พระรอด พิมพ์ต้อ วัดมหาวัน ลำพูน ของศุภชัย สายัณห์

สนามพระเมืองไทย ก็ยังอยู่ในบรรยากาศเงียบเหงาหงอยจ๋อยกันต่อไปอีก ๑ เดือนตามคาด เพื่อยืดดดดเวลาให้พ่อแม่พี่น้องไปฉีดวัคซีนให้มากถึงมากที่สุด จะได้เกิด ภูมิคุ้มกัน กันทั่วถึง

เปรียบเทียบว่าเหมือน ปิดประตู ไม่ให้ โควิด เข้าบ้าน (ร่างกาย) เราได้ แล้วเราก็จะปลอดภัยไร้โควิดกัน ถึงไม่ ๑๐๐% แต่อันตรายร้ายแรงถึงชีวิตก็จะน้อยลง และอีกหน่อยการติดโควิดก็เหมือนติดหวัด รักษาหายได้

สมัยโบราณ เมืองไทยก็เคยเกิดโรคระบาด หนักๆก็ 2 ครั้ง คือ ปีมะโรง พ.ศ.๒๓๖๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ เกิด อหิวาต์ หรือคนไทยเรียก โรคห่า ระบาด มีคนตายถึง ๓๐,๐๐๐ คน

ในปีระกา ปลายรัชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ.2392 ระบาดอีก เรียกกันว่า ปีระกา ห่าลง ซึ่งระบาดทั่วโลก เริ่มจากอินเดีย ไปยุโรป อเมริกา และปีนัง เข้าไทย ทางปัตตานี สงขลา และยังระบาดทางเรือเข้าสมุทรปราการ กรุงเทพฯ และแพร่ไปยังปทุมธานี พิษณุโลก อ่างศิลา ชลบุ

คนตายกันราว 40,000 คน ศพถูกเอาไปทิ้งตามวัด ป่าช้า เพราะเผาไม่ทัน ที่มากสุดคือที่วัดสระเกศ แต่พอการแพทย์รู้สาเหตุของโรค มียา เราก็ไม่ต้องกลัว โรคห่า (อหิวาต์) แล้ว--ตอนนี้ที่น่ากลัวกว่าไวรัสคือ ไอ้ห่าอีห่า ที่สร้างความปั่นป่วนบ่อนทำลายให้คนเกลียดชังกัน ซึ่งพระท่านว่า เพราะไม่มีธรรมะ

สมัยนั้น ก็เชื่อเรื่องกรรมเวร หรือผีสางมาเอาชีวิต พระเจ้าแผ่นดินจึงให้จัด พระราชพิธีอาพาธพินาศ ขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีพระสงฆ์อาคมขลังจากวัดสำคัญๆ มาทำน้ำมนต์และทรายเสก ยิงปืนใหญ่รอบพระนคร แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะโปรยทรายเสกและพรมน้ำมนต์ทั้งทางบกและทางเรือ

โดยทางการ สั่งให้ประชาชนรักษาศีล อยู่แต่ในบ้าน ซึ่งผลจากการที่ ประชาชนไม่ออกจากบ้าน การระบาดของเชื้อจึงลดลง--จึงเห็นได้ว่าการ stay home เนี่ย ได้ผลจริงๆ มาแต่ไหนแต่ไรแร้ว ขอบอก

...

เข้ามาสนามพระปลอดโควิดกันต่อ องค์แรกคือ พระรอด พิมพ์ต้อ กรุวัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพระรอดพิมพ์มาตรฐาน อันดับท้ายสุด ด้วยลักษณะพิมพ์พระที่ ต้อ ตัน ต่างจากพิมพ์อื่นๆ ซึ่งมีพิมพ์องค์พระชะลูด สมส่วน ดูงดงามกว่า

แต่ปัจจุบันพระพิมพ์นิยมแถวหน้าหายากมาก ราคาแพง ทำให้นักนิยมพระสนใจพระพิมพ์นิยมอันดับท้ายๆมากขึ้น เทียบได้กับพิมพ์รองอันดับต้นๆ ทั้งการแสวงหาและราคา โดยเฉพาะพระแท้องค์งามๆสภาพเดิมๆอย่างองค์นี้ ของ เสี่ยศุภชัย สายัณห์ ที่มีพิมพ์องค์พระล่ำสัน ชัดลึก แบบสุดพิมพ์ งามเด่นกว่าองค์อื่นๆที่เคยพบ บอกได้ว่าเป็น แชมป์ องค์หนึ่งของพิมพ์ได้เลย

พระกริ่งฉลองสุพรรณบัฏ พ.ศ.๒๔๘๓ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ของอิทธิ ชวลิตธำรง
พระกริ่งฉลองสุพรรณบัฏ พ.ศ.๒๔๘๓ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ของอิทธิ ชวลิตธำรง

องค์ที่สองคือ พระกริ่งฉลองสุพรรณบัฏ พ.ศ.๒๔๘๓ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ) วัดสุทัศนฯ กรุงเทพฯ สร้างในวาระงานฉลองพระชนม์ครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี และในวาระที่ได้รับพระราชทานพระ สุพรรณบัฏ สถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราชอริยวงศาคตญาณ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ ตามคำขอของคณะศิษย์

โดยมีบัญชาให้ พระศรีสัจจญาณมุนี พระครูมหาคณานุสิชฌน์ และ พระครูพิศาลสรคุณ (อ.หนู) ดำเนินการ โดยกำหนดให้มีการนิมนต์พระเจริญพุทธมนต์และประกอบพิธีพุทธาภิเษก เทหล่อพระพุทธรูป พระกริ่ง พระชัยวัฒน์

โดยมีพิมพ์พระกริ่ง ๔ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์ใหญ่ หม้อน้ำมนต์โต จำนวน ๑๐๘ องค์ ๒.พิมพ์ใหญ่หม้อน้ำมนต์เล็ก ๓.พิมพ์เล็ก จำนวน ๓๓๐ องค์ ๔.พิมพ์ล้อพระกริ่ง พ.ศ.๒๔๔๑ จำนวน ๑๐๘ องค์

เดิมสมเด็จท่านมีพระประสงค์ให้สร้างด้วย เนื้อโลหะผสม นวโลหะกลับดำ แต่ ท่านเจ้าคุณศรีฯ ได้ทูลขออนุญาต เททองหล่อครอบน้ำมนต์ ร่วมในพิธี จำนวน ๘ ครอบ จึงทรงอนุญาตให้นำเนื้อโลหะเทรวมเป็นเนื้อเดียวกัน โดยมี นายช่างหรัส พัฒนางกูร ทำพิธีเทหล่อ

ได้องค์พระออกมามีลักษณะ เนื้อสีเหลืองซีดอมขาว เมื่อใช้ได้สัมผัสเหงื่อไคล จะกลับเป็น สีน้ำตาล นิยมเรียกเป็น พระกริ่งฉลองสุพรรณบัฏ เป็นที่นิยมในหมู่คณะศิษย์ชั้นเจ้านาย ในสมัยนั้นมาก อาทิ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มหาเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย

ปัจจุบัน พระกริ่งฉลองสุพรรณบัฏ ทุกแบบพิมพ์ ถือเป็นพระกริ่งรุ่นมาตรฐาน ที่นักนิยมพระแสวงหากันมาก ราคาสูงถึงหลักล้าน องค์นี้ ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง เป็น พิมพ์เล็ก เนื้อเหลืองกลับน้ำตาล สภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆ ยืนยันได้ด้วยคราบขี้เบ้า ที่จับแน่นในซอกส่วนลึก

พระปิลันทน์ พิมพ์โมคคัลลาน์สารีบุตร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ ของวิกรม จันทระเปารยะ
พระปิลันทน์ พิมพ์โมคคัลลาน์สารีบุตร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ ของวิกรม จันทระเปารยะ

...

องค์ที่สามคือ พระปิลันทน์ พิมพ์โมคคัลลาน์สารีบุตร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. อีก ๑ พระพิมพ์เนื้อผง พุทธคุณสกุลวัดระฆังฯ ที่สร้างไว้โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) ศิษย์เอกสายตรงองค์จริงของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ผู้รับสืบทอดทั้งตำแหน่ง เจ้าอาวาสและฐานาสมณศักดิ์

และสร้าง พระพิมพ์ ตามอย่างองค์อาจารย์ มาแต่ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพุทธบาทปิลันทน์ พ.ศ.๒๔๐๙ เพื่อมอบเป็นที่ระลึก และบรรจุเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนา ในวาระที่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น “สมเด็จพระพุฒาจารย์”

ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อคิดการสำคัญใดๆ ผู้เป็นศิษย์ย่อมนำความเข้าปรึกษาอาจารย์ สมเด็จฯโต แน่นอน และเมื่อศิษย์จะสร้างพระ อาจารย์ที่เคยสร้างมาก่อน จะมีสิ่งใดเล่าที่จะมอบให้ ก็ต้องเป็น มวลสารมงคลของท่าน นั่นคือ ผงวิเศษ ๕ ประการ เป็นส่วนผสมในเนื้อพระ

พระกดในพิมพ์ ที่แกะด้วยฝีมือช่างหลวง ได้เกือบ ๒๐ พิมพ์ ล้วนเป็นพิมพ์ที่มีความแตกต่างจากพระสมเด็จของ เจ้าประคุณสมเด็จฯโต เพราะโบราณถือกันว่าศิษย์ที่ดีต้อง ไม่คิดวัดรอยเท้าอาจารย์--คือการลอก เลียนแบบ เพราะถือเป็นการตีเสมอครูอาจารย์ ไม่เหมือนสมัยเรา ที่มีศิษย์ประเภท คิดล้างครู

และท่านยังใช้ ผงใบลาน เผาผสมเนื้อเป็นสีดำเทา ให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งต้องการป้องกันความสับสนว่าพระของอาจารย์หรือพระของศิษย์

แต่ด้วยความเป็นศิษย์สายตรง องค์เดียวอย่างแท้จริง ทำให้พระพิมพ์ที่ท่านสร้างได้รับความนิยม ใช้แทน “พระสมเด็จฯ” อย่างสูงสุด ซึ่งมีพระพิมพ์ปรากฏทั้งที่เป็น เนื้อผงพุทธคุณ สีขาวอมเหลือง ซึ่งมอบเป็นที่ระลึกผู้ร่วมกุศล คราวรับฐานาสมณศักดิ์ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์

และ เนื้อสีดำเทาอมเขียว ที่นำบรรจุองค์พระเจดีย์รอบพระอุโบสถ ซึ่งต่อมามีการค้นพบพระพิมพ์ดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๑ พบ พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงใบลานสีเนื้อดำเทาอมเขียว มีไขกรุ (ไขวัว) ขึ้นเกาะแน่น เข้าผิวเนื้อ ทุกองค์

...

จำนวนพระนับพันองค์ แยกพิมพ์ได้มากกว่า ๒๐ พิมพ์ อาทิ พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ซุ้มประตู พิมพ์ครอบแก้ว พิมพ์พระปิดตา--และ พิมพ์โมคคัลลาน์สารีบุตร แบบองค์นี้ ของ เสี่ยวิกรม จันทระเปารยะ ซึ่งจัดอยู่ในหมวด พระพิมพ์พิเศษ ที่มีพบน้อย หายาก มีผู้นิยมมาก เพราะเชื่อว่า สมเด็จฯโต มีส่วนร่วมสร้าง และยังเชื่อในพิมพ์พระว่าจะได้พึ่งพาพุทธคุณ ทั้งบู๊และบุ๋น ในองค์เดียวพร้อมกัน

พระพิมพ์ไก่หางพวง หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ของจตุโชค สัยยะนิฐี
พระพิมพ์ไก่หางพวง หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ของจตุโชค สัยยะนิฐี

ตามมาด้วย พระพิมพ์ไก่หางพวง หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค พระนครศรีอยุธยา ของ เสี่ยจตุโชค สัยยะนิฐี

นักนิยมพระสายตรง หลวงพ่อปาน เห็นองค์นี้แล้วต้องคุ้นตา เพราะเป็นองค์แชมป์งานประกวดใหญ่ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ และถือว่า แชมป์วงการ มาตลอด จึงถูกยกขึ้นเปรียบเทียบทั้งความงาม สมบูรณ์และราคาเสมอ ปัจจุบันที่มีพระพิมพ์นี้องค์งามๆมาปรากฏ ก็ยังไม่มีองค์ไหนชิงแชมป์ได้

...

เหรียญอาร์มรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๑ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง หลวงพ่อธรรมจักร วัดเขาธรรมามูล ของอิทธิ ชวลิตธำรง
เหรียญอาร์มรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๑ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง หลวงพ่อธรรมจักร วัดเขาธรรมามูล ของอิทธิ ชวลิตธำรง

ถัดไปเป็น เหรียญอาร์ม รุ่นแรก เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง พ.ศ.๒๔๖๑ หลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท พระพุทธรูปคู่เมืองชัยนาท ลักษณะเป็นพระปางห้ามญาติ ความสูงราว ๖ ศอก เนื้อเป็นโลหะสัมฤทธิ์ (ปัจจุบันพอกปูนทับไว้)

มีตำนานว่า องค์ท่านลอยจากเมืองเหนือ มาตามลำนํ้าเจ้าพระยา มาหยุดลอยวนอยู่หน้าท่าน้ำวัดธรรมามูล เจ้าอาวาสและชาวบ้านเห็น จึงช่วยกันใช้เชือกกับสายสิญจน์ลงไปผูกองค์ท่าน ช่วยกันดึงองค์ท่านขึ้นไว้ที่วัด แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงผูกองค์ท่านไว้ที่ท่าน้ำหน้าวัด ตั้งใจกันว่าวันรุ่งขึ้นจะมาช่วยกันนำองค์พระท่านขึ้นวัดให้สำเร็จ

แต่ตอนเช้า ทั้งพระทั้งชาวบ้านก็รีบไปดูตรงที่ผูกองค์พระไว้ แต่ไม่พบ ช่วยกันหาก็ไม่เจอ ก็เข้าใจว่าองค์พระคงหลุดลอยไปตามน้ำแล้ว ก็ถอดใจ แต่ชาวบ้านวิ่งมาบอกว่า พบองค์พระมาอยู่ที่ประตูพระอุโบสถแล้ว จึงช่วยกันนำองค์ท่านเข้าประดิษฐานในพระอุโบสถ ทำพิธีอธิษฐาน ขอองค์ท่านประดิษฐานเป็นพระประธานของวัด เป็นพระคู่เมืองมาถึงปัจจุบัน

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑ ทางวัดได้จัดสร้าง เหรียญรูปจำลอง เป็น เหรียญปั๊มข้างอัดกระบอก ๒ แบบ คือ ทรงน้ำเต้า กับ ทรงอาร์ม แยกพิมพ์ได้ ๕ แบบ คือ ๑.พิมพ์น้ำเต้ายันต์ข้าง พบยากสร้างน้อย ๒.พิมพ์น้ำเต้าหน้าแก่ ๓.พิมพ์น้ำเต้าหน้าหนุ่ม

๔.พิมพ์อาร์มหน้าใหญ่ ๕.พิมพ์อาร์มหน้าเล็ก เนื้อเหรียญพิมพ์น้ำเต้า พบมีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อทองแดง ส่วนพิมพ์อาร์มพบมีเพียงเนื้อเงินเนื้อทองแดง และเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง แบบเหรียญนี้ ของ เสี่ยอิทธิ ที่เป็นเหรียญสภาพสมบูรณ์เดิมๆ กะไหล่ทองเดิมๆ ขนานแท้

เหรียญพระพุทธพิมพ์บัวบาน เนื้อชินเงิน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ของอนุศักดิ์ กิตติศิริสวัสดิ์
เหรียญพระพุทธพิมพ์บัวบาน เนื้อชินเงิน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ของอนุศักดิ์ กิตติศิริสวัสดิ์

ตามมาคือ เหรียญพระพุทธ พิมพ์บัวบาน เนื้อชินตะกั่ว หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ๑ใน เหรียญพระพุทธ เนื้อชินตะกั่ว พิมพ์นิยม หายากสุดๆ ในตระกูลเหรียญพระพุทธของ หลวงปู่ศุข

ที่สำคัญมีพบเห็นเล่นหาอยู่เพียง เนื้อเดียว ราคาค่าความนิยมสูง อยู่ที่หลักมากแสน องค์นี้ ของ เสี่ยอนุศักดิ์ กิตติศิริสวัสดิ์

เหรียญหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รุ่นแรก พ.ศ.๒๕00 ของเฮียอัด เต่ามังกร
เหรียญหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รุ่นแรก พ.ศ.๒๕00 ของเฮียอัด เต่ามังกร

อีกเหรียญเป็น เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๐ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง หลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน มาเลเซีย พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ผู้มีวิชาอาคมเข้มขลัง ได้รับความเคารพศรัทธาทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิม เพราะวัดของท่านเดิมตั้งอยู่ในเขตประเทศไทย ที่มีทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิมอาศัยอยู่ ต่างก็มีความเลื่อมใสในวัตรและวิชาอาคม ที่ท่านใช้ช่วยเหลือชาวบ้าน

ตลอดอายุท่านได้สร้างวัตถุมงคลแจกชาวบ้านไว้พอสมควร ที่มีชื่อเสียง คือ พระปิดตาเนื้อผงยา ลอยองค์ ลงจารอักขระลายมือทั่วองค์ โดยเฉพาะรุ่นแรกๆ ได้รับความนิยมเป็น พระปิดตา อันดับ ๑ ของเมืองใต้ พระแท้องค์สวยสมบูรณ์สภาพเดิมๆ ราคาสูงถึงหลักหลายๆล้าน

ต่อมาท่านจึงได้สร้าง เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๐ ออกให้สาธุชนบูชานำรายได้สร้างพระอุโบสถ ดังมีข้อความบอกชัดไว้ด้านหลังเหรียญ องค์นี้เป็นของ เฮียอัด เต่ามังกร ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น เหรียญแชมป์ องค์จริง เพราะสวยสมบูรณ์คมชัด และกะไหล่ทองเดิมๆ แบบเต็มร้อย ที่ยากจะหาองค์สวยสู้ได้

เขี้ยวเสือแกะ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ของบอย เชียงใหม่
เขี้ยวเสือแกะ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ของบอย เชียงใหม่

สุดท้ายเป็น เขี้ยวเสือแกะ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ของ เสี่ยบอย เชียงใหม่ พิจารณาจากภาพน่าจะเป็น เสือขนาดกลาง นั่งยอง ชูคู่ขาหน้า หน้าบ้องแบ๊วเหมือนหน้าแมวมากกว่าเสือ

ตากลม แบบที่เรียก ตาลูกเต๋า ใต้ฐานมี รอยจารอักขระยันต์กอหญ้า รอบรูกลวงทรงกลมใต้ฐานของเขี้ยว ที่ส่องทะลุหัว ที่เรียกว่า เขี้ยวโปร่งฟ้า ครบสูตรตาม ตำราพิจารณาเขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ที่นักนิยมเครื่องรางยุคก่อนเขียนเป็นคำคล้องจองไว้ว่า “เขี้ยวโปร่งฟ้า ยันต์กอหญ้า หน้าแมวตาลูกเต๋า”

ประกอบกับดูสีเนื้อเหลือง มีแสงมันเงาจากอายุความเก่าแบบ “เนื้อเทียน” และฝีมือการแทงเส้นศิลป์ด้วยเครื่องมือพื้นฐานคือ มือแฮนด์เมด ให้ส่องเห็นอยู่ครบเครื่องในเสือตัวนี้ ของ เสี่ยบอย เชียงใหม่ ที่ปัจจุบันเป็นเครื่องรางอินเทรนด์ ที่มีราคาถึง หลักล้าน ตามขนาดและศิลปะการแกะ ที่สำคัญต้องเป็นของแท้ดูง่ายๆ

ลากันด้วยเรื่องปิดท้าย ของ เสี่ยชัย เจ้าของโรงไม้ใหญ่ ใน กทม. อดีตเป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นนักนิยมพระเครื่องตัวยง ปัจจุบันก็ยังมีความนิยมสะสมพระเครื่อง แต่เปลี่ยนวิธีหา ที่ซื้อจากเซียนเป็นหาเอง

โดยมีสายคอยส่งข่าว มีพระดีที่ไหน เสี่ยชัย ก็ตามไปดู จึงออกจากบ้านเกือบทุกวัน ลูกเมียก็ไม่ว่าเพราะเห็นว่า เสี่ยชัย ชอบแต่พระ ไม่เคยเฉไฉไปชอบชี

เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ที่โควิดระบาดแรงขึ้น ลูกเมียก็เป็นห่วง ช่วยกันพูดเตือนขอให้ เสี่ยชัย หยุดออกจากบ้าน เพราะอายุ ๗๐ ปีแล้ว เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด และคนสูงวัยติดแล้วส่วนมากตาย ที่สำคัญ คือกลัวจะนำเชื้อมาติดในครอบครัว

เสี่ยชัย ฟังลูกเมียขอร้อง ก็รับปากว่าจะไม่ออกจากบ้านไปไหนแม้นาทีเดียว เพราะรักตัวกลัวตายเหมือนกัน และไม่อยากเป็นคนทำให้ครอบครัวเดือดร้อน

จากวันนั้นถึงวันนี้ ยาวนานเกือบสองเดือน เสี่ยชัย ก็ไม่ออกจากบ้านจริง จนวันหนึ่งมีสายพระโทร.มาส่งข่าว คุยกันนาน เสี่ยชัย ก็มีอาการลุกลี้ลุกลน รีบแต่งตัว เหมือนจะออกจากบ้าน

เมียดูอยู่ก็เอาตัวเข้าขวาง ถามว่า เฮียจะออกไปไหน ทนอยู่บ้านมาได้ตั้งสองเดือนออกวันนี้ยิ่งอันตรายใหญ่ ดูข่าวบอกว่ามีคนติดเชื้อวันหนึ่งมากกว่า ๒ หมื่นคนแล้วนะ

เสี่ยชัย ทำตาปริบๆ อธิบายว่า ที่ผ่านมาสองเดือนอั๊วทนได้ เพราะสายรายงานมามีแต่พระย่อยๆ แต่วันนี้ทนไม่ได้ ต้องขออนุญาตออกไป สัญญาว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ให้ติดเชื้อได้แน่ เพราะสายรายงานมาว่า มีจักรพรรดิพระเครื่อง คือ พระสมเด็จวัดระฆังฯ องค์สวยด้วย รอขายอยู่

เสี่ยชัย จึงทนไม่ไหว เพราะเป็นพระในฝัน ที่หามาทั้งชีวิต โคว่งโควิดก็ไม่กลัวแล้ว เพราะถ้าตาย ก็ตายตาหลับ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง