รายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3 สัมภาษณ์ ทนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของข้าวโพด สมิทธินันท์ นักธุรกิจสาว ซึ่งเป็นผู้เสียหายของคดี นานา ไรบีนา มีช่วงหนึ่งที่ทนายสวัสดิ์พูดถึงเรื่องสลิปโอนเงิน โดยบอกว่า ได้คุยกับคนที่มีชื่ออยู่ในสลิปโอนเงินของนานา โดยนัดมาคุยกันแถวนนทบุรี เขาก็มาเจอกับตน เอาสเตจเมนต์มาหมดเลย
ก็เอามาเช็กมาไล่วันก็ไม่มี ตอนนั้นยังไม่คิดว่ามีพิรุธ ก็ถามเขาว่าเอามาหมดหรือเปล่า เขาก็บอกว่าหมด แต่พอลองดูบางส่วนเห็นรหัสมันคล้ายๆ ก็เชื่อว่าคล้าย แต่พอหลังจากออกรายการของหนุ่มเมื่อวานไป เลยลองไปสรุปมา ปรากฏว่าเลขรหัสอ้างอิงเหมือนกันหมดทุกใบเลย แต่ยอดเงินแต่ละใบไม่เท่ากัน รวมถึงวันที่ไม่เหมือนกัน
เกี่ยวกับประเด็นนี้ ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนานา ก็ได้ตอบถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าต่อสู้ก็ต้องพิจารณาจากคนที่เอาเงินมาให้ไม่ว่าจะกู้หรือลงทุน เขาต้องการอะไรจากการเอาเงินมาให้ เขาต้องการดอกเบี้ยหรือลงทุนทำธุรกิจ ถ้าลงทุนทำธุรกิจ ต้องขอดูสัญญากู้ยืม แต่ถ้าเอาไปกู้จริง คุณนานาไม่โดนดำเนินคดีเลย เพราะร่วมกันเอาเงินไปปล่อยธุรกิจเงินกู้ที่ดอกเบี้ยมันเกิน เขาจะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย เพราะวัตถุประสงค์มันขัดกฎหมาย แค่ตกลงจะไปปล่อยเกินมันก็เป็นความผิดแล้ว ไม่ใช่ผู้เสียหาย ดำเนินคดีไม่ได้เลย
...
มุม 2 เขาให้กู้ เขาเชื่อบุคคลที่ 3 ที่นานาเอามาอ้าง หรือเขาเชื่อในตัวนานา ถ้าเขาเชื่อถือในตัวนานา คือให้นานากู้นั่นแหละ เพราะคุณไม่ได้เอาหนี้กับนานา แต่ในมุมพี่ เราเอาไปให้กู้ ก็ต้องฟังดูว่าคนให้กู้เขาได้ดอกแล้วไปหามาอีก เขาอยากได้ดอกหรือเปล่า ทางนี้ก็อยากได้เงินไง ร้อนเงินไง
หนุ่มบอกว่า พูดง่ายๆ ว่าทนายสายหยุดเองจะสู้ในมุมว่ารู้อยู่แล้วว่าเงินเอาไปปล่อยดอก เพราะฉะนั้นก็เป็นการสมรู้กับฝั่งนานาในการเอาไปปล่อยดอกถูกไหม ทนายสายหยุดบอกว่า ผมตั้งข้อสังเกตนะ หนุ่มพูดสรุปอีกว่า พี่มองแบบนี้ว่าก็รู้อยู่แล้วว่าจะเอาเงินไปปล่อยดอก แล้วคุณได้ดอก ฉะนั้นคุณรู้อยู่แล้ว จะมาอ้างว่าต่อแรกเป็นนานา ให้เงินนานาไปลงทุนปล่อยดอก ไม่ได้ ก็ต้องร่วมกัน ทนายสายหยุดบอกว่า ต้องดูว่าเขาทำยังไง ก็เป็นช่องที่ผมจะต่อสู้ในช่องนี้
ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล บอกว่า ก็ถูกในมุมของเขา ต้องแล้วแต่เขา แต่วิญญูชนต้องถามว่าคนที่ให้เงิน ให้เพราะอะไร เขาเชื่อในเอกสารต่างๆ ว่ามีการปล่อยจริง เป็นเรื่องเหยื่อที่เขาตกเบ็ด ถือว่าลงทุน ทนายสายหยุดบอกว่า ที่พี่แก้วพูดไม่ได้ถูกแบบนั้น เพราะการโอนเขาโอนไปให้ผู้ให้กู้ แล้วมันเกิดภายหลังจากคนโอนมาแล้ว เหมือนลงทุนร่วมกันคนละครึ่ง เขาก็ปลอมสลิปนั่นแหละ เอาไปหลอกว่าโอนแล้ว
หนุ่มถามว่ายอมรับว่าปลอมสลิปจริง ทนายสายหยุดบอกว่า สลิปมันปลอมอยู่แล้ว แหม เลขเดียวกัน 20 ใบ มันตรวจไม่มีโอนก็ปลอมอยู่แล้ว แต่ปล่อยเพื่ออะไรล่ะ เพื่อเจตนาจะกู้ตังค์ มันมีเจตนาเดียว หนุ่มสรุปว่าทนายสายหยุดสู้มุมเดียว เจตนาเดียวคือกู้ยืม ทนายสายหยุดบอกว่าเจตนาก็เพื่อจะกู้เงินเขา ล่อเพื่อจะได้เงินเขามา หนุ่มสรุปในฝั่งผู้เสียหายว่า แต่ทางนี้ต้องสู้ในมุมที่ว่าไม่ใช่ เงินเอาไปลงทุน
ทนายสวัสดิ์บอกว่า ที่ทนายแก้วกับทนายสายหยุดเถียง มันเป็นขั้นตอนกระบวนการที่เราจะสู้คดีในศาล แต่วันนี้เราพูดข้อเท็จจริงที่เราได้รับมาให้สังคมรู้ว่าพฤติกรรมเป็นยังไงจะชัดเจนกว่า
หนุ่มถามทนายสายหยุดว่า เหตุในการปลอมครั้งนี้เนื่องจากอะไร ทนายสายหยุดบอกว่ามี 2-3 เหตุ คือปลอมเพื่อประวิงการชำระเงิน อันที่ 2 คือการที่เขาชวนคนจ่ายเงินมาให้เขากู้เงินต่อ คนโอนโอนมาครึ่งนึง เขาก็ต้องโอนออกไปครึ่งนึงให้เหมือนกัน เขาก็เลยปลอมว่าโอนแล้วนะ แต่การที่เขาปลอม เขาทำหลังจากได้เงินมาก่อน หรือก่อนได้เงินจากเจ้าของเงินอันนี้ เป็นรายละเอียดที่ผมจะไปให้การและดูแชตประกอบ
...
หนุ่มสรุปว่า ทางฝ่ายทนายสายหยุดบอกว่าอันนี้ปลอมเพื่อให้ประวิงเวลา แต่ทางทนายสวัสดิ์บอกว่าไม่ใช่ ปลอมเพื่อตบตาว่าโอนต่อแล้วนะ มึงโอนมาใหม่ เพื่อกูจะได้โอนต่อ แต่ในมุมของทนายสายหยุดบอกว่าสลิปอันนี้มันมาทีหลัง แต่ทางฝั่งทนายสวัสดิ์บอกว่าไม่ใช่ มันมีวันตั้งแต่แรกที่โดนหลอก
ทนายสายหยุดบอกว่าแค่ดูตรงนี้บอกอะไรไม่ได้หรอก ต้องดูว่าฝ่ายผู้เสียหายโอนมากี่โมงกี่นาที แล้วนานาส่งสลิปปลอมกลับไปกี่โมงกี่นาทีวินาที คือต้องดูว่าใบไหนหลอกอะไร ใบไหนได้เงินแค่ไหนไป ทนายแก้วเสริมว่ามันจะมีเรื่องการใช้เอกสารปลอมด้วย ทนายสายหยุดบอกว่ามันจะมีปลอมเพื่อประวิงการชำระหนี้ เข้าใจว่าทนายสวัสดิ์มาพูดแค่ในมุมของข้าวโพด แต่เขาไปปลอมกับกลุ่มอื่นอีกก็มี ผู้เสียหายมันเยอะมาก แชตที่ส่งสลิปปลอมไปเพื่อประวิงการชำระหนี้ก็มี
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม