เซียนพระรุ่นเก่า ส่วนหนึ่งมีประสบการณ์ขั้น ซื้อพระจากปากกรุ และพบว่ามีพิมพ์คล้ายๆกันอีกหลายกรุ จึงมักเรียกชื่อกรุตามหลัง เช่น ซุ้มกอกรุวัดพิกุล ซุ้มกอกรุฤาษี ฯลฯ
แต่เมื่อวันวารผ่านมา ห้าหกสิบปี เซียนพระรุ่นใหม่ บอกได้ว่า พระพิมพ์ไหน และอีกคำที่สำคัญ คือพระแท้...
ส่วนเรื่องชื่อกรุ ที่แสดงภูมิปัญญาลุ่มลึกระดับเซียนเหนือเซียนนั้น หากพูดออกมาจะถูกหาว่าโม้ จึงดูเหมือนว่าวันนี้ จะเลิกพูดกันไปแล้ว
ผมมีหนังสือภาพพระเครื่องของ ประชุม กาญจนวัฒน์ อยู่ใกล้มือ หยิบมาเปิดดู เรื่องพระกำแพงซุ้มกอ ตั้งใจอ่านทบทวนอีกครั้ง ครั้งนี้พบว่า เซียนที่นับถือกันว่า “รุ่นลายคราม” รู้จักพระกรุพระซุ้มกอ จริงจังชัดเจน
เริ่มต้นเรื่องที่มาของการค้นพบพระซุ้มกอกันก่อน...คนรักพระรุ่นใหม่หลายคนไม่รู้
พ.ศ.2392 สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต วัดระฆัง ขึ้นไปเยี่ยมญาติที่เมืองกำแพงเพชร ท่านได้อ่านศิลาจารึกหลักที่ 3 ที่วัดเสด็จ จึงรู้ว่ามีโบราณสถานและพระบรมธาตุ อยู่ทางทิศเหนือฝั่งนครชุม เป็นที่มาของการพบวัดพระบรมธาตุ และพระเจดีย์สามองค์ ที่พระมหาธรรมราชาลิไท กษัตริย์สุโขทัย สร้างไว้เมื่อ พ.ศ.1900
ต่อมา เมื่อมีการบูรณะวัดพระบรมธาตุ มีการเปิดกรุที่องค์พระเจดีย์ พบพระเครื่องและวัตถุโบราณล้ำค่ามากมาย พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ มีลายกนก พบบ้างแต่จำนวนน้อย
กรุนี้ถูกหมายตา...เรื่อยมา จึงมีการขุดพบพระเครื่องอีกหลายครั้ง พ.ศ.2490 พ.ศ.2511 พบบ้างไม่มาก
มีผู้จดจำได้แม่นยำว่า พ.ศ.2505 พ.ศ.2509 มีการขุดพบพระซุ้มกอ อีกหลายกรุ กรุวัดพิกุล กรุฤาษี กรุนาตาคำ กรุตาพุ่ม กรุวัดน้อยบ้านไร่
พระพิมพ์ซุ้มกอ ผู้รู้บอกว่า เป็นศิลปะสุโขทัยยุคต้น (แบบวัดตะกวน หรือสุโขทัยผสมลังกา) เห็นพ้องต้องกันว่า งดงามอลังการกว่า พระกรุทุ่งเศรษฐีทั้งปวง เชื่อกันว่าทรงไว้ซึ่งพระพุทธคุณด้านแคล้วคลาดจากภยันตราย
...
และเมตตามหานิยม หนักทางให้โชคลาภ จนพูดกันว่า “มึงมีกูไว้ไม่จน”
หนังสือพี่ชุม มีภาพพระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ มีลายกนก ตีพิมพ์ให้เห็นด้านหน้า เรียงรายอยู่ 10 องค์ ทุกองค์มีที่มาชัดเจน เจ้าของเป็นใคร ได้มาจาก “กรุไหน”
นอกจากกรุวัดพิกุล กรุฤาษี ยังมี กรุทุ่งเศรษฐี ความแตกต่างที่พอสังเกตได้ ซุ้มกอกรุพิกุล และกรุทุ่งเศรษฐี น่าจะพบในสถานที่อับชื้นน้อยกว่า ผิวพระจึงสดใสเกลี้ยงเกลา ขณะที่พระกรุฤาษี พบในที่อับชื้น ดูดซับคราบฝ้าเกิดรารักสีดำไว้หนา
ตัวอย่างซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ พี่ชุมลำดับไว้องค์ที่ 7 เพราะเห็นว่า งามน้อยกว่า รารักปกคลุมจนดำมืดไปทั้งองค์
ต่อมา พระซุ้มกอองค์นี้ เจ้าของ คุณเชียร ธีรศานต์ ซึ่งตามข่าวซื้อมาจากปากกรุ แถวกรุฤาษี ราคา 1 หมื่น 1 พัน ตอนนั้น เทียบราคาพระซุ้มกอด้วยกัน ก็ถือว่าแพงจับใจ คุณเชียร ล้างคราบฝ้ารารัก ออกอย่างใจเย็นๆ ถึง 11 ครั้ง
ผลเมื่อเจ้าเงาะถอดรูป กลายเป็นพระสีแดงสว่าง...สดใสไปทั้งองค์ คุณเชียร จึงตั้งสมญา “องค์เจ้าเงาะ” รู้จักกันนับแต่นั้นมา เป็นพระซุ้มกอองค์ดัง จนกระทั่งเปลี่ยนมือครั้งล่าจากเมืองไทยไปฮ่องกง ในราคาราว 20 ล้าน เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
เอาความรู้พื้นฐานจากประชุม กาญจนวัฒน์ เอาประสบการณ์ดูพระซุ้มกอมาหลายองค์ มาเทียบเคียง พิจารณา พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ มีลายกนก องค์ในคอลัมน์วันนี้ ทั้งแบบพิมพ์ เนื้อหา ไปทางกรุวัดพิกุล
ซึ่งหากเป็นรุ่น ที่ขุดพบครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2392 เทียบกับที่ขุดพบอีกเกือบร้อยปีต่อมา พ.ศ.2490 เปรียบกับพระสมเด็จ ก็ต้องถือว่าเป็นพระซุ้มกอกรุเก่า
ดูจากผิวที่สึกช้ำจากการจับต้อง ดูดซับเหงื่อไคล ไว้ดูเหมือน “ผิวน้ำผึ้ง” (ทฤษฎี มนัส โอภากุล ที่เขียนไว้ในตำราพระผงสุพรรณ) เห็นความละเอียดหนึกนุ่ม ซึ้งตา เมื่อไปตัดกับพื้นผนังสีลาน หรือสีน้ำตาลอ่อน
ระดับความซึ้งตา ของเนื้อพระซุ้มกอแท้... ของปลอมทำได้แค่ตามมาใกล้ๆ ยังแฝงความสดใหม่เอาไว้ให้เห็น
ดูด้านหน้า พิมพ์ถูกต้อง เนื้อเก่าตามอายุพระ 600 ปี ด้านหลังปรากฏ หลุมร่องริ้วรอยตามธรรมชาติ ไม่มีจุดขัดตา ถือได้ว่าเป็นพระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ มีลายกนก องค์แท้ประดับวงการได้อีกองค์.
พลายชุมพล