สเตฟาน ฐสิษฐ์ เปิดใจถึงเหตุผลที่ออกจากวงการบันเทิง เพราะรู้ว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง และรู้สึกเบื่อกับการทำงานในวงการ และมักจะถูกคนในสังคมมาตัดสินอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่มีความสุขกับการเป็นดารานักแสดงเท่าไร

และอีกเหตุผลเนื่องมาจากคุณแม่ได้ป่วยหนักเมื่อหลายปีก่อน เลยอยากจะออกมาดูแลแม่ และอยู่กับแม่ให้ได้มากที่สุด เพราะตลอดเวลาที่ทำงานในวงการไม่ค่อยจะมีวันหยุดได้อยู่กับครอบครัว หาแต่เงินเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นคนสตรีมเกม แม้เงินจะไม่มาก แต่ก็มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่  

จู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิง สำหรับพระเอกหนุ่ม สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นสเตฟานถือว่าเป็นพระเอกอันดับต้นๆ ของช่อง 7 ที่จากตอนแรกคิดว่าจะพักงาน

แต่สุดท้าย สเตฟาน ขอลาออกจากการเป็นดารา-นักแสดง ไปใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ชิลล์ๆ ตามแบบที่ตัวเองต้องการ ซึ่งสเตฟานขอเปิดใจพูดถึงสาเหตุที่ไม่ทำงานในวงการบันเทิงเป็นครั้งสุดท้ายผ่านการสตรีมสดทางยูทูบแชนแนล ของตัวเองว่า  

“มีคนถามผมเยอะมาก ว่าทำไมถึงเลิกเล่นละคร อาจจะงงหน่อยนะ แต่มันคือความคิดของผม มันเป็นเหตุผลหลักๆ ผมต้องอธิบายก่อน ผมเข้าวงการเพราะว่ามีคนชวนไปเล่นโฆษณา ชวนไปถ่ายแบบเดินแบบ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ ผมเพิ่งเรียนจบกลับมา

...

พอผมมาทำงานถ่ายโฆษณาแป๊บเดียวก็ได้แสนกว่าบาท ได้ตังค์เยอะ มันก็คุ้ม พอทำไปเรื่อยๆ ก็มีคนชวนไปเล่นละคร ผมเล่นละครมาเรื่อยๆ มันเป็นงานที่ สำหรับเด็กคนนึงที่เพิ่งเรียนจบมา มาเล่นละคร ได้เงินเยอะก็เลยเล่น

แต่ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าผมเป็นดาราหรือพระเอก ผมคิดว่าผมเป็นคนธรรมดาที่มาทำงานในวงการมากกว่า ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมเป็นพระเอก ไปไหนแล้วคนต้องมานั่งเอาใจผม หรือมีสิทธิ์มากกว่าคนทั่วไป ผมแค่อยากจะใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป คนบางคนทำงาน 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เลิกงานอยากทำอะไรก็ทำ ได้ทำเต็มที่ 

ตอนเด็กๆ ผมอาจจะไร้เดียงสา ที่คิดว่าตอนเล่นละครผมก็เป็นพระเอก พอกลับบ้านผมก็เป็นสามัญชนทั่วไป นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีความสุขกับการเล่นละครนะ แต่ผมไม่มีความสุขกับการที่ชีวิตผมเป็นดารา ผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่ผมไม่ได้ติสต์นะ ผมไม่เคยทำตัวหยิ่งยโส ผมทำตัวเป็นคนปกติอยู่ในวงการแต่มันอยู่ไม่ได้

คนที่อยู่ในวงการมันต้องทำตัวอยู่ในวงการ แต่ผมทำไม่ได้ วันก่อนผมเป็นดารา จนตอนนี้ผมเลิกเป็นดารา ผมนิสัยอย่างไรผมไม่เคยเปลี่ยน มันอยู่ยาก และผมเหนื่อย เบื่อที่จะต้องทำอะไรตามคนอื่น ผมเป็นคนทำอะไรเพราะผมอยากทำ ผมเป็นคนกลัวการติดคุก กลัวถูกขัง กลัวไม่มีอิสระ ผมอยากใช้ชีวิตตามที่ผมอยากใช้

ผมเล่นละครเป็น 10 ปี ผมได้หยุดนับวันได้เลย ผมได้หยุดสงกรานต์ทุกปี แต่วันพ่อวันแม่ไม่ได้หยุด ผมจำได้มีครั้งนึงผมโกรธคนที่กองถ่ายมากเพราะว่าวันแม่ผมต้องถ่ายละครทั้งวัน ผมถ่ายถึงตอน 8 โมงเช้านะ แล้วผมคิดว่าผมจะได้กลับบ้าน แต่ปรากฏว่าต้องไปอาบน้ำแล้วรีบกลับมา 11 โมงเพราะเราต้องถ่ายต่อ ผมโกรธมาก ผมถามคนที่อยู่ที่กองว่าเมิงไม่มีแม่เหรอ ไอ้สัตว์ วันนี้วันแม่นะเว้ย เมิงยังจะให้กูทำงานอีกเหรอ

ผมทำงานทุกวัน 10 ปีของผมมันผ่านไปไวเหมือนกะพริบตาจริงๆ นะ เวลามันผ่านไปเร็วมากเลยไม่น่าเชื่อ เพราะว่าผมไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันเลย ผมใช้เวลามองถึงอนาคตอย่างเดียว อีก 4-5 เดือนผมถ่ายละครเรื่องนี้จบ ก็ก้มหน้าถ่ายไปให้มันเสร็จ จบปั๊บเรื่องใหม่มา ผมก็ต้องก้มหน้าถ่ายไปเรื่อย ผมก้มหน้า 10 ปี จนผมตื่นขึ้นมาอีกที 30 แล้ว

การเป็นดาราก็เป็นทาสของสังคม คนมีชื่อเสียงก็เป็นทาสของสังคม ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เราก็จะมีผู้พิพากษาเป็นสังคมเสมอ สังคมจะมามองเรา ตัดสินเรา มาคิดว่าสิ่งที่เราทำดีหรือไม่ดี มาเป็นตัวตัดสินเรา

...

แล้วผมเป็นคนไม่ชอบแบบนั้น ผมชอบเป็นคนที่ตัดสินใจสิ่งที่ตัวเองจะทำ เลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นอยากทำ ผมไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร ผมไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองผมยังไง

แต่ผมไม่ชอบที่คนอื่นคิดว่าเค้ามีสิทธิ์ที่จะมามองเรา ผมไม่ชอบที่เค้าคิดว่าเค้ามีสิทธิ์มาสั่งเรา สอนเรา มาบอกว่าเราควรจะใช้ชีวิตยังไง เราเกิดมาเรามีชีวิตของเรา พ่อแม่เราให้เรามา เราก็อยู่ในครอบครัวของเรา ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข คนอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะมายุ่งกับเรา 

เราอาจจะอยู่ในสังคมก็จริง แต่เราไม่ได้เลือกให้คนอื่นเข้ามาบอกว่า ผมควรทำอะไร หรือทำไมทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ พูดจาไม่เพราะเลยมันไม่ดีนะ สูบบุหรี่กินเหล้ามันไม่ดีนะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี สิ่งไม่ดีที่ผมทำ คนมาว่าผมเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชน และสิ่งดีๆ ที่ผมทำล่ะ เคยชมผมมั้ย

ผมเรียนจบมหา'ลัย ผมจบเกียรตินิยมอันดับ 1 นะ ตอนลูกคนอื่นเค้าจบได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เพราะสเตฟานได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เค้าคงเอาแบบอย่างสเตฟาน เปล่าเลย เค้าชมลูกเค้าเองว่าลูกฉันเกิดมาฉลาดมาก หรือว่าพ่อสอนมาดี แม่สอนมาดี ครูอาจารย์สอนมาดี

...

แต่ถ้าสมมติผมสูบบุหรี่ แล้วลูกเค้าดูดบุหรี่เค้าก็มาโทษสเตฟานนะ เพราะว่าลูกเค้าชอบดูสเตฟานก็เลยชอบดูดบุหรี่ตามสเตฟาน ทำไมเค้าไม่โทษตัวเค้า อย่างนี้มันไม่แฟร์

ไอ้สิ่งที่ไม่ดี ที่ลูกตัวเองทำแล้วมาโทษคนที่มีชื่อเสียง คนที่อยู่ในวงการ หรือว่าใครก็ตาม ว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่พอสิ่งดีๆ ที่ลูกตัวเองทำ กลับชมตัวเองว่าสิ่งๆ ที่ได้มาจากเค้า มันก็ไม่ควร ถ้าผมจะเป็นตัวอย่างให้เยาวชน ก็ต้องชมทั้งข้อเสียและข้อดี ไม่ใช่เลือกชมตัวเอง แล้วเรื่องไม่ดีโทษคนอื่น 

ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเล่นละคร ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบที่จะอยู่ในวงการ ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรือคิดว่าตัวเองดีกว่าวงการนะ ผมแค่รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งพวกนี้ บางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ก็มาว่าผมแล้ว ว่าผมทำไม่ถูก ไม่ดี มาว่าผมทุกวัน มาออกข่าวปลอมๆ บ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมออกจากวงการ เพราะว่าผมก็ต้องเป็นคนทำงาน เอาเงินมาดูแลแม่พ่อ ส่งน้องเรียน และเก็บบางส่วน

ประมาณปีที่ 9 แม่ผมป่วย ผมเป็นคนรักแม่มาก แม่เสียสละให้ผมทุกอย่าง แม้ผมจะซนแม่ผมจะสอนผมตลอด ผมโดนแม่ตีทุกวันเลย เวลาผมซนแม่ผมกระทืบเลยนะ คนชอบอวดว่าเคยโดนก้านมะยมตีเปล่า บ้านผมไม่เคยใช้ก้านมะยมตี บ้านผมใช้ไม้กวาดที่เป็นไม้ไผ่ฟาด ผมไม่เคยเห็นสีผิวผมเป็นสีเขียว เห็นแต่เป็นสีม่วง ช้ำตลอด ห้อเลือด

...

แม่ผมซ้อมผมเหมือนบัวขาว อัดผม ต่อยผมรั่วๆ (หัวเราะ) แต่พอแม่ผมป่วย เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคไต แม่ผมต้องฟอกไตวันเว้นวัน ผมรู้สึกเลยว่า 10 ปีที่ผมทำงานมา แม้ผมจะดูแลพ่อแม่น้องผม แต่ผมไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับแม่ผมเลย ผสมกับการที่ผมเหนื่อยจากการเล่นละคร เหนื่อยที่ต้องเป็นทาส รู้สึกไม่อิสระ

และผมรู้ว่าแม่ผมอยู่อีกไม่นาน แม้หลายคนอาจจะพูดว่าผมทำในสิ่งที่ไม่ถูกก็ตาม แต่หมอบอกว่าแม่กินน้ำวันนึงได้แค่ประมาณ 350 มิลต่อวันเพราะว่าไตทำงานหนักมาก กินข้าวได้น้อยมาก ผมบอกแม่ว่า อยากกินอะไร กินไปเลย ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ให้มีความสุข ให้สบายที่สุดดีกว่า อยู่ 5 ปีแล้วทรมาน สู้อยู่ 2 ปีแต่มีความสุขสุดๆ ดีกว่า 

พอแม่ผมเสีย ผมก็ย้ายบ้านมาอยู่กับพ่อและน้องสาวคนเล็ก คนกลางเค้าแต่งงานไปแล้ว เพราะพ่อผม 76 แล้ว ผมรู้ว่าพ่อผมคงอยู่กับผมได้ไม่นาน ผมเลยอยากจะอยู่กับพ่อผมให้นานที่สุด ผมไม่ใช่ลูกที่ดี ผมยอมรับ ไม่ใช่คนที่กราบพ่อแม่ แต่ผมรักพ่อแม่ผม บางทีอาจจะเคยขึ้นเสียงใส่พ่อแม่ และผมก็รู้สึกผิด ตอนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่เราควรอยู่กับท่านให้มีความสุข

หลังจากไม่ได้เป็นดารา ผมอาจจะไม่สบาย ไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนตอนเป็นดารา หรือหาเงินง่ายเหมือนตอนเป็นดรา แต่ทุกวันผมตื่นมา ผมมีความสุขมากกว่าตอนผมเป็นดาราอีก ผมไม่อยากใช้ชีวิตตัวเองเพื่อคนอื่น แต่ที่ผมออกจากวงการคือตอนแม่ผมไม่สบาย นั่นคือสิ่งที่ผมตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่กลับไปเล่นละคร

แม้บางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน ใช้ชีวิต เป็นตัวที่สร้างมาใส่หน้ากาก บางคนอาจจะมีความสุขไม่ซีเรียส บางคนอาจจะมีความสุขอยู่ในโลกปลอมๆ ผมไม่ได้พูดถึงโลกในวงการนะ หมายถึงโลกทั่วๆ ไป 

ถามว่าไม่เสียดายเงินเหรอ ผมเล่นละครเรื่องนึงผมก็ได้เป็นล้านแล้ว ผมโชว์ตัวชั่วโมงนึงก็ได้เป็นแสนแล้ว เมื่อก่อนผมใช้เงินเก่ง ผมกินเหล้าทุกวัน วันละ 5 หมื่น ผมอยากได้รถผมซื้อเงินสดเลย ซื้อของทุกวันแต่ก็ไม่มีความสุขเลย

แต่ตอนนี้ผมมาสตรีมเกม เพราะผมชอบเล่นเกม ไม่ได้หวังอะไรเลยนะ คนชอบดูผมเล่นเกมแล้วมีความสุขผมก็ดีใจ มีคนถามผมเยอะนะว่าทำไมถึงออกจากวงการ วันนี้คงได้รู้แล้วว่าเพราะอะไร"