
เนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 เมษายน 2568 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ร่วมกับกองทัพบก และวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เชิญชวนประชาชนร่วมทำความดีด้วยการบริจาคโลหิต เพื่อเทิดพระเกียรติใน “โครงการ 70 พรรษา 70 ล้านซีซี” บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ให้มีการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ทั่วประเทศตลอดปี 2568
บริจาคเลือดเพิ่มโอกาสให้อีกหลายชีวิตรอด
รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีภารกิจหลักในการให้บริการโลหิตที่เพียงพอ มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดไว้ว่าแต่ละประเทศควรมีผู้บริจาคโลหิตจำนวนร้อยละ 3 ของจำนวนประชากร ในประเทศไทยมีจำนวนประชากร 66 ล้านคน แต่กลับมีผู้บริจาคโลหิตทั่วประเทศ 1.66 ล้านคน คิดเป็นประมาณร้อยละ 2.5 เท่านั้น ทำให้ยังมีการขาดแคลนโลหิตในบางพื้นที่และบางเดือนบางช่วงเวลาอยู่เป็นระยะ
ดังนั้นการแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และกิจกรรมในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริจาคอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้การจัดหาโลหิตบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่นเดียวกันกับที่ผ่านมา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ รณรงค์กิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2531 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นระยะเวลากว่า 37 ปี ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของโลหิตในการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์
โครงการ 70 พรรษา 70 ล้านซีซี บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ
ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมสนับสนุน “โครงการ 70 พรรษา 70 ล้านซีซี” บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ด้วยการร่วมส่งมอบและเพิ่มจุดบริจาคโลหิตทั่วประเทศ ภายใต้ “โครงการ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” โดยเชิญชวนพนักงาน ลูกค้า และประชาชนร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสะสมให้เข้าเป้าหมาย 70 แสนซีซี ทั้งการบริจาคทั่วไปตามจุดบริจาคโลหิตที่สะดวกหรือร่วมบริจาคโลหิตรายไตรมาสในวันเดียวกันทั่วประเทศ
ตามที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กำหนดร่วมกับธนาคารกรุงเทพ ณ สำนักงานใหญ่ สีลม สำนักงานพระราม 3 และสาขา รวม 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็น “ผู้ให้” และส่งต่อโลหิตให้ผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตทุกนาที ซึ่งถือเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ โดยธนาคารกรุงเทพยินดีสนับสนุนด้วยการจัดตั้งจุดรับบริจาคโลหิตที่เข้าถึงได้สะดวกยิ่งขึ้น
“แม้ว่าวิทยาการทางการแพทย์ได้ก้าวไกลไปมาก แต่เลือดก็ยังมีความจำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่เสียเลือด ทั้งจากการผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือจากความเจ็บป่วยอื่นๆ โดยไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ เราจึงจำเป็นต้องรับบริจาคเลือด เพื่อนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วย และการบริจาคเลือด 1 ครั้ง จะสามารถนำไปช่วยผู้ป่วยได้ถึง 3 ชีวิต” ชาติศิริ กล่าว
ทั้งนี้การบริจาคโลหิตยังเป็นการสร้างกุศลที่เราสามารถทำได้อย่างเท่าเทียมกัน คนที่มีสุขภาพปกติ สามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือน และทุกครั้งที่บริจาค ร่างกายจะทำการสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน ถือเป็นการทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นและส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง”
ธนาคารกรุงเทพ สนับสนุนการจัดหาโลหิตมาอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพได้สนับสนุนศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ในการจัดหาโลหิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตที่อาคารสำนักงานใหญ่ สีลม และอาคารพระราม 3 ในทุกไตรมาส ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริหารและพนักงานธนาคารที่ร่วมบริจาคอย่างสม่ำเสมอ ในปี 2566-2567 ธนาคารกรุงเทพ ได้จัดโครงการ “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ” เพื่อเชิญชวนพนักงาน ลูกค้า และประชาชนทั่วประเทศร่วมบริจาคโลหิตเนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งธนาคารปีที่ 80 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม 2567 โครงการนี้ได้รับยอดบริจาครวมทั้งสิ้น 14 ล้านซีซี นับเป็นความภาคภูมิใจที่ธนาคารได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อส่งต่อโลหิตให้กับผู้ป่วยทั่วประเทศ “ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมบริจาคเลือดกันอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3 เดือน เพราะการสละเลือดเพียง 10% ของจำนวนเลือดในร่างกาย ไม่มีผลกระทบใดๆ แต่กลับได้กุศลอย่างมหาศาลทั้งสำหรับตัวเราเอง และผู้ที่กำลังรอการรักษา” ชาติศิริ กล่าว
นายชานันท์ โสภณพนิช เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President บริหารช่องทาง Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
โดยในครั้งนี้มีเป้าหมาย คือ
1. เพิ่มปริมาณโลหิต 70 แสนซีซี (7 ล้านซีซี)
2. เพิ่มจุดรับบริจาคโลหิต จาก 2 จุด เป็น 12 แห่งทั่วประเทศ ดังนี้
- จุดรับบริจาคโลหิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน ณ อาคารสำนักงานใหญ่ สีลม และอาคารสำนักงานพระราม 3 รวม 2 แห่ง
- จุดรับบริจาคโลหิตใหม่ ในพื้นที่ภาคของสายลูกค้าบุคคล ตามต่างจังหวัด ภาคละ 1 แห่ง รวม 10 แห่ง
ส่วนกลุ่มเป้าหมายแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้บริจาคโลหิตรายเดิม ที่เป็นพนักงาน ลูกค้า และประชาชนทั่วประเทศ
- กลุ่มเป้าหมายรอง คือ ผู้บริจาคโลหิตรายใหม่ ที่เป็นพนักงาน ลูกค้า และประชาชนทั่วประเทศ
คุณณัชชา โสภณพนิช ผู้ชำนาญการ ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)