ต้อม ไกรวิทย์ เผยชีวิตลุกมาแต่งหญิงในวัย 50 เหมือนเพิ่งค้นพบตัวเอง ยอมรับมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เมื่อก่อนพ่อรับไม่ได้เลยที่ตนเองเป็นแบบนี้ แต่ใช้ความดีเข้าแลก เลยทำให้พ่อเริ่มมองข้ามไป เคยเครียดหนักถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ส่วนเรื่องชีวิตครอบครัวคบกับแฟนฝรั่งมา 20 ปีแล้ว ก็ยังแฮปปี้ดี แต่อีกฝ่ายไม่ค่อยอยากออกสื่อเท่าไรนัก...
ลุกขึ้นมาแต่งหญิงจนทำให้หลายคนตกใจ มีทั้งชอบและไม่ชอบจนวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา สำหรับอดีตนักร้องหนุ่ม แต่ปัจจุบันได้ผันตัวเองมาเป็นช่างทำผม ต้อม ไกรวิทย์ พุ่มสุโข ล่าสุดมาเปิดใจกับอาจารย์ยิ่งศักดิ์ ในรายการ ยิ่งศักดิ์ยิ่งแซ่บ ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.15 น. ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 โดยต้อมได้เปิดใจในทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่ลุกขึ้นมาแต่งหญิงในวัย 50 ว่า
ในตอนแรกไม่ได้รู้สึกจะเป็นผู้หญิง เกิดมาอย่างนี้ 50 ปีแล้ว จะมามีนม ผ่าอันนี้มาใส่อันนี้มันไม่มีทาง เมื่อถูกถามว่า ทำไมจากเป็นนักร้องนักแสดง แล้วถึงเปลี่ยนไปเป็นอาชีพช่างทำผม ต้อมบอกว่า ในตอนนั้นย้ายไปต่างประเทศกับแฟน แล้วรู้สึกว่าอยากไปเรียนร้องเพลงแล้วกลับมาเปิดโรงเรียนสอนร้องเพลงในไทย แต่ไปเจอเขาเปิดสอนทำผมเลยตัดสินใจไปเรียนเพื่อไว้เป็นงานอดิเรก แต่ก็มาค้นพบว่า ตนเองชอบมากก็เลยเรียนเต็มคอร์สเลย
...
หลังจากลุกขึ้นมาแต่งหญิง ก็มีคนตกใจ มีคนไม่ชอบ และมีคนว่าด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ชอบมากในความเป็นหญิง คือการใส่รองเท้าส้นสูงที่ชื่นชอบมาก แต่ไม่ได้มีเป็นร้อยคู่ ช่วงที่แต่งบอยๆ ก็มีรองเท้าเยอะอยู่แล้ว ยอมรับว่าเป็นคนกรามใหญ่แต่นมไม่มีจริง และไม่ได้คิดที่จะไปทำนมให้เป็นผู้หญิง เพราะตนเองเป็นคนตัวใหญ่ไหล่กว้าง ถ้ามีนมอีก ก็จะตัวใหญ่มาก
ยอมรับว่า พ่อไม่ชอบที่ตนเองเป็นแบบนี้ เพราะพ่อเป็นสุภาพบุรุษและแมนมาก ตอนเด็กๆ จะเป็นเด็กขี้โรค ติ๋มๆ เป็นลูกแหง่ ชอบอยู่ใกล้แม่มากตั้งแต่เด็กแล้ว อีกทั้งยังยอมรับว่า เคยพาครอบครัวไปงานวันเกิดตนเองแล้วเปิดตัวแฟน ซึ่งตอนนี้เป็นอดีตแฟนไปแล้ว แต่พ่อไม่ชอบ ตนเองก็ยังเลือกที่จะคบคนนี้ต่อ
มีครั้งหนึ่งพ่อเอาของไปให้ที่บ้านแล้วเจออยู่กับแฟนคนปัจจุบัน ตอนนั้นพ่อโกรธมาก แล้วพูดกับแม่ว่า ให้บอกต้อมให้เคลียร์เรื่องนี้ให้จบ แต่มา ณ ปัจจุบันนี้ ตนเองได้พิสูจน์ให้พ่อได้เห็น โดยใช้ความดี ดูแลแม่ที่ป่วยจนเสียชีวิต และดูแลพ่อที่กำลังป่วยอยู่ ซึ่งลูกเขยฝรั่งก็มาช่วยดูแลพ่อด้วย
แล้วพ่อก็รู้สึกว่า ถึงตนเองจะเป็นอะไรก็ตาม แต่อยู่ในความเหมาะสม ยังเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ แต่เชื่อว่า ความรู้สึกของพ่อไม่ได้ 100% แต่เค้าพยายามมองข้ามตรงส่วนนี้
...
จากเหตุการณ์นั้น ต้อมก็ได้บอกถึงกรณีที่พ่อไม่ยอมรับลูกที่เป็นแบบนี้ว่า “วันนี้ไม่มีใครที่เด็กลง มีแต่แก่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าตัดเรื่องเพศทิ้งไป แล้วมองว่า ลูกจะมีใครสักคนหนึ่งที่เค้าจะมาอยู่เคียงข้าง หรือช่วยดูแลในยามที่พ่อแม่ก็อายุมากขึ้นหรืออาจจะจากไป แล้วไม่มีใครดูแลเรา คนๆ นี้จะอยู่ดูแลเรา ไม่ต้องมองเรื่องอื่น เค้าจะช่วยดูแลเรา พ่อกับแม่จะรับได้มั้ย
คุณค่าของความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะเป็นอะไร แต่ถ้าใครคนนั้นมีโอกาสทำประโยชน์ให้สังคม หรือทำอะไรอื่นๆ นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ภูมิใจมากที่สุดไม่ใช่เหรอ แต่ที่น่าแปลกคือ ลูกที่เป็นตุ๊ด เป็นเกย์ เก้ง กวาง กลายเป็นลูกที่ใกล้ชิดและดูแลพ่อแม่”
กับผู้ชายคนปัจจุบันที่เป็นฝรั่งที่คบอยู่ คบกันมาจะ 20 ปีแล้ว แต่เค้าเป็นคนที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบออกสื่อ ตอนที่คบกันตั้งแต่แรก ตนเองยังแต่งบอยๆ อยู่ พอมาแต่งหญิง แฟนก็ถามว่า “ตกลงคุณจะเป็นอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจเลย กลัวกลับมาบ้านแล้วแฟนมีนมตั้งอยู่บนโต๊ะ”
ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนในชีวิต เลยทำให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น มีความสุขกับการสัมผัสมากกว่า เช่นการกอด การหอมแก้ม การสัมผัสกัน เคยมีครั้งหนึ่ง กลายเป็นคนไฮเปอร์ ที่ดูเหมือนแบกโลกแบกภาระไว้ทุกอย่าง จนทำให้ป่วยนอนไม่ได้ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ใจสั่น เหงื่อแตก เดี๋ยวก็หนาวเจ็บกระดูกเหมือนผู้หญิงวัยทอง
จำได้ว่าเป็นครั้งแรกตอนตี 2 อยู่ดีๆ ก็ตื่นขึ้นมา เหงื่อแตกเหมือนแอร์พัง รู้สึกจะเป็นลมเลยเอายาลมมาดื่ม เลยขับรถไปโรงพยาบาล หมอบอกไม่ได้เป็นอะไร ต้องไปพบจิตแพทย์แทน แต่ไม่ได้เป็นบ้านะ
...
คือตอนที่ไปหาหมอ คุณหมอเค้าจะพูดเกี่ยวกับคุณแม่เยอะมาก เหมือนเค้าพูดปลดปมบางอย่าง เค้ารู้สึกว่าเราเครียดและอยู่กับเรื่องความเจ็บป่วยเยอะเกินไป จากแม่ไล่มาพ่อ จากพ่อไล่มาน้องสาว หมอบอกว่า ด้วยพฤติกรรมตนเองตอนนี้เริ่มมีปัญหาเรื่องฮอร์โมน
เมื่อถูกถามว่า เคยแอบไปกินฮอร์โมนหรือยาคุมมาแน่ๆ ต้อมยืนยันว่า ไม่ได้ทำ ถ้าทำจะมีอาการติ๊งต๊องกว่านี้อีกเยอะ เคยมีอารมณ์ปรวนแปรเหมือนกัน
คืออยู่ดีๆ กลับมาบ้านยังมีพลังงานทำอะไรอีกเยอะ รู้สึกคึก อยากทำ แต่มันดึกแล้วก็ทำไม่ได้ เคยมีบางครั้งลุกขึ้นมาวิ่งตอน 3-4 ทุ่ม ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อน หมอก็เลยแนะนำให้ปรับตัวเองใหม่ ต้องนอนให้เร็วขึ้น
สุดท้ายต้อมได้ฝากว่า “ขอบพระคุณหลายๆ ท่านที่เป็นกำลังใจให้ และยอมรับได้ในความเป็นไป ในความเปลี่ยนแปลง สำหรับท่านที่ยอมรับไม่ได้และต่อว่ามาบ้าง อันนี้ต้องกราบขออภัยจริงๆ ไม่เคยคิดจะปกปิดหมกเม็ดอะไร
แต่ว่าอยากให้เข้าใจว่าวันนี้ต้อมก็ 50 กว่าแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นวันนี้ เราแค่อยากทำวันนี้ให้ดีที่สุดกับคนรอบตัวเรา ต้อมก็ยังทำงานเพื่อสังคมอื่นๆ ยังช่วยงานของมูลนิธิมะเร็งของรามาธิบดีอยู่ ซึ่งการจัดคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง ต้อมก็ชวนพักพวกที่มีปัญหาเรื่องการเจ็บป่วย
...
คือขอให้ทุกๆ ท่านเห็นใจสักนิดหนึ่งว่า ในความเป็นคนๆ หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็ได้ อาจจะเป็นคนใกล้ตัวท่านก็ได้ ถ้าเค้าเป็นอะไรก็ตามแล้วมีความสุข ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้สังคม ถึงแม้ท่านมองแล้วอาจจะขัดหูขัดตาบ้าง
แต่ลองมองในสิ่งที่ดี ให้กำลังใจ ให้เค้าสร้างงานที่เป็นประโยชน์ให้สังคมหรือคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้อมกำลังทำอยู่ เราก็จะมีความสุขเหมือนกัน และท่านก็ไม่ทุกข์ด้วย ขอบคุณมากค่ะที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ”.