ความรู้เรื่องพระกริ่งปวเรศฯ วัดบวรฯนั้น...ผู้รู้รุ่นเก่ายึดองค์ในเก๋งจีนดินเผา ที่วันนี้ถูกเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์วัดบวรฯ เป็นองค์ “นับหนึ่ง” แล้ว “นับสอง” เทียบเคียงความเหมือนความแตกต่างกับองค์ “หม่อมล้ำ” (ม.ร.ว.ล้ำเลิศ หัศดินทร ณ อยุธยา)
ประชุม กาญจนวัฒน์ นำภาพถ่ายขาวดำ ตีพิมพ์และเขียนอธิบายถึงองค์ “หม่อมล้ำ” ไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงสร้อยทอง วัฒนายากร ที่ปัตตานี เมื่อปี 2514 และทิ้งท้ายด้วยคำเตือนว่าพระกริ่งปวเรศฯแท้นั้น ท่านสร้างไว้ถวายพระราชวงศ์และเจ้านายไม่เกิน 30 องค์พวกชาวบ้านอย่างเราๆอย่าได้ฝันถึงเลย
“พี่ชุม” บอกอีกว่า แม้มีบันทึกว่า หลวงชำนาญเลขา (หุ่น) ไวยาวัจกรวัดบวรฯ ขออนุญาตเอาแม่พิมพ์ไปสร้างเป็นรุ่นที่ 2 ลักษณะคล้ายกัน ทั้งยังมีอีกรุ่นที่เรียกรุ่น “เจ้าคุณเฒ่า” รูปพรรณเหมือนกริ่งปวเรศฯมาก
แต่พระกริ่งรุ่นสองที่ว่า “คล้ายของปลอม” ที่มีแพร่หลายตอนนั้นจำนวนมาก
ดูจะเป็นคำเตือน...จากเซียนรุ่นใหญ่ ให้คนรักพระรุ่นหลังๆสังวรณ์ไว้...พระกริ่งปวเรศฯปลอมนั้น...ทำกันมานานแล้ว
ใครที่มีภาพจำพระกริ่งปวเรศฯ องค์วัดบวรฯ หรือองค์ “หม่อมล้ำ” ไว้ในใจ หรือมีหนังสือภาพใกล้มือ องค์วัดบวรฯพระไม่ถูกจับต้องผิวยังสมบูรณ์ องค์หม่อมล้ำถูกใช้ช้ำ เปิดให้เห็นเกรนเนื้อหยาบตามุ้งยืนยันความเก่าแท้
แล้วลองเทียบเคียง พระกริ่งปวเรศฯองค์ในคอลัมน์วันนี้ โทนสีผิวละม้ายไปทางเดียวกัน
ข้อต้องพิจารณา ภาพถ่ายองค์วัดบวรฯ ภาพแรก ผิวยังเป็นสีเทา ส่วนฐานมองทะลุเนื้อในสีแดง ภาพถ่ายครั้งหลัง พระถูกจับต้อง (จากการถูกนำไปเป็นต้นแบบพิมพ์ พระกริ่งปวเรศฯรุ่น 2 พ.ศ.2530) จนผิวดำเป็นมันละเลื่อม
...
ผิวหรือสนิมพระเป็นข้อพิจารณาความเก่าของอายุพระที่สร้างระหว่าง พ.ศ.2417-2434
คนรักพระที่มีประสบการณ์ ผ่านตา พระกริ่งเก่ามามากพอจะเข้าใจ พระกริ่งเก๊แท้นั้น ตัดสินกันจริงๆก็ที่ผิวหรือสนิมและเนื้อเก่าถึงอายุนี่เอง
ตีวงให้แคบเทียบเคียงเส้นสายลายพิมพ์ องค์วัดบวรฯกับองค์ในคอลัมน์ น่าจะทำความเข้าใจได้มากกว่า (องค์หม่อมล้ำภาพถ่ายไม่ชัด)
ดูเผินๆแบบดูหน้าคนที่รู้จัก จมูกจากโคนถึงปลายไม่มีปีกจมูก เห็นเป็นเส้นตรง ตา และปาก ใกล้เคียงกัน
คราวนี้เพ่งสายตามองภาพรวมทุกเส้นสายลายพิมพ์ ทั้งด้านหน้าด้านหลัง ใกล้เคียงกันจนเชื่อได้ว่าฝีมือช่างคนเดียวกัน
ฝีมือช่างคนนี้ แต่งพระกริ่งปวเรศฯชุดนี้ เส้นที่เห็นความต่างชัด คือเส้นขอบจีวรสองเส้นที่ข้อมือซ้าย บั้งเป็นเส้นเฉียงที่เส้นบน ส่วนพระกริ่งปวเรศฯชุดของคุณบุญเหลือ ออประเสริฐ และอีกหลายองค์ ช่างบั้งเส้นชายจีวรเส้นล่าง
หรือประเด็นโค้ดเม็ดงาที่ด้านหลัง ทั้งขนาดของโค้ด ทั้งตำแหน่งของโค้ด ก็ตรงกัน
หากมีเหตุผลให้แบ่งพระกริ่งปวเรศฯ มีรุ่น 1 รุ่น 2 นอกจากเนื้อแดงเนื้อเหลือง ก้นที่ปะแดงหรือเหลือง จะเอาฝีมือช่างเป็นเส้นแบ่งก็น่าจะได้
ไหนๆ ก็หลวมตัว โม้กันถึงขั้นนี้แล้ว ให้ดูอีกเส้น จริงๆแล้วสองเส้น เส้นเหมือนกำไลที่ข้อพระบาทขวา องค์วัดบวรฯกับองค์นี้ เป็นเส้นโค้งเหมือนวงเล็บ ส่วนองค์อื่นๆ ช่างแต่งเป็นเส้นตรง
ถึงวันนี้ ภาพพระกริ่งปวเรศฯที่วงการยอมรับ...ดูจะถึงยี่สิบองค์เข้าไปแล้ว ลองไล่เรียงเทียบเคียงดู เส้นกำไลโค้งเป็นวงเล็บมีอยู่ไม่น้อยกว่าสี่ห้าองค์ แต่อย่าถือเป็นข้อชี้เก๊แท้คงไม่ได้ นี่คงเป็นแค่อารมณ์ละเมียดละไมของช่าง
ทิ้งท้ายเป็นข้อเตือนให้อีกสักนิด...เรื่องเส้นสาย พระปลอมทำตามได้ทัน แต่เรื่องผิวสนิมเก่าแท้...ยังไกล รักพระกริ่งปวเรศฯมีสิทธิ์รักได้เท่ากัน แต่อย่าเผลอหลงพวกเนื้อทองคำ ฝังหมุดที่หน้าผากอะไรนั่น นอกครูทั้งเพ.
พลายชุมพล