เปิดอีกหนึ่งเรื่องราวในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาของตัวละครที่มีอยู่จริง อย่าง เจ้าฟ้าพร หรือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่แสดงโดย เด่นคุณ งามเนตร เป็นพระอนุชาของ เจ้าฟ้าเพชร หรือ พระเจ้าท้ายสระ ที่รับบทโดย เกรท วรินทร 

ที่ตอนนี้จะพูดถึงเรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือ เจ้าฟ้าพร กว่าจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพี่ชายนั้น ต้องผ่านเรื่องวุ่นวายและแย่งชิงอำนาจในเครือญาติอย่างดุเดือดไม่น้อย ซึ่งในประวัติศาสตร์ได้เล่าเอาไว้ว่า

เมื่อคราวสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระทรงชะลอพระพุทธไสยาสน์สำเร็จ พระองค์ทรงพระประชวรแต่ยังไม่เสด็จสวรรคต มีพระบรมราชโองการตรัสมอบเวนราชสมบัติแก่เจ้าฟ้าอภัย (พระราชโอรสองค์รอง) ให้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา

ด้วยเหตุว่าขณะนั้นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) พระอนุชาธิราชทรงผนวชอยู่เช่นเดียวกับกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ (เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่) เป็นเหตุให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) ทรงไม่พอพระทัย เว้นแต่หากทรงมอบเวนราชสมบัติแก่กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ก็จะทรงยอมให้แต่กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ทรงไม่ยอมรับ และไม่ทรงลาผนวช

...

เมื่อเจ้าฟ้าอภัยทรงรับราชสมบัติแล้ว สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระจึงทรงพระกรุณาดำรัสสั่งให้เจ้าฟ้าอภัยขึ้นราชาภิเษก เจ้าฟ้าอภัยทรงทราบดีว่าพระราชปิตุลานั้นทรงไม่พอพระพระทัยเป็นแน่ ทรงปรารถนาจะทำสงครามสู้รบทำสงครามแย่งชิงราชบัลลังก์

หลังจากที่สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ เสด็จสวรรคตแล้ว เจ้าฟ้าอภัย (พระราชโอรสองค์รอง) วังหลวง กับฝ่ายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) วังหน้า ได้ให้ทหารสู้รบกันอยู่หลายวัน

เจ้าฟ้านเรนทร
เจ้าฟ้านเรนทร

เจ้าฟ้าอภัยให้หลวงไชยบูรณ์ ปลัดเมืองพระพิษณุโลกยกพลทหาร 100 คนพร้อมสรรพาวุธไปทางชีกุนเพื่ออ้อมไปตีวังหน้า ฝ่ายทหารวังหน้ารู้เหตุจึงยกพลทหาร 200 คน พลทหารทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันเป็นสามารถ ฝ่ายทหารวังหน้าได้โอกาสเหมาะจึงเข้าโจมตีเป็นเหตุให้ทหารฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยล้มตายเป็นจำนวนมาก หลวงไชยบูรณ์ถูกจับส่งไปถวายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) และทรงให้ลงพระอาญาเฆี่ยน 50 ทีแล้วให้จำไว้

ต่อมา พระธนบุรีขออาสาเจ้าฟ้าอภัยเพื่อรบกับฝ่ายวังหน้า จึงได้จัดทัพทหาร 500 คนแล้วเคลื่อนพลข้ามคลองตะพานช้างเข้าโจมตีวังหน้าจนค่ายทหารวังหน้าแตกทั้ง 3 ค่าย ขุนชำนาญชาญณรงค์ (อู่) อาสาถวายบังคมลากรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) ออกไปรบพร้อมพลทหาร 300 คน

ครั้นทัพของขุนชำนาญชาญณรงค์ไปถึงทัพพระธนบุรีได้เข้าโจมตีต่อเป็นสามารถ กระทั่งทหารฝ่ายพระธนบุรีหนีแตกพ่ายไปเหลือแต่พระธนบุรีอยู่สู้รบต่อ ฝ่ายขุนชำนาญชาญณรงค์ถือดาบเข้าโจมตีฟันถูกคอพระธนบุรีขาดบนหลังม้า จึงได้ตัดศีรษะของพระธนบุรีนำไปถวายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) ทรงมีพระทัยยินดีนักจึงมีรับสั่งให้จัดพลทหารขึ้นอีกจำนวนมากเพื่อเตรียมเข้าโจมตีพระราชวังหลวง

เจ้าฟ้าอภัย
เจ้าฟ้าอภัย

ครั้นทหารฝ่ายวังหลวงพ่ายให้กับฝ่ายวังหน้าอยู่หลายครั้ง เจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ทรงตกพระทัยกลัว จึงเก็บพระราชทรัพย์ลงเรือพระที่นั่งเดียวกันแล้วเสด็จหนีไปทางป่าโมกในเวลากลางคืน

เมื่อเรือแล่นมาถึงบ้านเลน เจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์จึงเสด็จหนีไปทางบกหนีไปถึงป่าอ้อป่าพงแขมใกล้บ้านเอกราช นายด้วงมหาดเล็กเสด็จตามทั้งสองพระองค์ได้เที่ยวขอข้าวจากชาวบ้านมาให้ทั้งสองพระองค์เสวยอยู่ 7 วัน

วันหนึ่งนายด้วงมหาดเล็กได้รับพระราชทานพระธำมรงค์ (แหวน) ให้ไปซื้อข้าว ชาวบ้านเห็นแหวนก็รู้ว่าเป็นแหวนของเจ้านายจึงไปบอกมูลเหตุแก่ขุนชำนาญชาญณรงค์ จึงได้ยกพลทหารไปจับนายด้วงมหาดเล็ก และเข้าล้อมป่าพงแขม

...

เจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ตกพระทัยกลัวขุนชำนาญชาญณรงค์ ทรงถวายพระแสงดาบ 2 เล่มของพระองค์ ขุนชำนาญ เกลี้ยกล่อมและจับทั้งสองพระองค์นำไปถวายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) เจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์จึงถูกประหารชีวิตให้สิ้นพระชนม์ด้วยท่อนจันทน์ตามราชประเพณี

เจ้าฟ้าปรเมศร์
เจ้าฟ้าปรเมศร์

หลังเหตุการณ์สงบแล้ว กรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงได้ขึ้นครองราชย์เฉลิมพระนามว่าพระมหาธรรมราชา

นอกจากนี้ยังมีเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ถูกประหารอีกหลายพระองค์ รวมทั้งขุนนางฝ่ายเจ้าฟ้าอภัย เช่น พระยาพิชัยราชา (เสน) กับพระยายมราช (พูน) ซึ่งหนีไปบวชอยู่แขวงเมืองสุพรรณบุรีนั้น ข้าหลวงได้ติดตามไปจับตัวขณะบวชเป็นภิกษุและให้คุมตัวไว้ที่วัดฝาง

นายสังราชาบริบาลซึ่งหนีไปบวชอยู่แขวงเมืองบัวชุม ข้าหลวงตามจับได้ให้สึกแล้วประหารชีวิตที่ตะแลงแกง ส่วนภิกษุเสนกับภิกษุพูนที่วัดฝางนั้น กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) โปรดให้แขกจามมาแทงให้ตายในเวลากลางคืน

...

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิง” เพิ่มเติม