หากเอ่ยถึง “คำสาป” ในความคิดของคนยุคปัจจุบัน ส่วนใหญ่คงถือว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือบางท่านก็ถือเป็นเรื่องแสนจะบังเอิญมากกว่าแต่ก็มีอีกหลายท่านที่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
ถ้าเราย้อนกลับไปดูในประวัติศาสตร์ คำสาปเป็นอาวุธทางจิตชนิดหนึ่งที่เก่าที่สุด มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าคำสาปคงอยู่คู่กับมนุษย์มานาน บางชิ้นเก่ามาก อย่างเช่นที่พบที่เมืองเพลลา (Pella) เมืองหลวงของมาซิโดเนียโบราณ สร้างระหว่าง 375 และ 350 ก่อน ค.ศ.ทีเดียว คำสาปมีทั้งเรื่องที่เป็นส่วนตัวเรื่องแบบเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มีแบบสาปแช่งคู่แข่งทางการค้า ไปกระทั่งถึงคำสาปพิฆาต แสดงให้เห็นว่าคนเรานิยมยึดติดกับจิตอาฆาต จนต้องหาทางแสดงออกด้วยคำสาปไม่ใช่น้อย
คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน ก็เลยรวมความเชื่อเกี่ยวกับคำสาปอันโด่งดังมาให้แฟนานุแฟนได้อ่านกัน ลองดูกันซิว่าจะร้ายกาจสยองขวัญขนาดไหน
คำสาปของกษัตริย์คาสิเมอร์ เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากนักโบราณคดีเปิดหลุมศพของกษัตริย์ คาสิเมอร์ที่ 4 จาเกลลอน (Casimir IV Jagiellon) ในปี 1973

...
กษัตริย์คาสิเมอร์เกิดในปี ค.ศ.1427 พระองค์สามารถเอาชนะอำนาจพวกทิวโทนิคได้ ยึดนครพอมเมราเนียคืนสำเร็จ และตั้งราชวงศ์ของพระองค์ให้เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่มีอำนาจของยุโรป เมื่อคาสิเมอร์สวรรคตในปี 1492 พระบรมศพย่อยสลายอย่างรวดเร็วเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย เจ้าพนักงาน ผู้จัดการพระบรมศพต้องรีบปิดผนึกหีบศพด้วย

ยางไม้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ หีบพระบรมศพนี้ก็เต็มไปด้วยคำสาปมันเป็นคำสาป แบบเดียวกับของฟาโรห์ตุตันคาเมน ซึ่งฆ่านักไอยคุปต์วิทยาหลายคน โลงพระบรมศพของกษัตริย์คาสิเมอร์ก็เช่นกัน เมื่อเปิดขึ้นและพระบรมศพถูกรบกวน นักวิจัย 4 ใน 12 คน ตายในช่วงไม่กี่ปีถัดไป ที่เหลือเป็นมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ มีบุคคลที่ทำงานกับการขุดค้นพระบรมศพไม่น้อยกว่า 15 คน ที่ทยอยตายไป
ฝรั่งว่ากันว่า โลงพระบรมศพกักเก็บเชื้อโรคไว้อย่างไม่เจตนา และระเบิดคำสาปทำร้ายผู้รบกวนด้วยเชื้อรามรณะ Aspergillus flavus ที่พบได้ในศพและสุสานโบราณ

คำสาปของฌาร์ค เดอ โมเลย์ (Jacques De Molay) ในระหว่างสงครามครูเสด ราวศตวรรษที่ 12 อัศวินเทมพลาร์ หนึ่งในองค์กรที่มีประสิทธิภาพที่สุดในยุโรป มีข่าวลือว่าพวกเขารวบรวมเงินทองจากการพบสมบัติที่สาบสูญของกษัตริย์โซโลมอน หลังจากการรบขยายเข้าไปในตะวันออกกลาง (น่าจะเป็นทรัพย์สงครามที่ริบจากฝ่ายตรงข้ามมากกว่า) เทมพลาร์เอาทรัพย์เหล่านี้มากองไว้เป็นกองกลาง สามารถกู้ยืมได้ถ้าหลักฐานน่าเชื่อถือ
ฌาร์ค เดอ โมเลย์ หัวหน้ากลุ่มอัศวินเทมพลาร์คนที่ 22 ในปี 1292 แม้ว่าช่วงนี้อัศวินเทมพลาร์จะสูญเสียบารมีไปมากเพราะชักจะรบแพ้ แต่เรื่องการเงินยังหนาอยู่ ไม่นานต่อมากษัตริย์ฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศสเริ่มกู้ยืมเงินจากเทมพลาร์เอาไปใช้จ่ายในการรบกับอังกฤษ แต่พอไม่มีเงินจ่ายคืนก็คิดจะเบี้ยวหนี้ ในปี 1307 ฟิลิปหาทางสมคบกันกับสมเด็จพระสันตะปาปา-คลีเมนต์ที่ 5 ยัดข้อหาว่าฌาร์ค เดอ โมเลย์ เป็นพวกนอกรีต เพราะไปเคารพรูปปั้นนอกศาสนา นับเป็นการกระทำการดูหมิ่นพระเยซูคริสต์ แล้วถือโอกาสถอดเดอ โมเลย์ ออกจากหน้าที่ เขาถูกทรมาน ถูกจำคุกอยู่ 7 ปี และในที่สุดก็ถูกเผาทั้งเป็นเมื่อ ค.ศ.1314
...

ก่อนตาย ฌาร์ค เดอ โมเลย์ อ้างเอาความสัตย์ ออกปากสาปแช่งคนที่ยัดข้อหาอย่างไม่เป็นธรรม ขอให้ทั้งคลีเมนต์และฟิลิปตายภายในหนึ่งปี และสายราชวงศ์ของฟิลิปต้องพินาศ
คำสาปแสดงผลจริงเสียด้วย คลีเมนต์ติดเชื้อร้ายเสียชีวิต ต่อมาฟิลิปก็หัวใจวายตาย และราวปี 1328 โอรสและหลานของฟิลิปทยอยตายจนเกลี้ยง!
คำสาปที่ฆ่าคนนับล้าน ในปี 1941 ทีมงานนักมานุษยวิทยาโซเวียตเดินทางไปอุซเบกิสถาน ภารกิจของพวกเขาคือการค้นหาหลุมศพของทาเมอร์เลน (Tamerlane) และขุดร่างของเขาขึ้นมา ที่น่าแปลกก็คือ โครงการนี้เป็นโครงการที่อนุมัติโดยสตาลินเองเลยทีเดียว
ทาเมอร์เลนเป็นจอมทัพผู้ร้ายกาจที่สุดในศตวรรษที่ 14 แต่เป็นวีรบุรุษของชาติ สำหรับคนอุซเบกิสถาน การรบกวนวีรบุรุษย่อมเป็นสิ่งที่คนอุซเบกิสถานรับไม่ได้ คณาธิการมุสลิมท้องถิ่นพยายามหยุดยั้งการขุดค้น แต่รัสเซียใหญ่ยงจนเกินไป คำขอของพวกเขาจึงไร้ความหมาย นักบวชท้องถิ่นได้แต่เตือนว่า ถ้าจอมทัพถูกรบกวนจากการนอนหลับอันสงบสุข หายนะจะตามมาไม่เกิน

สามวัน มิคาอิล เจอราซิมอฟ (Mikhail Gerasimov) ผู้นำ คณะสำรวจไม่สนใจคำเตือนแม้แต่น้อย ยังคงคุมงานขุดพระศพทาเมอร์เลนจนพบเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1941 ที่ด้านนอกของโลงพระศพนั้นมีจารึก อ่านได้ว่า “เมื่อข้าลุกขึ้นจากความตาย โลกทั้งโลกจะต้องสะเทือน”
สามวันหลังจากหลุมพระศพของทาเมอร์เลนถูกเปิด นาซีเยอรมนีเปิดตัวแผนบาร์บารอสซา เข้าโจมตีรุกรานสหภาพโซเวียตอย่างน่าประหลาดใจ มันจะเป็นแค่ความบังเอิญหรือ? หรือว่า “โลกสะเทือน” เสียแล้วสิ
ในความเชื่อของหลายคนบอกว่า สตาลินปลุกความกริ้วทาเมอร์เลน การบุกของนาซีเป็นผลลัพธ์โดยตรงจากคำสาปทาเมอร์เลน แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่ากับจุดเปลี่ยนในสงครามโซเวียตเยอรมันในเวลาต่อมา ฝ่ายรัสเซียเปลี่ยนจากความเพลี่ยงพล้ำมาเป็นกำชัย มันเป็นชัยชนะอันน่าแปลกใจในการรบที่สตาลินกราด
...
แต่...ชัยชนะเกิดหลังจากที่สตาลินสั่งให้นำโครงกระดูกของทาเมอร์เลนกลับไปฝังไว้ที่เดิมในอุซเบกิสถาน พร้อมกับทำพิธีกรรมศพอิสลามเต็มรูปแบบ คำสาปอาจถูกถอนไปแล้วพร้อมกับความพอใจของทาเมอร์เลนเมื่อได้กลับลงไปพักยังที่เดิม
ตกลงว่านี่เป็นความบังเอิญหรือเป็นผลจากคำสาป หากเป็นอย่างหลังก็ถือว่ากว่าจะรู้ตัวก็ทำให้คนรัสเซียต้องตายไปในสงครามที่เยอรมันบุกถึง 7.5 ล้านคนเลยทีเดียว
คำสาปพิฆาตราชวงศ์รัสเซีย หนึ่งศตวรรษก่อน มีชายรัสเซียคนหนึ่งนามว่า กริกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin) ชายประหลาดที่อาจพูดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พาราชวงศ์โรมานอฟถึงกาลวิบัติ
รัสปูตินมาจากครอบครัวยากจนในไซบีเรีย เมื่อโตขึ้นเขาอ้างตนเป็นผู้วิเศษ สามารถใช้พลังในการรักษาจนโด่งดังเป็นที่โจษจัน ประจวบกับเมื่อเขาย้ายมาอยู่เมืองหลวง พอดีกับซารีนา อเลคซานดรา (Tsarina Aleksandra) พระมารดาของเจ้าชายรัชทายาท กำลังเสาะหาหมอดีๆมาช่วยเหลือเจ้าชายอเลคไซ ผู้เกิดมาพร้อมกับโรคฮีโมฟีเลีย (โรคเลือดออกไม่หยุด) โรคพันธุกรรมที่ไม่มีทางรักษา เมื่อหาหมอปกติรักษาไม่ได้ ความหวังริบหรี่ก็ชี้ไปที่ชายผู้นี้
น่าแปลกที่เจ้าชายน้อยดีขึ้นหลังได้รับความช่วยเหลือจากรัสปูติน ไม่ต้องสงสัยว่า เขาย่อมกลายเป็นที่โปรดปรานของซารีนา นานวันความสนิท คุ้นเคย และไว้วางใจ ก็ทำให้รัสปูตินก้าวต่อไปกลายเป็นปรึกษาส่วนตัวของพระนาง ใช่แต่เท่านั้น ในเวลาที่รัสปูตินกำลังรุ่ง บรรดาผู้ดีในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กดูจะหลงใหลเขาเพราะศาสตร์ลึกลับ รัสปูตินก็ยิ่งผยองและขยายวิธีการสกปรกสามานย์เผยแพร่ลัทธิความเชื่อที่ลงท้ายทำให้ผู้หญิงชั้นสูงหลายคนกลายเป็นทาสกามของเขา

การกระทำของรัสปูตินย่อมกลายเป็นที่ยอมรับไม่ได้ ขุนนางกลุ่มหนึ่งเห็นรัสปูตินเป็นความพินาศของราชวงศ์ จึงพยายามลอบสังหารเขา
ในวันวิบัติ กลุ่มขุนนางทำทุกอย่างที่จะให้รัสปูตินตาย แต่กลายเป็นว่ารัสปูตินเป็นพวกหนังเหนียว ฆ่าให้ตายยาก ตามรายงานกล่าวว่า เขาโดนทั้งยาพิษ โดนกระหน่ำตีอย่างหนัก โดนกระสุนปืนยิงหลายนัด หรือแม้แต่โดนตัดเจ้าโลกสดๆ เขาก็ยังไม่ตาย สุดท้ายคณะสังหารต้องมัดรัสปูตินแล้วโยนลงแม่น้ำที่กำลังจะเป็นน้ำแข็งทั้งยังมีลมหายใจ ไม้นี้เองที่ทำให้รัสปูตินต้องจำนนต่อความตาย
รัสเซียกำจัดรัสปูตินได้ แต่ไม่อาจล้างศาสตร์มืด...
ไม่ว่าเขาจะมีอำนาจวิเศษ รู้เหตุล่วงหน้าจริงหรือไม่ หรือว่าในเวลานั้นเขาจะระแคะระคายแผนร้าย แต่ก่อนจะถูกกำจัด รัสปูตินจัดการส่งจดหมายทำนายฉบับหนึ่งไปให้พระเจ้าซาร์ เตือนด้วยประโยคเน้นย้ำว่า หากเขาถูกขุนนางลอบสังหาร อะไรจะเกิดขึ้นกับราชวงศ์รัสเซีย คำเตือนมุ่งไปที่ว่า หากความตายของเขาเกิดขึ้นดังทำนายไว้ ราชวงศ์โรมานอฟจะถึงกาลวิบัติ พระเจ้าซาร์ และพระราชวงศ์จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงปีใหม่

เรื่องนี้บางคนเชื่อว่าเป็นแค่คำขู่ แต่ส่วนใหญ่เห็นเป็นคำสาปที่รัสปูตินร่ายไว้ เพราะหลังจากเขาตายไม่ถึงปีต่อมา ราชวงศ์โรมานอฟ ตั้งแต่พระเจ้าซาร์ พระชายา รวมทั้งโอรสธิดาอีก 5 ชีวิต ถูกฆ่าตายหฤโหดในการประหารหมู่
ถ้าเพียงซารีนาจะรู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้ารัสปูตินจะใช้อำนาจวิเศษของเขาร่ายสาปครอบครัวของเธอ พระนางก็คงไม่เชิญเข้าพระราชวังเป็นแน่แท้
คำสาปเก่าแก่ที่ยกมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้ เป็นความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือว่านำมาให้อ่านกันเป็นความรู้รอบตัว แต่อย่าหมกมุ่นลุ่มหลงกับสิ่งที่เหนือการพิสูจน์เหล่านี้เสียจนทำให้ชีวิตเสียหาย ขอให้ใช้วิจารณญาณและ “ความรู้” ในการตัดสินใจ อย่าใช้แค่ “ความเชื่อ” แต่เพียงอย่างเดียว.
โดย :อัปสรศิลา
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน