึ่งเป็นที่มาของนาม “พระเกสรสุพรรณ” ครั้งพบพระแรกๆ ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็น “พระผงสุพรรณ”

อีกจุดพิจารณาสำคัญคือ รอยกดพิมพ์นิ้วมือด้านหลัง ที่ ต้องมีทุกองค์ พบทั้งลายนิ้วแบบก้นหอย และแบบมัดหวาย อย่างองค์นี้ เป็น ลายก้นหอย ความลึกชัด ความหยาบความละเอียดของลายเส้น ต้องเป็นประมาณนี้ จึงจะใช่หอยแท้

พระท่ากระดาน เนื้อตะกั่วสนิมแดง กรุเก่าศรีสวัสดิ์ ของ ใหญ่ บางปะกอก.
พระท่ากระดาน เนื้อตะกั่วสนิมแดง กรุเก่าศรีสวัสดิ์ ของ ใหญ่ บางปะกอก.

...

ถัดไป คือ พระท่ากระดาน สนิมแดง กรุเก่า อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี พระกรุ พระเก่า ยอดนิยมอันดับ ๑ ของเมืองกาญจน์ ที่เข้มขลังจนได้รับนามว่า “ขุนศึกแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง”

เป็นพระพิมพ์ พุทธศิลป์ สมัยอู่ทองยุคต้น (หน้าแก่) อายุอยู่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘-๑๙ นั่งราบปางมารวิชัย เหนือฐานเรียบหนา (ฐานสำเภา) เอกลักษณ์ศิลปะพระอู่สมัยอู่ทอง

พระเกศยาว พระพักตร์ลึก พระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ นูนเด่น คล้ายยิ้มเครียด พระอังสาซ้ายมีผ้าสังฆาฏิแบบสี่เหลี่ยมยาวลงจดพระหัตถ์

ส่วน พระเกศ ซึ่งบางองค์ยาวตรง เรียกว่า “พิมพ์เกศตรง” แต่ด้วยอายุการสร้าง และถูกบรรจุทับถมกันยาวนาน ทำให้บางองค์ พระเกศชำรุด หักงอบิดโค้งซ้ายขวา จึงเรียกกันตามลักษณะว่า “พิมพ์เกศคด” ที่ปลายหัก เหลือเกศสั้นๆ ก็เรียก “พิมพ์เกศบัวตูม”

รวมแล้ว เป็นพระประติมากรรมแบบ นูนสูง จัดสร้างด้วย เนื้อตะกั่ว เทหล่อ แบบครึ่งซีก มีองค์พระปรากฏเฉพาะด้านหน้า ด้านหลังเรียบเป็นแอ่ง พบครั้งแรกในกรุถ้ำลั่นทม พร้อมแม่พิมพ์อุปกรณ์กับเศษเนื้อตะกั่ว เป็นหลักฐานให้สันนิษฐานได้ว่า เป็นแหล่งผลิต

ต่อมาราวปี พ.ศ.๒๔๙๕-๙๖ พบในกรุพระวัดเหนือ (วัดบน) วัดกลาง (วัดท่ากระดาน) วัดใต้ (วัดล่าง) ใน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ หลายกรุ รวมแล้วหลายร้อย-พันองค์ ซึ่งมี สนิมแดง ไขขาว ขึ้นคลุม และมีการปิดทองมาแต่ในกรุ

พระที่พบจาก กรุวัดกลาง จะงามสมบูรณ์ที่สุด ทำให้ได้ชื่อเรียกตามชื่อวัดว่า พระท่ากระดาน ทั้งหมด รวมเรียกว่า “พระกรุเก่า” อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยใหญ่ บางปะกอก ที่เป็นพระพิมพ์นิยมสุด สภาพงามแชมป์ สมบูรณ์เดิมๆ แบบนี้ ราคาเริ่มที่หลักหลายล้าน

พระกริ่งสวนเต่า ปางอุ้มบาตร พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ ของ อิทธิ ชวลิตธำรง.
พระกริ่งสวนเต่า ปางอุ้มบาตร พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ ของ อิทธิ ชวลิตธำรง.

รายการต่อไป ขอเสนอ พระกริ่งสวนเต่า ปางอุ้มบาตร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้รับความนิยมเป็น พระกริ่งชั้นสูง ที่แม้ไม่มีประวัติการสร้างชัดเจน แต่ก็เชื่อกันว่า ร.๕ ทรงสร้าง หลังเสด็จกลับจากประพาสยุโรปเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๑ ตามพระราชประเพณีนิยม เพื่อเป็น พระชัยรัชกาล พระราชทานเชื้อพระวงศ์ใช้ติดพระศอ ตอนเสด็จไปศึกษาต่อต่างประเทศ และพระราชทานข้าราชบริพารใกล้ชิด

พิมพ์พระ เป็นพุทธศิลป์ยุครัตนโกสินทร์ ฝีมือช่างหลวง ประกอบพิธีเททองหล่อด้วยวิธี ขึ้นหุ่น เททองหล่อ แล้วตกแต่งทีละองค์ ณ บริเวณสวนเต่า ในพระบรมมหาราชวัง

ลักษณะเป็นองค์พระนั่งสมาธิเพชร มีหลายแบบพิมพ์ ทั้งพระหัตถ์ซ้ายโอบพระหัตถ์ขวา จกบาตร (นิยมสุด) พระหัตถ์ถือสังข์ พระหัตถ์ถือธรรมจักร พระหัตถ์ถือดอกบัว โดยอาราธนา เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ขณะดำรงฐานาที่ พระธรรม โกษาจารย์ ลงลายมือจารอักขระยันต์ ๑๐๘ นะปถมัง ๑๖ ในแผ่นโลหะ เป็นชนวนเนื้อโลหะ ผสมเททองหล่อสำเร็จแล้ว อาราธนา หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังฯ กับพระเกจิฯอาวุโสมีชื่อเสียงร่วมสมัย ปลุก เสก ลงเหล็กจารอักขระใต้ฐาน

องค์นี้ ของ เสี่ยเพชร–อิทธิ ชวลิตธำรง เป็นพระสภาพสมบูรณ์ งามเฉียบเนี้ยบสุด ที่ส่งมาพร้อมโน้ตว่า เห็นความชัด เจนของเส้นศิลป์ ความงามสมบูรณ์ขององค์พระ ความลึกซึ้งของเนื้อโลหะนี้แล้ว ปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องยอมจ่าย พระกริ่งสวนเต่า ไปในราคา กระต่าย คือล้านกว่าๆ

เหรียญเนื้อเงินรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๓ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ สุขบท) วัดเทพศิรินทร์ ของ มีชัย เถาเจริญ.
เหรียญเนื้อเงินรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๓ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ สุขบท) วัดเทพศิรินทร์ ของ มีชัย เถาเจริญ.

...

ต่อด้วย เหรียญเนื้อเงิน รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๓ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ สุขบท) วัดเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ พระเถระที่เคารพอย่างสูงของชาวเมืองชลบุรี ยกย่องเรียกท่านว่า “สมเด็จฯแห่งเมืองชล” 

เพราะเป็นพระสงฆ์จากเมืองชลบุรีองค์แรก ที่ได้รับสถาปนาสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสมเด็จ ที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

ท่านเป็นชาวเมืองชลฯ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๕มีนามเดิมว่า เจริญ สุขบท ก่อนกำเนิดบิดาฝันว่ามีผู้นำช้างเผือกมาให้ ซึ่งโบราณว่าเป็นนิมิตที่ดี มีมงคล

พออายุ ๘ ขวบ บิดาได้นำตัวไปเป็นศิษย์ ท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุนี (พุฒ ปณฺณโก) วัดเขาบางทราย พออายุ ๑๒ ก็บรรพชาเป็นเณร แล้วกลับมาเล่าเรียนที่วัดเขาบางทราย จนอายุ 14 ปี จึงไปเรียนปริยัติ ในสำนักพระครูวินัยธร (ฉาย) ฐานานุกรม ใน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร วัดราชบพิธ กรุงเทพฯ ซึ่งท่านพระครู ก็มีนิมิต เห็นคนนำช้างเผือกมาให้

ระหว่างเรียนพระปริยัติธรรม พระอาจารย์อาพาธ ท่านจึงต้องไปเรียนต่อในสำนักท่านพระยาธรรมปรีชา แล้วกลับบ้านเกิดไปอุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ ที่วัดเขาบางทราย โดยมีท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุนี (ฉาย) เป็นพระอุปัชฌาจารย์ ได้นามฉายา “ญาณวโร”

ดูแล้ว ชีวิตท่านย้ายวัดตลอด เพราะบวชแล้ว กลับไปอยู่วัดกันมาตยาราม กรุงเทพฯ ๔ ปี แล้วไปเรียนต่อที่สำนัก ท่านเจ้าคุณพระศาสนโสภณ (อ่อน) วัดพิชัยญาติฯ อีก ๓ เดือน จึงสอบพระปริยัติธรรม ในมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค (เทียบได้ชั้นปริญญาตรี)

พ.ศ.๒๔๓๙ ย้ายมาอยู่วัดเทพศิรินทร์ เพื่อเรียนพระวินัยปิฎก ในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และสอบพระปริยัติธรรม ได้เปรียญธรรม ๗ ประโยค โดยสอบได้ที่ ๑ ทุกประโยค (เทียบได้กับปริญญาเอก)

จึงได้เป็นครูเอกโรงเรียนภาษาบาลี วัดเทพศิรินทร์ พออายุ ๒๗ ได้รับแต่งตั้งฐานาเป็น พระอมราภิรักขิต ให้เป็นผู้อำนวยการศึกษา ในมณฑลปราจีนบุรี และในปีเดียวกัน สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงแต่งตั้งให้เป็น ผู้กำกับวัดสัมพันธวงศ์ ด้วย

พอ หม่อมเจ้าศรีสุคตคัตยานุวัตร ทูลลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อจะสึก จึงทรงแต่งตั้งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ขณะอายุเพียง ๒๗ ปี

ตลอดอายุท่าน มีการจัดสร้างพระเครื่อง เหรียญ รูปเหมือน ในวาระสำคัญ โดยคณะศิษย์ ที่ได้รับความนิยม เช่น พระพิมพ์สรงน้ำ เหรียญพระพุทธบาท และเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก แบบเหรียญนี้ ของ เสี่ยมีชัย เถาเจริญ ซึ่งเป็น เนื้อเงิน สภาพสวยแชมป์เดิมๆ--เป็น เหรียญพระเถระยอดนิยมเมืองชลฯ ราคาหลักล้าน

พระปิดตาหลังแบบ รุ่นแรก หลวงปู่เฮี้ยง วัดอรัญ ญิกาวาส (วัดป่า) ของ
พระปิดตาหลังแบบ รุ่นแรก หลวงปู่เฮี้ยง วัดอรัญ ญิกาวาส (วัดป่า) ของ "โป๊ย เสี่ย" นายไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์.

รายการที่เจ็ด ก็มาจากเมืองชลฯ เป็น พระปิดตาหลังแบบรุ่นแรก หลวงปู่เฮี้ยง วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) อ.เมือง จ.ชลบุรี ๑ ในพระปิดตา ยอดนิยมเมืองชล ที่ได้รับการขนานนามเป็น “พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดป่า”

เพราะเป็น พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก ที่หลวงปู่เฮี้ยง สร้างขึ้นด้วย เนื้อผงพุทธคุณ ๙ แท่ง ของหลวงพ่อแก้ว ที่ค้นพบจากองค์พระเจดีย์ ที่บรรจุอัฐิ หลวงพ่อแก้ว ที่มีผู้นำมาถวายท่าน

ท่านจึงใช้ พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว เป็นต้นแบบ จัดสร้าง เพื่อหารายได้สร้างโรงเรียน วัดป่าฯ เป็นรุ่นแรกๆ เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๙๕

องค์นี้ ของ “โป๊ยเสี่ย” ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ เป็นพระสภาพสมบูรณ์--สวยเดิมทั้งหน้า-หลัง อย่างนี้ ฟังว่าราคาหลายๆล้านแล้ว

พระพิมพ์หนุมาน หาวเป็นดาวเป็นเดือน หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค ของ Mr.lvan kok.
พระพิมพ์หนุมาน หาวเป็นดาวเป็นเดือน หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค ของ Mr.lvan kok.

สุดท้ายเป็น พระพิมพ์หนุมาน หาวเป็นดาวเป็นเดือน หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ของ Mr.lvan kok นักธุรกิจสิงคโปร์ ที่ชอบพระเครื่องไทย แบบรักจริงชอบจัง และเล่นเป็น

เห็นได้จากองค์นี้ บอกให้รู้ว่าเป็นนักนิยมพระไม่ธรรมดา เพราะเป็นพระพิมพ์ยอดนิยมแถวหน้าสกุลหลวงพ่อปาน และยังเป็นพิมพ์สุดยอดหายาก เพราะเป็นพิมพ์เดียว ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ตามวรรณคดีรามเกียรติ์ ซึ่งสื่อถึงความรุ่งโรจน์ เหมือนแสงเดือนดาว ซึ่งชาวพระเครื่องคิดบวกว่า หมายถึงอานุภาพนำทางสู่ความสำเร็จรุ่งเรือง ของผู้มีใช้บูชา

ลากันด้วย เรื่องปิดท้าย ที่วัดดัง ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งก่อนออก พรรษา มีมหรสพสมโภชตามประเพณี โดยจัดให้มีคณะหมอลำชื่อดังมาแสดงตั้งแต่หัวค่ำ ชาวบ้านใกล้-ไกล จึงไปกันแน่น เต็มลานวัด สนุกสนานกันถึงใกล้เที่ยงคืน ยังไม่มีทีท่าจะเลิกรา

สักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งไปรายงานหลวงปู่เจ้าอาวาส ว่า ที่ลานวัดหน้าวงหมอรำ วัยรุ่นกำลังยกพวกตีกัน เจ้าหน้าที่ห้ามไม่ไหว เกรงเหตุจะรุนแรงถึงชีวิต

หลวงปู่ฟังแล้ว ลุกเดินไปยืนแหงนหน้าดูที่ลานวัด แล้วเงยหน้ามองฟ้า อยู่ชั่วครู่ แล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่า เดี๋ยวข้าจัดการเอง

เจ้าหน้าที่ฟังแล้วเบาใจ เพราะหลวงปู่มีชื่อเสียง เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมเข้มขลัง เคยแสดงพลังจิตยกมือบังฟ้า เสกคาถาดับแสงเดือนแสงดาวให้ปรากฏเป็นที่เลื่องลือ เรียกกันว่าวิชา “ดับแสงดาว”

พอเจ้าหน้าที่ลาลงกุฏิไป ยังไม่ทันถึงลานวัดที่กำลังมีเหตุวิวาท ไฟฟ้าทั่วลานวัดก็ดับสนิท พวกที่กำลังวิวาทก็เลยหยุดตีกัน แยกย้ายคนละทิศละทาง เพราะไม่มีแสงไฟ มองไม่เห็นกัน เหตุจึงสงบลง

วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่คนเดิม ขึ้นไปหาหลวงปู่ พร้อมชาวบ้านหลายคน กราบขอบคุณหลวงปู่ ที่ใช้วิชา “ดับแสงดาว” จนมืดสนิททั่วลานวัด ทำให้ยุติเหตุวิวาทได้อย่างชะงัด หลวงปู่ ฟังแล้วส่ายหน้า บอกข้าฯไม่ได้ใช้วิชาอะไร แค่ใช้ปัญญาและออกแรง แค่เดินไปยกคัตเอาต์ใหญ่ ตัดไฟทั่วลานงาน ลงมันมองอะไรไม่เห็น จะตีกันยังไง ก็ต้องเลิกกันไปเอง--สรุปเป็นวิชาสับคัตเอาต์ ไม่ได้ใช้ วิชาดับเดือน-ดับดาวอะไรเลย เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง