พระปิลันทน์ พิมพ์ซุ้มประตู สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์ฯ) วัดระฆังฯ เขตบางกอกน้อย กทม. พบจากการเปิดกรุพระเจดีย์รอบพระอุโบสถ วัดระฆังฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ มีพิมพ์พระมากกว่า ๒๐ พิมพ์ เนื้อพระ มาตรฐาน มี ๓ ลักษณะ คือ ๑.เนื้อสีเทามีทั้งหยาบละเอียด เนื้อในสีออกเขียว มีจุดดำ น้ำตาล ขาว ประปรายพอให้ส่องเห็น พบมากสุด
______________
@ เริ่มนับถอยหลังสู่วันสิ้นปี 63 กันด้วยคำสอนของหลวงปู่ทอง จันทสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ที่น่านำมาใช้ในยุคที่มีแต่ความขัดแย้ง ต้องการเอาชนะ ไม่มีใครยอมรับฟังกัน ท่านจึงว่าหัดเสียสละ ความรู้ที่ไม่ดี ที่มีอยู่ในจิตใจออกไปบ้าง หัดสละความโกรธ ความแค้น ไม่พอใจ ออกไปจากใจบ้าง ก็เป็นการทำทาน....
@ เริ่มกันที่ พระวัดพลับ พิมพ์ปิดตา สมเด็จพระญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดราชสิทธาราม (พลับ) เขตบางกอกใหญ่ กทม. ซึ่งเป็นพระพิมพ์นิยมแถวหน้าในสกุล “พระวัดพลับ” ที่ประวัติการสร้างยังสับสน ว่าสร้างไว้โดย สมเด็จพระญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) เจ้าอาวาสวัดท่าหอย อยุธยา ผู้เข้มขลังขมังเวทด้านวิชาเมตตามหานิยม เสกข้าวสารเลี้ยงไก่ป่าให้เชื่องเป็นไก่บ้านได้ หรือ หลวงตาจัน พระภิกษุลูกวัดชาวเขมร ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ากันแน่....
...
@ ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัด แต่ล่าสุดมีเหตุผลที่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่าเป็นพระที่สร้างบรรจุกรุในสมัย สมเด็จพระญาณสังวร (สุก) ซึ่งรับนิมนต์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ไปครองตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดพลับ ก่อนสร้างวัดและองค์พระเจดีย์ ขยายยุบรวมเป็น วัดราชสิทธาราม แล้วแน่นอน โดยมี หลวงตาจัน เป็นพระลูกวัดปรนนิบัติใกล้ชิด....
@ การสร้างพระ บรรจุองค์พระเจดีย์วัดหลวง ถือเป็นธรรมเนียมของเจ้าอาวาส ในการสืบอายุพระพุทธศาสนา และพุทธศิลป์ในพิมพ์พระ เป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ เรียบง่ายคลาสสิก อย่างฝีมือช่างหลวง....
@ จึงมีความเชื่อใหม่ให้คิดว่า เป็นไปได้ไหมว่า พระวัดพลับ เป็นพระที่สร้างตามประสงค์สมเด็จพระญาณสังวร โดยมอบหน้าที่ให้หลวงตาจัน เป็นผู้ดำเนินการ....
@ พระสำนักนี้ มีพิมพ์มาตรฐาน มากกว่า ๑๐ พิมพ์ เรียงลำดับความนิยม ๑.พระพิมพ์ยืนวันทาเสมา ๒.พระพิมพ์ปิดตา ๓.พระพิมพ์ตุ๊กตาใหญ่-เล็ก ๔.พระพิมพ์พุงป่องใหญ่-เล็ก....
@ ๕.พระพิมพ์สมาธิเข่ากว้าง ๖.พิมพ์สมาธิใหญ่-กลาง-เล็ก ๗.พิมพ์ตุ๊กตาใหญ่-เล็ก....
@ เป็นพระ เนื้อผงพุทธคุณผสมมวลสาร แก่ปูนเปลือกหอย พบบรรจุในองค์พระเจดีย์ ซึ่งอยู่ในที่สูงพ้นน้ำ จึงปรากฏคราบกรุเป็นเพียงฝ้าขาว ขาวอมเหลือง จับองค์พระ เข้าผิวเนื้อเพียงบางๆ....
@ ส่วนหนึ่งปรากฏเป็นเม็ดตุ่ม เนื้อสีขาวอมน้ำตาล เรียกว่าเนื้องอก เชื่อได้ว่าเป็นพระเนื้อผง ต้นแบบพระสมเด็จวัดระฆังฯ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งเป็นศิษย์ผู้สืบทอดสรรพวิชาสายตรงของ สมเด็จฯสุก....
@ องค์นี้ของ เสี่ยคำรณ สัยยะนิฐี เป็นพระสภาพสวยสมบูรณ์เดิมๆ เนื้อพระสีนวลขาวอมเหลือง มีคราบฝ้ากรุจับเข้าเนื้อเพียงบางเบา ดูสวยสะอาดตา สมตำแหน่งพระแชมป์ ที่มีภาพในหนังสือพระเครื่องมาตรฐานมากมาย--ราคาปัจจุบัน หลักแสนปลายๆ....
@ ตามมาด้วย พระกริ่งสวนเต่า ปางสมาธิ ซึ่งมีบันทึกว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ ทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดสร้าง เพื่อมอบพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๕๑ คราวเสด็จฯกลับจากประพาสยุโรป....
@ ประกอบพิธีเททองสร้าง บริเวณ สวนเต่า ในวัดพระแก้ว พระบรม มหาราชวัง โดย สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสฺเทว) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมโกษาจารย์ เป็นเจ้าพิธี....
@ ลงจารแผ่นยันต์นะ ๑๐๘ ปถมัง ๑๔ เป็นชนวนหลอมโลหะ เทหล่อโบราณ ในแม่พิมพ์ฝีมือช่างหลวง องค์พระนั่งเหนือฐานบัวสูงสองชั้น พระหัตถ์ถือมงคลวัตถุ เช่น หม้อน้ำมนต์ หอยสังข์ ดอกบัว ธรรมจักร และสมาธิ แบบองค์นี้ของ เสี่ยพิทยบรรณ ว่องปรีชา....
...
@ ต่อไปเป็น พระปิลันทน์ พิมพ์ซุ้มประตู สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์ฯ) วัดระฆังฯ เขตบางกอกน้อย กทม. ....
@ พบจากการเปิดกรุพระเจดีย์รอบพระอุโบสถ วัดระฆังฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ มีพิมพ์พระมากกว่า ๒๐ พิมพ์ เนื้อพระ มาตรฐาน มี ๓ ลักษณะ คือ ๑.เนื้อสีเทามีทั้งหยาบละเอียด เนื้อในสีออกเขียว มีจุดดำ น้ำตาล ขาว ประปรายพอให้ส่องเห็น พบมากสุด....
@ ๒.เนื้อผงใบลานจำนวนน้อยกว่าเนื้อเทา เนื้อละเอียดแกร่ง หนึกนุ่ม มักมีคราบฝ้าขาวจับอยู่ในซอกส่วนลึก เมื่อผ่านการสัมผัสใช้จะเลือนหายไป ๓.เนื้อขาวกับขาวอมเหลือง พบน้อยสุด ส่วนมากเป็นพระที่ไม่ได้บรรจุกรุ ส่วนใหญ่เป็นพิมพ์สี่เหลี่ยมอย่างพิมพ์ ปรกโพธิ์ พิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่ ซุ้มครอบแก้ว....
@ องค์นี้ของ ดร.หมอ เป็น พระพิมพ์ซุ้มประตู ที่ นิยมสูงสุด สภาพงามสมบูรณ์เดิมๆทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ คราบกรุไขขาว บางๆกำลังงาม เด่นสุดที่สีเนื้อดำแกมเขียว ที่ถือเป็นเนื้อครู ดูง่ายสุด นิยมสุด เยี่ยมจริงๆ....
@ รายการต่อไปเป็น พระร่วงนั่ง หลังลิ่ม กรุวัดช้างล้อม เมืองศรีสัชนาลัยอ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย พระกรุยอดนิยม ค้นพบครั้งแรกที่ กรุวัดช้างล้อม และต่อมาที่ กรุแก่งสาระจิต ผิวมีปรอทขาว หลังสุดที่ กรุเขาพนมเพลิง....
@ ลักษณะเป็นพระนั่งปางมารวิชัย พุทธศิลป์สมัยอู่ทองหน้าแก่ เทหล่อครึ่งซีก มีองค์พระเฉพาะด้านหน้า ด้านหลังเรียบ กลางองค์เป็นร่องลึกคล้ายลิ่ม เป็นที่มาของชื่อเรียก พระร่วงนั่งหลังลิ่ม--เนื้อพระส่วนใหญ่เป็น ชินเงิน เนื้อดินมีจำนวนน้อยนับองค์ได้....
@ และยังมีพบ พระพิมพ์หลังตัน ที่วัดเขาพนมเพลิง ที่มีขนาดองค์ย่อมกว่า เชื่อว่าเป็นพระที่นำ พระร่วงนั่งหลังลิ่ม มา ถอดพิมพ์ สร้างยุคหลัง อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ สูงด้านคุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดภัย เสริมอำนาจวาสนาบารมี และยังมีประสิทธิภาพสูงด้าน โชคลาภ....
...
@ องค์นี้ของ นพ.อติชาติ หยงสตาร์ พิจารณาได้ว่าเป็นพระกรุวัดช้างล้อม สภาพสมบูรณ์ สวยเดิมๆ แท้ดูง่าย เคลียร์แอนด์คลีน ไม่มีเสริมแต่งใดๆ เป็นพระทรงค่าที่ยากจะหาพบเห็นได้ในปัจจุบัน....
@ ถัดไปเป็น พระชัยวัฒน์ ชินบัญชร กะไหล่ทอง พ.ศ.๒๕๑๗ พระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่ทิม อิสริโก) วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ประกอบพิธีสร้างพร้อม พระกริ่ง พระสังกัจจายน์ พระปิดตา ชุดชินบัญชร เมื่อวันที่ ๕ พ.ศ.๒๕๑๗ ....
@ เป็นวัตถุมงคล สร้างชื่อเสียง รุ่นแรกๆของ “หลวงปู่ทิม” ด้วย พิธีกรรมการสร้างที่ถูกต้องตามตำรับวิชา แบบโบราณ....แผ่นยันต์จารพระคาถาชินบัญชร นะ ๑๐๘ ปถมัง ๑๔ และอานุภาพความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในการปลุกเสกเดี่ยวของท่าน ทำให้มีประสบการณ์เป็นอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์รอบด้าน เป็นที่เลื่องลือแพร่หลาย ได้รับความนิยมสูง....
...
@ โดยเฉพาะชาวเมืองระยอง มีคำกล่าวว่าเป็นพระเครื่องคู่ตัวชาวระยอง องค์นี้ของ เสี่ยอนุศักดิ์ กิติศิริสวัสดิ์ เป็นพระสภาพสมบูรณ์สวยเดิม โค้ดใต้ฐานตอกลึก ติดเต็มคมชัด เป็นจุดพิจารณาสำคัญที่ ห้ามลืม ถ้าไม่อยากโดนหลอก....
@ อีกรายการ เป็น รูปเหมือน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กรมราชองครักษ์ รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๑๖ ซึ่งทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ กรมสมุหราชองครักษ์ (มหาดเล็กหลวง) จัดสร้างเป็นที่ระลึก ในวาระครองราชย์ครบ ๒๕ ปี....
@ ลักษณะเป็นพระบรมรูปจำลอง ทรงเครื่องแบบทหารบกครึ่งพระองค์ ออกแบบโดย อ.ไข่มุก ชูโต หัวหน้ากองหัตถศิลป์ในพระองค์ ด้วยเนื้อโลหะผสม จำนวน ๒,๕๑๖ พระองค์....
@ ด้านหน้าใต้พระองค์เป็นองค์ครุฑ ตราแผ่นดิน ด้านหลังส่วนล่างสลักอักษรบอกข้อมูลการสร้าง เพราะจำนวนสร้างที่มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการของผู้เทิดทูนจงรักภักดี ราคาจึงสูงถึงหลักแสนต้นและหาไม่ง่าย....
@ องค์ต่อไปคือ พระพุทธ เศียรแหลม เนื้อตะกั่วลบถม หลวงพ่อผุด วัดวังเวียน จ.จันทบุรี พระอมตะเกจิอาจารย์ของเมืองจันทบุรี ผู้สำเร็จ วิชากสิณ จากสำนักวัดประดู่โรงธรรม เช่นเดียวกับ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เป็นพระสหมิกธรรมกับ หลวงปู่จีน วัดท่าลาด เมืองแปดริ้ว หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เมืองชลบุรี....
@ ท่านสร้าง พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก และเนื้อตะกั่วลบถม พิมพ์กลีบบัวใหญ่ กลาง เล็ก ไว้พอสมควร มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ด้านเมตตามหานิยมสูง ได้รับความนิยมแพร่หลาย แต่ตอนนี้หายากมาก องค์นี้ของ เสี่ยเบิ้ล ท่าพระจันทร์....
@ สุดท้ายเป็นเครื่องรางของขลัง คชสีห์ งาแกะหลวงปู่เฮง วัดเขาดิน อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ อมตะพระเกจิฯ แห่งเมืองปากน้ำโพ ต้นตำรับผู้สร้างเครื่องรางของขลัง คชสีห์ งาแกะ ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนานทีปีหนจะมีของดีทีเด็ดท่านมาให้ชม....
@ ท่านกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๒ ที่บ้านมหาโพธิ์ อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ พอท่านเกิดครอบครัวมีรายได้ดี จึงให้ชื่อว่า เฮง วัยเด็กมีนิสัยเมตตาต่อสัตว์ ขนาดบิดาให้เฝ้านา มีนกมากินข้าวยังไม่ยอมไล่ และรักการศึกษา เมื่อมีเวลาจะไปหา หลวงพ่อทับ วัดมหาโพธิ์ เพื่อเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาอาคมต่างๆ อายุ ๑๒ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ ๔ พรรษา ถึงอายุครบได้อุปสมบทปี พ.ศ.๒๔๒๓ ณ พัทธสีมา วัดมหาโพธิ์ มี พระครูกิ๋ม เจ้าอาวาสเป็นพระอุปัชฌาย์....
@ ศึกษาพระธรรมวินัย วิชาโหราศาสตร์ วิชาพุทธาคม สำเร็จแล้วยังได้เรียนสรรพวิชากับพระธุดงค์ ที่มักมาพักที่วัดมหาโพธิ์ ต่อมาได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขาถึงประเทศพม่า เขมร ลาว หลายครั้ง....
@ ได้ศึกษาถึงธรรมชาติ การใช้ชีวิตของสัตว์ป่าอย่างรู้ซึ้ง สามารถเรียกอาการ ๓๒ ของสัตว์ที่ตายแล้ว มาเข้าอยู่ในรูปจำลองรูปสัตว์ เช่น คชสีห์ สิงห์ เสือ หมู ที่ท่านสร้างจาก งาช้าง ซึ่งเป็น ทนสิทธิ์ ๒ ประเภท ที่เก็บได้จากการออกธุดงค์ คือ งากำจัด คือ งาช้างตัวผู้ที่ตกมัน แทงหักคาอยู่กับต้นไม้ กับ งากำจาย คืองาช้างตัวผู้ที่ต่อสู้ชิงความเป็นจ่าฝูง จนงาแตก ตกอยู่ในป่า....
@ วัตถุมงคลรูปสัตว์ โดยเฉพาะ คชสีห์ ที่มีศิลปะการแกะด้วยฝีมือช่างชั้นครู มีอานุภาพความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ปรากฏด้านคุ้มครองป้องกันภัย เสริมบารมี อำนาจ เมตตามหานิยม อย่างสูงครบเครื่อง มีชื่อเสียงแพร่หลาย ได้รับความนิยมสูงจากอดีตถึงปัจจุบัน....
@ ท่านมรณภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔ สิริอายุ ๘๓ ปี พรรษา ๖๓ โดยมีศิษย์ผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาสร้างสิงห์ที่มีชื่อเสียงมาก คือ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์....
@ ปัจจุบัน คชสีห์ งาแกะ ที่ท่านสร้างไว้ เป็นเครื่องรางหลักยอดนิยม หายาก ราคาแพง ตัวงามๆ สภาพสมบูรณ์ ดูง่ายๆอย่างในภาพนี้ของ เพชร อิทธิ น่าจะอยู่ที่หลักแสนปลายๆ....
@ ลาด้วยเรื่องปิดท้ายฮาๆ ในงานพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ณ พระอุโบสถวัดดัง ในจังหวัดชายแดนภาคตะวันออก ซึ่งได้นิมนต์พระเกจิฯ มีชื่อเสียงจากกัมพูชา เข้าร่วมพิธีด้วยหลายองค์ เพราะเป็นที่รู้กันว่า “มนต์เขมร” เป็นต้นตำรับวิชาแห่งความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์....
@ เมื่อได้ฤกษ์ยามเริ่มพิธี พระเกจิฯทั้งไทย-เขมร เข้านั่งประจำที่ทำสมาธิในพระอุโบสถเรียบร้อย พระพิธีธรรมเริ่มสวดมนต์ บรรดาฆราวาส ลูกศิษย์ ผู้ติดตามพระเกจิ ก็ไปนั่งรายรอบในที่จัดเตรียม....
@ นายสมัย ลูกศิษย์พระเกจิฯดังของไทย ได้นั่งติดกับลูกศิษย์พระเกจิฯเขมรที่พูดไทยได้ ก็นึกอยากรู้ว่าพระเกจิฯเขมร มีความแก่กล้าเข้มขลังขมังเวท จริงดังคำร่ำลือหรือไม่ จึงแนะนำตัว ทักทาย แล้วถามว่า เท่าที่ได้ติดตามพระอาจารย์ ไปตามงานต่างๆ เคยได้เห็นอัศจรรย์ในการปลุกเสกบ้างหรือไม่....
@ ศิษย์เขมร ฟังแล้วยืดตัวตอบด้วยท่าทีเหนือๆ ทันทีว่า ที่เห็นบ่อย ก็วัตถุมงคลที่ปลุกเสก กระโดดลอยได้กับตา....
@ นายสมัย ก็ตื่นเต้น บอกถ้าทำได้ขนาดนั้น พระเกจิฯไทยคงสู้ไม่ได้ เพราะเคยได้ยินเป็นแค่เรื่องเล่า ไม่เคยเห็นกับตา....
@ ยังไม่ทันสิ้นเสียง ลุงทองดี ศิษย์พระวัยเกษียณ ที่นั่งฟังอยู่แถวหลัง ก็ส่งเสียงขึ้นทันที พร้อมชี้ให้ดู ผู้เข้าร่วมพิธีที่เป็นพวกเข้าทรง พวกสักยันต์ กำลังแสดงอาการของขึ้น อวดอิทธิฤทธิ์ กระโดดโลดเต้น ตีอก ชกตัว ส่งเสียงภาษาเทพ ภาษาสัตว์ เจี๊ยวจ๊าว....
@ ลุงทองดี ยืดอก บอกว่า พระเกจิเขมร แค่เสกพระเครื่องกระโดดได้ แต่ พระเกจิฯไทย เสกคนให้กระโดดได้ สรุป เก่งกว่าเยอะเจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง