ฝนตกแทบทุกวันแบบนี้ คนกรุงคงจะเบื่อกับความเฉอะแฉะและความรถติด แต่จริงๆ ฝนตกก็ดีเหมือนกันนะ พืชพรรณต่างๆ ที่เคยแห้งเหี่ยวก็กลับมาฟื้นคืนชีพ แตกหน่อแตกใบรับฝนแรกของปีอย่างสดชื่น โดยเฉพาะขาเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติป่าเขา ขอบอกว่า 'เที่ยวหน้าฝน' นี่แหละเริดสุด

ไทยรัฐออนไลน์ ชวนขาเที่ยวมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวหน้าฝนกันหน่อย หากใครกำลังแพลนทริปท่องเที่ยวช่วงนี้ ควรไปเที่ยวที่ไหนดี? ที่ไหนน่าเที่ยวชมที่สุด? ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย...

1. ภูกระดึง ป่าเขียวขจีอากาศดีเว่อร์!

ก่อนที่ป่ากำลังจะปิดไม่ให้เข้า ใครอยากเที่ยวภูกระดึงทิ้งทวนก่อนป่าปิดต้องไปช่วงนี้เลย เพราะสามารถเข้าไปเที่ยวได้ถึงแค่วันที่ 31 พ.ค. 2561 เท่านั้น (ภูกระดึงเปิดให้เที่ยวระหว่างเดือนตุลาคม-ช่วงเดือนพฤษภาคมในปีถัดไป เป็นแบบนี้ทุกๆ ปี เพื่อปิดป่าให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเอง)

สำหรับ 'อุทยานแห่งชาติภูกระดึง' ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย มีความสูงประมาณ 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยป่าหลายชนิด เช่น ป่าสน ป่าเบญจพรรณ ป่าผลัดใบ ป่าไม่ผลัดใบ กลุ่มพืชหายาก รวมไปถึงสัตว์ป่านานาพันธุ์ อ้อ! เที่ยวหน้าฝนแบบนี้ก็ระวังเจ้าทากดูดเลือดด้วยล่ะ 

...

จากตีนภูไปยังจุดหมายปลายทางข้างบนภู มีระยะทาง 5.5 กม. ตอนที่เราไปเที่ยวที่นี่ เราใช้เวลาเดินจากตีนภูขึ้นไปถึงหลังแป และเดินต่อไปยังจุดที่พัก รวมแล้วประมาณ 5-6 ชม. (บางคนก็ใช้เวลาน้อย แล้วแต่ความฟิตของร่างกาย) 

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวก็น่าประทับใจสุดๆ เพราะวิวข้างบนสวยงามมากจริงๆ โดยเฉพาะการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น และการชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ขอบอกว่าเป็นไฮไลต์ วิวสวยหลักล้าน! ขนาดว่าเราไปมาแล้ว 2 ครั้ง ก็ยังอยากไปเที่ยวอีกอยู่ดี 

2. เส้นทางเดินป่า เขาใหญ่ โคราช

ส่วนใครที่ชอบท่องเที่ยวแนวป่าเขาเหมือนกัน แต่ไม่อยากไปเดินลำบากขนาดนั้น ก็แนะนำให้ไปเที่ยวป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ระยะทางการเดินป่าก็แค่ 2-3 กม. บนทางราบ ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เดินเที่ยวได้ชิลๆ และก็อย่าลืม...ระวังเจ้าทากดูดเลือด เพราะป่าเขาใหญ่ก็มีทากตัวน้อยอยู่เยอะเหมือนกัน (แต่ที่ภูกระดึงมีเยอะกว่า)

เขาใหญ่มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกเที่ยวถึง 5 เส้นทาง ดังนี้ 

- กม.33 หอดูสัตว์หนองผักชี : นักท่องเที่ยวสามารถเดินกันได้เอง ไม่มีอะไรน่ากลัว ระยะไม่ไกล ประมาณ 3 กม. หลังจากจอดรถ เดินเข้าไปยังหอดูสัตว์ จะพบเห็นสัตว์ป่าระหว่างทางได้ง่าย

- ดงติ้ว-หนองผักชี : เริ่มเดินจากฝั่งตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ประมาณ 2.5 กม. ก็จะถึงดงติ้ว ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าและป่าที่กำลังฟื้นฟู มองเห็นจุดชมทิวทัศน์เขาเขียว มีทางแยกให้เดินไปยังหอดูสัตว์หนองผักชี ระยะทางประมาณ 1 กม. เส้นทางนี้จะพบสัตว์ป่าและนกหลากหลายชนิดเลย

- ดงติ้ว-อ่างเก็บน้ำสายศร : จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เดินไปในระยะทางประมาณ 2.5 กม. เดินผ่านทุ่งหญ้าดงติ้วไปถึงอ่างเก็บน้ำมอสิงโต หรืออ่างเก็บน้ำสายศร เส้นทางนี้ชมธรรมชาติชิลๆ เบาๆ ไม่เหนื่อย

- ศูนย์บริการฯ กรองแก้ว-อ่างเก็บน้ำเหวสุวัต : เส้นทางนี้แอดเวนเจอร์ที่สุด สนุกที่สุด ระยะทางไกลที่สุดประมาณ 8 กม. และเป็นเส้นทางที่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางเท่านั้น ห้ามไปกันเองโดยเด็ดขาด ระหว่างทางต้องเดินผ่านลำธารที่ชื้นแฉะ เส้นทางค่อนข้างลำบาก มีทั้งทางราบ ทางชัน ใช้เวลาเดินป่า 4-5 ชั่วโมง เมื่อไปถึงน้ำตกเหวสุวัต มีรถบริการรับกลับที่พักด้วย วิวน้ำตกสวยอลังการ สวรรค์บนดินชัดๆ 

- ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต : ระยะทางสั้นๆ 3 กม. แต่วิวรายทางสวยงามที่สุด เดินเลียบลำธาร ผ่านน้ำตกผากล้วยไม้ ไปจนถึงน้ำตกเหวสุวัต และมีไฮไลต์คือ บริเวณนี้มีการค้นพบจระเข้น้ำจืดหายากอีกด้วย

3. ทุ่งดอกกระเจียว Beauty in the Mist!

มาถึงอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามท่ามกลางหมอกฝน รายล้อมไปด้วยทุ่งเขียวขจี และมีเจ้าดอกแหลมๆ สีชมพู ขึ้นทั่วไปหมด จริงๆ แล้วดอกไม้ชนิดนี้ก็คือ ดอกกระเจียว ดอกไม้กินได้ชนิดหนึ่ง ทุ่งต้นกระเจียวที่ว่านี้กินพื้นที่กว้างไกลสุดสายตาไปทั่วทั้งป่าในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ

...

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ประมาณเดือน มิ.ย.-ก.ค.ของทุกปี ดอกกระเจียวสีชมพูต่างแทงยอดบานชูช่อเคล้าสายหมอก ชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำค้างสดชื่น เป็นช่วงที่เหมาะจะไปเที่ยวชมมากที่สุด

อุทยานแห่งชาติไทรทอง ตั้งอยู่ที่ อ.หนองบัวระเหว อ.เทพสถิต อ.ภักดีชุมพล และ อ.หนองบัวแดง มีเนื้อที่ประมาณ 199,375 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นผืนป่าบนเทือกเขาพังเหย ผืนป่าจะเขียวชอุ่มไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่ ดอกกระเจียวที่ผลิบานอยู่เต็มท้องทุ่ง คนที่นี่เรียกกันว่า 'ทุ่งบัวสวรรค์' อยากรู้ว่าสวยงามแค่ไหน ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาของคุณเอง!

4. เที่ยวน้ำตกใกล้กรุง

หน้าฝนแบบนี้หลายคนคงนึกถึง 'น้ำตก' เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะสวยงามก็ต่อเมื่อเป็นหน้าฝนเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูฝน และช่วงปลายฝนต้นหนาว จะสวยงามมากเป็นพิเศษ หากใครนึกอยากไปเที่ยวน้ำตกใกล้ๆ กรุงเทพฯ เรามีมาแนะนำ 3 แห่ง คือ

- น้ำตกเจ็ดคต โป่งก้อนเส้า : ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี มีเส้นทางเดินป่าเขียวขจีสวยงาม จะได้พบกับเห็ดแชมเปญอันสวยงามขึ้นชื่อ ที่ใครๆ ก็อยากเจอ น้ำตกสวยเป็นชั้นๆ สลับซับซ้อน บรรยากาศก็เย็นสดชื่น ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญพอๆ กับเขาใหญ่ มีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทาง มีบริการบ้านพัก มีจุดกางเต็นท์ และมีร้านค้าสวัสดิการด้วย

...

- น้ำตกปางสีดา : ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นน้ำตกที่ไหลตกลงมาจากผาหิน 3 ชั้น สูงประมาณ 10 เมตร ช่วงฤดูฝนสายน้ำจะไหลลงสู่เบื้องล่างแผ่เต็มลานน้ำตกงดงามมาก เบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำและลานหินกว้าง บรรยากาศดี ร่มรื่นสุดๆ 

- น้ำตกไทรโยคน้อย : ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี อยู่ติดริมถนน เส้นทางระหว่างไทรโยค-ทองผาภูมิ ตั้งอยู่บริเวณ กม.46 เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศร่มรื่นท่ามกลางป่าเขาเขียวชอุ่ม

5. ล่องแก่ง สนุกสุดมัน!

สำหรับขาเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย แนะนำให้ไปเที่ยวล่องแก่งสุดมัน! มีอยู่หลายแห่งให้เลือก เช่น 

...

- ล่องแก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี : ท้าทายกระแสน้ำเชี่ยวกรากในฤดูฝน มีความยากระดับ 3-5 ผ่านแก่งหินและกระแสน้ำที่ลดหลั่นกันไปตามสายน้ำ ล้อมรอบด้วยแนวป่าอันอุดมสมบูรณ์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 

- ล่องแก่งน้ำปาย จ.แม่ฮ่องสอน : ไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนในช่วงหน้าฝน ต้องไปโดนกิจกรรมล่องแก่งให้ได้เพราะมันสนุกมาก! มีระยะทางรวมทั้งสายกว่า 50 กิโลเมตร มีความยากระดับ 3-5 ท้าทายเหล่านักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้น

เอาเป็นว่าชอบแบบไหนก็เลือกไปเที่ยวแบบนั้น หน้าฝนนี้อยากให้เพื่อนๆ เที่ยวให้สนุก และก็ระมัดระวังในการเดินทางด้วยนะจ๊ะ.