เรื่องจริงไม่ใช่คอนเทนต์! หลังนักร้องอีสานอินดี้ ม่อน วรวิทย์ เทิร์นโปรฯ หันมาแต่งหญิงเป็นบีม่อนเซ่ จนกรรมการอึ้งทั้งแผ่นดิน พากันสงสัยว่ามันคือเรื่องจริงหรือการแสดง ล่าสุดพี่ชายแท้ๆเจ้าของเพลงดังหลายล้านวิว "เม้ก อภิสิทธิ์" พร้อมออกสื่อคู่กันแบบจัดเต็ม เปิดใจเบื้องหลังของครอบครับ ผ่านรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข 23 กับพิธีกรตัวแม่ "พี่หนูแหม่ม สุริวิภา" ดีใจที่ได้เห็นน้องปลดล็อคแกรนด์โอเพนนิ่งเป็นตัวเองได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์

รู้ว่าน้องเป็นLGBTQ+ตั้งแต่เมื่อไร?

เม้ก : ก็น่าจะตั้งแต่ตอนซ้อมมวยด้วยกันตั้งแต่อนุบาลอ่ะ



น้องเขามีอาการมาทางนี้ตั้งแต่อนุบาลเลยหรอ?

เม้ก : ตอนอนุบาล 1 ยังไม่รู้ เพิ่งมารู้อีกซักปีนึง ตอนอนุบาล2

แล้วเราสังเกตรู้ได้ยังไงว่าน้องเป็น?

เม้ก : คือเขาไม่ชอบเล่นรุนแรงเหมือนผู้ชาย และเขาจะติดแม่มากกว่า เมื่อก่อนแม่เปิดร้านเสริมสวย เขาจะเอาเครื่องสำอาง เอาชุด เอาเกาะอกมาใส่

...

ม่อน : ชอบเอาชุดชั้นในแม่มาเล่น

แล้วพอเห็นน้องชอบแบบนั้น เรารู้สึกยังไง?

เม้ก : ก็ถามว่าห้ามมั้ย ก็มีห้ามครับ ส่วนพ่อไม่ได้เลย มีไล่เตะเลย (หัวเราะ)



ในตอนนั้นพ่อห้าม..พี่รู้ เราได้บอกน้องยังไง?

เม้ก : ในใจเรา ถ้าเป็นก็โอเคนะ แต่เอาจริงๆ ผมไม่อยากให้เขาแต่งแบบนี้เลย แต่ว่ามันหยุดไม่ได้แล้ว (หัวเราะ)

ขอถาม..ครั้งแรกที่เขาเปิดตัวแกรนโอเพนนิ่งแต่งหญิงขึ้นคอนเสิร์ตเรารู้ล่วงหน้าก่อนมั้ย?

เม้ก : ไม่เลยครับ

ม่อน : อันนี้เบาๆ นะคะ 

เม้ก : ก็รู้ว่าน้องเป็นมานานแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงขนาดนี้นะครับ หน้าตาผมก็ตกใจนิดนึงครับ แต่เอาจริงๆ ก็แอบภูมิใจนะครับที่ได้เห็นน้องปลดล็อกในใจอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งปกติผมเห็นว่าเขายิ้ม เขาจะกัดฟันตลอด แต่ว่าพอเขาปลดล็อกเป็นตัวเอง เวลาเขายิ้มเค้าหัวเราะ จะเห็นลิ้นไก่เขาตลอดเลย มันมีความสุข

พอเปิดตัวไปในฐานะพี่ชาย กลัวมีผลกระทบเรื่องงานกับเรา และน้องบ้างมั้ย?

เม้ก : ตอนแรกก็มีกังวลอยู่ครับ ว่าคนจะชอบแบบนี้มั้ย เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง การที่น้องเปิดมันเป็นการตัดสินใจครั้งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่ก็มันก็เป็นผลดีต่อตัวเอง มันเป็นความสบายใจ จะทำอะไรก็ได้



เห็นคนรักน้องเยอะแบบนี้ มีห่วงมีกังวลอะไรมั้ย?

เม้ก : กังวลครับ เขาจะดังกว่าผม แย่งงานผมไปหมดแล้ว (หัวเราะ)

ทำไมถึงคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องเปิดตัว?

ม่อน : เพราะว่าวันนั้นหนูอยากทำจริงๆ รวบรวมความกล้าของตัวเองมา ที่ผ่านมาทั้งชีวิตไม่ใช่ตัวเราเองจริงๆ คือหลังกล้องทุกคนอาจจะไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร เราก็ทำตามหน้าที่ตามบทบาทของเรา ที่เราได้ทำที่เราได้รับ แต่พอถึงวันที่เราอยากจะเป็นตัวเราเองจริงๆ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ ก็เลยตัดสินใจ เราพูดกับตัวเองว่าฉันจะทำนะ ฟังเสียงตัวเองให้เยอะๆ และก็ทำมัน



...





...