พระกริ่ง 79 สมเด็จสังฆราชแพ พิมพ์ผอม พระกริ่งวัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นพระกริ่งซึ่งสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) โดยเฉพาะการสร้างครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2441 เมื่อครั้งยังเป็นพระเทพโมฬี พระกริ่งรุ่นนั้นอาศัยเค้าพระกริ่งปวเรศเป็นหลักและได้ตัดบัวหลังออก และได้สร้างเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ผิวกลับดำ พระกริ่งของสมเด็จท่านได้สร้างทุกๆ ปี จนถึงปีสุดท้าย พ.ศ. 2479 พระกริ่งของสมเด็จสร้างไม่เกิน 2,000 องค์
พระกริ่ง 79 ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีของนักสะสม ว่าเป็นการเทพระกริ่งครั้งสุดท้ายของสมเด็จพระสังฆราชแพ พระกริ่งปี 2479 รุ่นนี้จำนวนสร้างไว้ทั้งหมดมี 464 องค์ ส่วนเนื้อของพระเป็นเนื้อสัมฤทธิ์จะแก่เงินผิวกลับดำสนิท สร้างในสมัยทรงสมณศักดิ์เป็นที่สมเด็จพระวันรัต เมื่อวันเพ็ญปี พ.ศ. 2479 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 พระกริ่ง 79 เด่นด้านพุทธคุณเมตตามหานิยมและโภคทรัพย์ครบสมบูรณ์ทุกเรื่องตามแรงอธิษฐานของผู้บูชา

...
พระกริ่ง 79 พิมพ์ผอม ซึ่งจัดสร้างในปี พ.ศ. 2488 ซึ่งเป็นศิษย์เอกของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เจ้าตำรับการสร้างพระกริ่งอันโด่งดัง และเป็นที่นิยมและหวงแหนสำหรับนักสะสมพระเครื่องของไทย จำนวนการสร้าง 97 องค์ บรรจุกริ่งในตัว 2 รู โดยใช้แม่พิมพ์ของพระกริ่งพิมพ์ผอมปี 2479 แต่ขนาดจะเล็กกว่า โดยพิมพ์ปี 79 เนื้อจะแก่เงินมากกว่า เสน่ห์ของพระกริ่งวัดสุทัศน์ประการหนึ่งคือ ด้วยโลหะที่เป็นนวโลหะ เมื่อนำมาบูชา ผิวของพระเมื่อสัมผัสเหงื่อก็จะกลับดำ ถ้าเรานำมาขัดผิวก็เปลี่ยนเป็นอมขาวกลับมาแดง และเปลี่ยนเป็นดำอีกครั้ง ซึ่งมาจากสูตรผสมนวโลหะนั่นเอง
พระกริ่งถือได้ว่าเป็นพระเครื่องชั้นสูงที่มีกรรมวิธีในการจัดสร้างได้ยาก ทั้งจากส่วนผสมซึ่งเป็นตำรับโบราณนับวันจะหายากยิ่ง โลหะแต่ละอย่างตามคำโบราณ เมื่อเอ่ยในปัจจุบัน บางท่านอ้าปากหวอ ไม่เคยได้ยินชื่อ อีกทั้งการลงยันต์ในแผ่นโลหะตามวาระต่างๆ ก่อนที่จะนำมาหลอมรวมเป็นนวโลหะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมาก และต้องยอมรับว่า ครูบาอาจารย์ที่สามารถทำให้สมบูรณ์ตามพิธีกรรมเหมือนในอดีตแทบไม่มีแล้ว ทำให้พระกริ่งเป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องสำหรับพระหล่อโดยปริยาย
มูลเหตุการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ นั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่สมเด็จพระวันรัต (แดง) พระอุปัชฌาย์อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระองค์ ทรงเคยรักษาผู้ป่วยเป็นอหิวาตกโรคให้หายได้ ด้วยการอาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรดให้น้ำนั้นแก่ผู้ป่วยดื่ม ปรากฏว่าหายอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้วก็อาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำน้ำพระพุทธมนต์ประทานแก่สมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์นั้นแล้วก็บรรเทาหายอาพาธเป็นปกติ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว) วัดสุทัศนเทพวรารามได้ทอดพระเนตรเห็นคุณวิเศษน่าอัศจรรย์ของพระกริ่งในขณะนั้นแล้ว จึงเกิดความสนพระทัย และทรงเริ่มศึกษาค้นคว้าตำราที่จะสร้างพระกริ่งเรื่อยมา จนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการสร้าง ส่งทอดการสร้างมาถึงลูกศิษย์เอกของท่านคือเจ้าคุณศรี (สนธิ์) นั่นเอง
ตำนานความเป็นมาของพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งนายนิรันดร์ แดงวิจิตร หรืออดีตพระครูวินัยกรณโสภณ เป็นผู้เขียน กล่าวว่า ตำนานพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ "คำว่ากริ่ง" นี้ หมายความว่ากระไร สมเด็จฯ (สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสฺสเทว) เคยรับสั่งเสมอว่า คำว่า "กริ่ง" นี้ มาจากคำถามที่ว่า "กึ กุสโล" (กิง กุสะโล) คือ เมื่อพระโยคาวจรบำเพ็ญสมณธรรมมีจิตผ่านกุศลธรรมทั้งปวงเป็นลำดับไปแล้ว ถึงขั้นสุดท้ายจิตเสวยอุเบกขาเวทนา ปุญญาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศล เจตนา) เปลี่ยนเป็นอเนญชา (สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน คือ ฌานที่ 4) เป็นเหตุให้พระโยคาวจรเอะใจขึ้นว่า "กึ กุสโล" นี้เป็นกุศลอะไร เพราะเป็นธรรมที่เกิดขึ้นแปลกประหลาด ไม่เหมือนกับกุศลอื่นที่ผ่านมา ดังนั้นคำว่า "กึ กุสโล" จึงเป็นชื่อของอเนญชา คือ "นิพพุติ" แปลว่า "ดับสนิท" คือหมายถึงพระนิพพานนั่นเอง"

วันนี้ขอนำพระกริ่ง 79 สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ พิมพ์ผอมมาให้ชมกันครับ พระกริ่งองค์นี้ เป็นพิมพ์แต่งเก่าและสวยที่สุดเท่าที่พบเจอในวงการตอนนี้ ลักษณะงานแต่งของพระองค์นี้เป็นช่างชั้นครู องค์นี้ถือว่าสวยมาก และมีความชัดเจนแท้ดูง่าย
...
ชี้ตำหนิ พระกริ่ง 79

พระกริ่ง 79 สมเด็จสังฆราชแพ พิมพ์ผอม เป็นพระพิมพ์แต่งเก่า จำใบหน้าให้แม่น หุ่นพิมพ์พระต้องถูก มีเอกลักษณ์ลักษณะเฉพาะที่ช่วงใบหน้าและหัวไหล่

ด้านหลัง จะเห็นพระศกตอกเป็นเม็ดชัดเจน มีร่องรอยการเก็บตะใบที่มีเนื้อเกินชัดเจน องค์พระมีวรรณดำ

...
ด้านข้าง จะเห็นมีรอยประกบชัดเจน เนื่องจากเป็นพระพิมพ์ 2 หน้า ประกบพิมพ์หน้าหลังกับหุ่นเทียน แล้วนำมาเข้าชนวนหล่อ มีการแต่งเก็บตะใบบริเวณที่มีเนื้อเกิน

ก้น มีรอยจารเดิม ลักษณะของการจารถ้าเป็นพระวัดสุทัศน์ จารเดิมต้องหงายหน้าพระแล้วจารเท่านั้น การหล่อกริ่ง พระยุคแรกจะหล่อกริ่งแล้วใช้ฝาปะก้นโดยการบัดกรีปิด

...
คอลัมน์ : หยิบกล้องส่องพระ by โทน บางแค
Line : @tone8888
เพจ : โทน บางแค FC.