พระกริ่งเทพโมลี พระกริ่งรุ่นแรก ของ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสฺสเทว) สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2441-2442 เป็นพระกริ่งมีความงดงามของพุทธศิลปะและความศักดิ์สิทธิ์ในพุทธานุภาพเป็นที่ปรากฏ โดยมีพุทธลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกริ่งอื่น ทั้งสายวัดบวรนิเวศวิหารและสายวัดสุทัศน์ เรียกได้ว่า มีเอกลักษณ์ที่ยากจะหากริ่งใดเสมอเหมือน
ประการสำคัญคือ จำนวนการสร้างน้อยมาก จึงหาดูหาเช่าของแท้ๆ กันได้ยากยิ่ง นับเป็นหนึ่งในสุดยอดพระกริ่งของไทยอันทรงคุณค่าและมีค่านิยมสูง สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว) พระนามเดิมว่า "แพ" ประสูติในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ ณ วันพุธ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรงจุลศักราช 1218 ตรงกับวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2399 บิดาชื่อ อ้น เป็นชาวสวนบางลำภูล่าง อ.คลองสาน ฝั่งธนบุรี
พระชันษา 7 ปี ได้ศึกษาอักษรสมัยกับ สมเด็จพระวันรัตน์ (สมบูรณ์) ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ เมื่อพระอาจารย์ย้ายไปครองวัดราชบุรณราชวรวิหาร พระองค์ได้ย้ายตามไปด้วย และบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2411 โดยมี สมเด็จพระวันรัตน์ (สมบูรณ์) เป็นพระอุปัชฌาย์ จนปี พ.ศ. 2422 อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดเศวตฉัตร โดยมี สมเด็จพระวันรัตน์ (แดง) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วย้ายมาอยู่วัดสุทัศน์ ทรงได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เรื่อยมา และในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ.2487 สมัยรัชกาลที่ 8 สิริพระชนมายุ 89 พระพรรษา 66
ในโอกาสที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ ที่ “พระเทพโมลี” เมื่อปี พ.ศ.2441 นั้น ท่านได้สร้างพระกริ่งขึ้นเป็นครั้งแรก ตามตำรับ ‘วัดป่าแก้ว’ และ ‘พระกริ่งปวเรศ’ ที่ทรงรำลึกถึง ซึ่งตำรับการสร้างมีความละเอียดซับซ้อนและเต็มไปด้วยพิธีกรรมมากมาย ท่านได้ตรัสว่า “ดีในและดีนอก” หมายถึง เมื่อสร้างพระกริ่งออกมาแล้ว จะต้องมีเสียงเขย่าของเม็ดกริ่งที่ดังกังวาน และไม่ปรากฏรูเจาะ-รูคว้านให้เห็น ต้องทำให้เป็นเนื้อเดียวกับองค์พระ ซึ่งคือ “ดีใน”
...
สำหรับ “ดีนอก” คือ มวลสารแห่งเนื้อพระต้องตามสูตรอย่างโบราณ ประกอบไปด้วย 1. ชิน น้ำหนัก 1 บาท (1 บาท = 15.2 กรัม) 2. จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท (แร่ชนิดหนึ่งสีเขียวปนน้ำเงิน) 3. เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท 4. ทองแดง บริสุทธิ์น้ำหนัก 4 บาท 5. ปรอท น้ำหนัก 5 บาท 6. สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท 7. ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท 8. เงิน น้ำหนัก 8 บาท 9. ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท นำมาหล่อหลอมให้กินกันดี นำมาตีเป็นแผ่น แล้วจารยันต์ 108 กับ นะ ปถมัง 14 จึงจะได้ “เนื้อนวโลหะ” ออกมาเป็นสีนากสุก
เมื่อปล่อยไว้นานเข้าจะกินอากาศเป็นผิวกลับดำ มีพรายเงิน พรายทอง แล้วแต่กระแสโลหะ และผิวดำมันวาวอย่างสีปีกแมลงทับ นอกจากนี้ จำนวนการจัดสร้างก็ต้องถือคติกำลังวัน เช่น วันจันทร์ มีกำลังวัน 15 ก็สร้างพระ 15 องค์, วันอังคาร กำลังวัน 8 ก็สร้าง 8 องค์ เป็นต้น พระกริ่งเทพโมลี ซึ่งนับเป็นพระกริ่งรุ่นแรกนั้น มีความสูง 4.2 ซม. ฐานกว้าง 2 ซม. กล่าวกันว่า พระกริ่งรุ่นนี้มีจำนวนการสร้างน้อยมาก โดยจัดสร้างเป็น 2 ครา ครั้งแรกในปี พ.ศ.2441 จำนวน 9 องค์ และสร้างอีกครั้งในปี พ.ศ.2442 อีกจำนวนหนึ่ง
โดยรวมแล้วไม่น่าจะเกิน 20 องค์ ทำพิธีหล่อที่หน้ากุฏิใหญ่ ในคณะ 11 วัดสุทัศน์ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือช่างหลวง เนื่องจากเป็นการหล่อที่สวยงามสมบูรณ์ ผิดกับพระกริ่งที่สร้างรุ่นหลังๆ เป็นอันมาก เป็นพระกริ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ได้ใช้แบบพิมพ์ของพระกริ่งสำนักใดมาจัดสร้าง เป็นพุทธศิลปะแบบไทยประยุกต์ โดยสร้างเป็น ‘เนื้อนวโลหะ’ ภายในขาวคล้ายเงิน แล้วกลับดำสนิท นั้นเองครับ