แม้ประเทศไทยจะก้าวข้าม “ปีเสือ ดุเข้าสู่ปีกระต่ายอ่อนโยน” แต่ก็ดูเหมือนว่าดวงเมืองจะร้อนแรงดุดันไม่แผ่วแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอุณหภูมิทางการเมืองที่มีความขัดแย้งต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว

เรื่องนี้ก็ตรงตาม “บรรดาโหรชื่อดัง” พากันออกมาทำนาย “ดวงเมืองปี 2566” ส่อเค้าต้องเจอมรสุมการเมืองร้อนระอุหนักหน่วงสุดขั้ว “กระทบรัฐบาลต่อการปกครอง” ซ้ำเติมเศรษฐกิจส่งผลต่อปากท้องประชาชนเผชิญความยากแค้นหนักหนาลากยาวไปปี 2567 นี้ ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า

ตั้งแต่ปลายปี 2565 “พระราหู” โคจรอยู่ราศีเมษทับลัคนาเมือง พร้อมทับดาวอาทิตย์ที่เป็นปุตตะดวงเมืองอีก แต่ด้วย “พระราหู” เป็นบาปพระเคราะห์เสมือนจอมอสูร “ให้โทษมากกว่าให้คุณ” ถ้าโคจรอยู่ตรงจุดใดมักสร้างความเสียหายความวุ่นวายต่อบ้านเมือง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเมือง เกิดภัยพิบัติ และการสูญเสีย

...

ตามหลักแล้วพระราหูมักจะโคจร 1 ราศีต้องใช้เวลา 1 ปีครึ่งในการโคจรครบ 12 ราศี หรือ 1 วัฏฏะใช้เวลา 18 ปี ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้วก็จะเห็นว่าตรงกับปี 2547 “พระราหูโคจรอยู่ราศีเมษทับลัคนาเมือง” คราวนั้นก็เกิดอุบัติภัย “สึนามิ” ทำให้คนไทยตายไป 7,000 กว่าคน และทรัพย์สินเสียหายมหาศาล

แล้วยิ่งกว่านั้น “พระราหู” เป็นเสมือนตัวแทนอบายมุข ความไม่ยุติธรรม นักเลงอันธพาล ผู้มีอิทธิพล หรือกิจการสีเทาๆ เมื่อทับลัคนาเมืองแบบนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ “ผู้มีอิทธิพล กิจการสีเทาครอบคลุมดวงเมือง” ส่งผลทำให้เกิดแต่ความลุ่มหลงมัวเมา ความมืด เข้ามาครอบงำในประเทศนั้น

ปัญหามีอยู่ว่า “ดาวพฤหัสบดี” ที่นับเป็นประธานฝ่ายศุภเคราะห์ให้คุณมากกว่าให้โทษ “คอยคุ้ม ครองดวงเมืองกลับโคจรอยู่ราศีมีนเป็นภพวินาศพอดี” ลักษณะหลบมุมจนคุ้มครองชะตาบ้านชะตาเมืองไม่ได้ “ปล่อยให้พระราหู ดาวมฤตยู ดาวอังคารและดาวเสาร์” อันเป็นกลุ่มดวงบาปพระเคราะห์กระทำย่ำยีดวงเมืองนั้น

หากจะถ่วงดุลอำนาจของกลุ่มดาวบาปพระเคราะห์นี้อาจต้องรอให้ “ดาวพฤหัสบดี” โคจรมาอยู่ราศีเมษในวันที่ 19 เม.ย.2566 “ดวงเมืองก็จะมีแนวโน้มดีขึ้น” แต่ในช่วงนี้ “ดาวพฤหัสบดี” กลับโคจรมาสวนทางกับ “พระราหู” บริเวณตรงจุด “ราศีเมษ” จนเกิดปรากฏการณ์ประชันโฉมกันของดาว 2 ขั้ว

ระหว่างราหูเป็นขั้วจอมอสูร และพฤหัสบดีเป็นขั้วจอมเทพ ทำให้การเมืองเผชิญหน้าต่อสู้ชิงความเป็นใหญ่กัน แล้วปกติจอมเทพมักชนะจอมอสูร ดั่งตามตำนานพระพฤหัสบดีขว้างจักรมาตัดร่างพระราหูขาด 2 ท่อน

ซึ่งท่อนบนก็ยังคงเป็น “พระราหูเช่นเดิม” ส่วนท่อนล่างเป็นหางพญานาคกลายเป็นกึ่งเทพกึ่งอสูรอีกตนหนึ่งนามว่า “พระเกตุ” ตามโหราศาสตร์มักทำนายว่า “ดวงเมืองดีขึ้น” แต่กลับมีปัจจัยคือในวันที่ 21 เม.ย.2566 เมืองอายุเต็ม 241 ปี เริ่มอายุย่าง 242 ปี ทำให้ดาวพฤหัสบดีกลายเป็นกาลกิณีจรเกิดปัญหาวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

บรรดาโหรมักจะทำนายว่า “บ้านเมืองจะเกิดความยุ่งยาก วุ่นวาย และการสูญเสีย” อันเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีเป็นกาลกิณีอยู่ราศีเมษทับลัคนาเมืองนี้ แล้วแม้ว่า “พระพฤหัสบดี” จะโยกย้ายออกจากราศีเมษแนวโน้มดูเหมือนจะดีขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะ “พระราหู” ยังอยู่ในราศีเมษทับลัคนาเมืองนั้นเช่นเดิม

ฉะนั้น คงต้องให้ “พระราหู” โยกย้ายออกจากราศีเมษในวันที่ 17 ต.ค.2566 ก่อนย้ายเข้าสู่ราศีมีนไปอีก 1 ปีครึ่ง ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มดีขึ้นอย่างช้าๆ เพราะด้วยประเทศต้องเจอสารพัดปัญหาอย่างหนักหน่วงจนบอบช้ำเหมือนดั่ง “คนชกมวยแล้วเมามัด” ทำให้อาจต้องค่อยๆปรับตัวคลี่คลายดีขึ้นในปี 2567

ถัดมาคือ “ดาวเสาร์” ตอนนี้อยู่ราศีมังกรภพที่ 10 เล็งดาวจันทร์หมายถึง “ประชาชน” ที่มีความเห็นขัดแย้งกับ “รัฐบาล” แต่ดาวเสาร์นี้มีวงโคจรมาอยู่ตรงนี้ทุก 30 ปี แล้วหากย้อน 30 ปีที่แล้วคือปี 2535 ที่เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ สูญเสียชีวิตประชาชน และเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ

ย้อนไปอีก 30 ปี คือปี 2505 ครั้งนั้นต้องสูญเสียเขาพระวิหารในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และนักศึกษาประชาชนจัดตั้งกองทัพปลดแอกชิงอำนาจรัฐนำไปสู่การปราบปรามมีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย

...

“ดังนั้น สิ่งที่น่าจับตาเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 การเมืองจะร้อนแรงสุดขั้ว เพราะพระราหู ดาวมฤตยูอยู่ในตำแหน่งทับลัคนาเมืองทั้งคู่ ส่วนพระเสาร์โยกหลังพระอังคารนำหน้า และดาวพฤหัสบดีที่ดูเหมือนจะคุ้มชะตาเมืองกลับโคจรอยู่ในภพวินาศ ทำให้อาจเกิดเหตุการณ์สำคัญไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาฯ หรือรัฐประหารนั้น” ภิญโญว่า

ไม่เท่านั้นก่อนนี้ “พระราหู” โคจรเข้าราศีพฤษภเรือนชะตาที่ 2 เป็นเรือนกดุมภะ แปลว่า ทรัพย์สินเงินทอง การเงิน การคลัง เศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2563 ทำให้เกิดปัญหาการเงินการคลังเรื่อยมาจึงต้องค้นเอาเงินงบประมาณรายได้ ผลประโยชน์สะสมมาใช้จ่ายจนหมดสิ้น ทำให้ฐานะการเงินติดขัดต้องไปกู้ยืมเงินต่างประเทศอย่างมหาศาล

ก่อนที่พระราหูโคจรมาอยู่ที่ “ราศีเมษทับลัคนาเมือง ทับพระอาทิตย์ในดวงเมือง” ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2565 ก็ยิ่งมีปัญหาการเงินการธนาคาร การลงทุน เกิดความยุ่งยากทางการเงินส่งผลถึงรัฐบาลหนักซ้ำเติมกว่าเดิม

หนำซ้ำ “ดาวมฤตยู” เป็นเทพเจ้าแห่งภัยอาเพศกลับอยู่ราศีเมษทับลัคนาเมือง ซึ่งจะย้ายออกวันที่ 8 มี.ค.2566 ไปอยู่ราศีพฤษภเป็นภพที่ 2 ของดวงเมือง เช่นนี้การเงินการคลังจะผันผวนเกิดการปริวรรตเงินตราใหม่ หรือเกิดการแข่งขันทางการเงิน มีความขัดแย้งผลประโยชน์นำไปสู่สงครามทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าไปทั่วโลก

...

ด้วยเหตุนี้ที่ “ดาวมฤตยู และพระราหูอยู่ราศีเมษทับลัคนาเมืองนี้” ทำให้ธุรกิจประเภทให้ความหวัง สร้างความหวัง ธุรกิจสีเทาๆ การเสี่ยงโชค โชคลาภ และการขายฝันความเชื่อจะมาแรงแล้ว “พระราหูเป็นดาวเซ็งลี้” มีความเกี่ยวเนื่องกับการค้าขายจะตื่นตัวมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น แต่ก็คงถูกผู้มีอิทธิพลครอบงำอยู่เช่นเดิม

ต่อมา “ดาวเสาร์” ตอนนี้อยู่ราศีมังกรภพที่ 10 ในวันที่ 1 มี.ค.2566 จะย้ายมาราศีกุมภ์ในภพที่ 11 เป็นภพลาภะมีความสำคัญด้านรายได้ การเก็บภาษี การออกกฎหมาย ที่อาจหมายถึงการออกกฎหมายหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน แล้วดาวเสาร์จะโคจรอยู่แต่ละราศี 2 ปีครึ่ง ทำให้ประเทศจะได้รับคุณประโยชน์ดีขึ้นในช่วงนี้

ในส่วน “ดาวอังคาร” ตามโหราศาสตร์คือ “ดาวกัมมันตภาพ” เป็นเทพแห่งความกล้าหาญ สงคราม “อันหมายถึงกองทัพ” ที่กำลังเดินถอยหลังเข้า “ราศีตุลเรือนการเงิน” ในช่วงปลายปี 2565- มี.ค.2566 ทำให้ใช้อิทธิพลควบคุมการเงินงบประมาณ หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินมากจนทำให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก

...

ประการต่อมา “ภัยพิบัติ” ตามการพยากรณ์นั้น “พระราหูจรไปตรงไหนก็จะเกิดอุปราคา” ในปี 2566 จะเกิดอุปราคาขึ้น 4 ครั้ง โดยจะเกิดสุริยุปราคา 2 ครั้ง คือ ในวันที่ 20 เม.ย.2566 เกิดในราศีเมษเป็นราศีธาตุไฟ อันจะเกิดความร้อนและภัยแล้ง พืชผลการเกษตรเสียหาย มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นจำนวนมาก

ในวันที่ 15 ต.ค.2566 เกิดในราศีกันย์เป็นภพที่ 6 ของดวงเมือง หมายถึงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ

ส่วน “จันทรุปราคา 2 ครั้ง” ในวันที่ 5 พ.ค.2566 เกิดในราศีตุล เป็นราศีธาตุลม จึงมักก่อให้เกิดลมพายุทำลายล้าง หรือผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศ และในวันที่ 29 ต.ค.2566 “เกิดขึ้นในราศีเมษ” เป็นราศีธาตุไฟ จึงต้องระวังเรื่องอัคคีภัย ความร้อน แม้จันทรุปราคาจะเกิดในช่วงปลายฝนต้นหนาวก็ตาม

สุดท้ายฝากไว้ว่า “ประชาชน” ต้องใช้ชีวิตกันอย่างระวัง “อย่าหลงระเริงกับกระแส” เพราะดวงเมืองประเทศไทยสร้างมาเพื่อความมั่นคงในอธิปไตย “มิใช่สร้างมาให้ร่ำรวย” เหตุนี้เมื่อประเทศมั่นคงแล้ว “ภาครัฐ” ต้องหันมาดูแลผู้คนในประเทศประคับประคองเดินหน้าไปด้วยกัน

ย้ำว่านี่คือคำทำนาย “ดวงชะตาเมือง” มีทั้งเรื่องดี-เรื่องร้ายอันเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้เราเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้า และขอเป็นกำลังใจให้แก่ทุกท่านผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้ มีพลังใจ แล้วมีสุขภาพที่ดีตลอดปีพุทธศักราช 2566 เทอญ...