รายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3 เปิดใจ ข้าวโพด สมิทธินันท์ ถึงประเด็นที่เป็นผู้เสียหายกรณีถูก นานา ไรบีนา หลอกเอาเงินไปกว่า 70 ล้าน ซึ่งข้าวโพดเล่าว่า ข้าวโพดรู้จักนานามา 8 ปี ข้าวโพดรักนานามาก อธิษฐานสวดมนต์ให้ทุกวัน ครอบครัวเราเป็นเพื่อนกัน สามีเรา 2 คนก็สนิทกัน ข้าวโพดรักนานาเหมือนคนในครอบครัว ปกติข้าวโพดมีกลุ่มเพื่อนสนิท 20 ปี แต่หลังๆ สนิทกับนานาที่สุด ครอบครัวเราสนิทกัน เอาลูกเขามาเลี้ยง เสาร์-อาทิตย์ก็พากันไปเที่ยว ไปเที่ยวต่างประเทศ
หนุ่มถามว่า ทำไมอยู่ดีๆ ให้เงินไปยืมลงทุน ข้าวโพดกล่าวว่า ข้าวโพดมองว่านานาว่าเป็นคนขยันมาก เป็นนักธุรกิจ ชอบชวนเพื่อนๆ ทำธุรกิจ ข้าวโพดก็เป็นนักธุรกิจเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เคยจะทำธุรกิจด้วยกันหลายตัว แต่ไม่เกิดขึ้นเพราะนานาพูดว่าทำไมต้องมาทำธุรกิจ นานารู้จักคนคนนึงที่เขาเอาเงินไปลงทุนปล่อยตรงโน้นตรงนี้ เขาเป็นนักลงทุนหลายๆ อย่าง ซึ่งข้าวโพดก็เคยเจอคนคนนี้ประปรายตามสถานที่ต่างๆ แต่ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับคนคนนี้ เพราะนานาห้ามไว้ บอกว่าคนคนนี้ไม่ชอบคนเสียงดัง เขากลัว
...
พอมาวันนึง นานาบอกว่าเขาได้เงินมาก้อนนึง เขาจะยืมแค่ 3 เดือน เพื่อนเอาไปเลย 7% ทุกครั้งที่จะชวนลงทุน เขาจะ offer เปอร์เซนต์มาให้ ซึ่งข้าวโพดไม่เคยขอ เพราะเราไม่เคยรู้จักใครอยู่แล้ว เราฟังแต่นานา เขาให้ข้าวโพดช่วยจดดีเทลต่างๆ ซึ่งชื่อคนที่เคยให้จดที่ให้มาก็เป็นชื่อปลอม
เราก็จดตามที่เขาให้จด ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ข้าวโพดช่วยดูบัญชีให้ด้วย แต่เพื่อน 2 คนนี้โดนชวนไปลงทุนหุ้นและแอบอ้างชื่อคนอื่นๆ อีก เรื่องแอบอ้างชื่อนานาเก่งที่สุด เอาชื่อคนสำคัญในสังคมมาอ้าง เราก็เชื่อเพราะนานาดูเป็นคนขยันและกว้างขวาง
เงินก้อนแรกลงไป 3 ล้าน เป็นการเอาไปลงทุน ไม่มีการกู้ยืม ข้าวโพดรักนานามาก ถ้านานามาขอยืมก็ให้ยืมแบบไม่คิดดอกเบี้ย ข้าวโพดรักใครจะรักสุดตัว และซื่อบื้อมาก ตอนนั้นรู้ว่านานาโดนอายัดบัญชี (ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง) ก็สงสารเขามาก เขาบอกว่าเขาเดือดร้อนมาก สามีก็โดนด้วย อ้างถึงคนใหญ่คนโตว่าทำไมโดนมา โยงไปถึงคดีอื่นๆ ข้าวโพดรักเขามากเลยให้ยืมเครดิตการ์ดใช้ในกิจกรรมต่างๆ นานาไม่มีเงินแล้ว เพราะเงินที่ข้าวโพดเก็บมาทั้งชีวิตอยู่ที่เขาหมดเลย ข้าวโพดไปยืมญาติมาให้เขา ถ้าเป็นการยืมเงินระหว่างข้าวโพดกับนานามันไม่ใช่ เพราะข้าวโพดสปอร์ตพอ ให้เครดิตการ์ด ไปยืมญาติ ทั้งที่เงินก็ไม่มีแล้ว เพราะเงินไปอยู่ที่เขาหมดเลย
การที่ให้เงินเขาไป ได้เงินปันผลงวดแรกที่ได้ดอกเบี้ยมาคือ 7% ข้าวโพดตื่นเต้นมาก เอาจริงๆ ไม่เคยดูข่าวพวกแชร์ลูกโซ่เลย ซึ่งมันน่าจะเข้าข่าย แต่เราก็คิดว่านานาสุดยอด เลยรีบโอนเงินทันที ส่วน 7% ก็เป็นหัก ณ ที่จ่ายทันที นานาเป็นคนจัดแจงทุกอย่าง ข้าวโพดเป็นเสมียนของนานา ให้ทำอะไรหรือจดอะไรก็ทำทันที
ถามว่าแล้วเกิดอะไรขึ้น จาก 3 ล้านกลายเป็นเยอะแยะมากมายจนหลายสิบล้าน เพราะว่าบางทีนั่งกินข้าวอยู่ นานาบอกว่าลูกค้ามาแล้ว เอามั้ย แล้วก็มากดดันบอกว่าถ้าไม่เอา เดี๋ยวเพื่อนอีก 2 คนเอา เราก็ตื่นเต้น เพราะตอนนั้นช่วงโควิด ขายของยาก เศรษฐกิจแย่มาก ข้าวโพดทำธุรกิจอะไรก็หนืดไปหมด พอนานา offer ให้ 4-7% ก็เลยตาลุกวาว ข้าวโพดก็เป็นเสมียนให้นานา บางทีเพิ่งได้ผลกำไรตอนสิ้นเดือนแล้ว แต่พออีก 2-3 วัน นางก็โทรมาขอให้โอนอีก ทั้งที่ยังไม่ทันเอาเงินไปใช้หนี้สินเลย
ถามว่าความแตกตอนไหน ข้าวโพดบอกว่า โป๊ะแตกเพราะว่าเขาอ้างว่า ป.ป.ง. บอกว่าปิดบัญชีของเขากับสามี ซึ่งของคนอื่น 3 เดือน ของนานาเป็นปี เราก็สงสัยว่าไปทำอะไรมาจนเน่าเฟะ เป็นม้าดำหรือเปล่า เลยลองไปเช็กเองว่าโดนอะไร แต่ทาง ป.ป.ง. บอกว่าไม่เคยมีการปิดบัญชี เราก็เก็บไว้ในใจ ทีนี้นางก็หลุดบ่อยโน่นนี่ บางทีนางบอกบัญชีถูกอายัด แต่พอวันนึงโอนเงินค่าข้าวมาเป็นชื่อตัวเอง เราก็ถามว่าไหนบอกบัญชีปิดไง เขาก็จะอ้างว่าเขาเปิดให้แล้ว ลืมเล่าให้ฟัง เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีรูดเครดิตการ์ดได้ บางทีรูดไม่ได้ แต่มาใช้บัตรเครดิตของเรา
จนวันนึงเราไม่ไหวแล้ว เรากับเพื่อนอีก 2 คนเลยไปถามนางที่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็โชว์เอกสารจาก ป.ป.ง. ซึ่งเราอัดวิดีโอไว้หมดเลยแต่นางไม่รู้ เป็นเอกสารจากซอง แต่ถ่ายไม่ทันเพราะเกรงใจ เพราะในใจคิดว่าอาจจะจริง คิดว่า ป.ป.ง. ผิดพลาด แต่ตอนนั้นใจก็หล่นไปตาตุ่ม เอกสารมันเจือจางมาก เหมือนปรินต์มาจากอินเทอร์เน็ต ทั้งของสามีและภรรยา ในใจคิดว่าเอาแล้ว ซวยแน่ โดนหลอก แต่ก็คิดว่าไม่โดนหลอกหรอก เพื่อนไม่ทำกับเรา ถึงโดนหลอกมันต้องหาเงินมาคืนให้
...
และที่โป๊ะที่สุดคือเช็ค 5 ใบ ซึ่งข้าวโพดหมดศรัทธาไปเลย วันนั้นหลังเปิดใจกับนานาก็นอนไม่หลับเลย ต้องไปเช็กเรื่องเช็ค ตื่นเช้ามาเลยเอาเช็คไปเช็กว่าเป็นของใคร เลยทราบว่าเช็ค 5 ใบเป็นของนายปริญญา อินทชัย หรือเวย์ ไทยเทเนี่ยม ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกอ้างว่าเป็นเช็กของบุคคลที่ 3 แต่จริงๆ เป็นเช็คของเวย์เอง
ถามว่าลายเซ็นเป็นลายมือใคร ข้าวโพดรู้จักเพื่อนดี โพดรู้จักลายเซ็นนานา เลยคิดว่าเป็นลายมือนานา แต่คนที่เขียนตัวอักษรคือพนักงานบัญชีเก่าของบริษัทนานา ซึ่งพนักงานคนนี้ส่งข้อความมาบอกว่าเป็นลายมือของเขา หนูเคยเขียนเช็ค 5 ใบนี้ เป็นลายมือหนูเอง แต่ไม่รู้ว่าเช็คเป็นของใคร แต่คนที่เซ็นเป็นนานากับบัญชีเขาเป็นคนเซ็น
ยืนยันไม่ใช่เรื่องการยืมเงิน แต่เป็นการลงทุน แล้วจะมาโมเมบอกว่าสิ่งที่ให้เป็นเงินต้น มันก็แย่สิ ไม่งั้นถ้ารู้ตั้งแต่แรก คิดว่าคนที่ประสาทดีๆ จะทำมั้ย เก็บเงินไว้ในธนาคารดีกว่า ที่ผ่านมาโพดไม่เคยขอเขานอกจากในสิ่งที่เขา offer เลย เงินต้นหายวูบไปแล้ว
เรื่องที่ไปทำข้อตกลง 70 ล้าน พอเขารู้ว่าเขาโป๊ะ เขาบอกว่าเงินต้นอยู่กับเขา ไม่ต้องกลัว วันที่รู้ความจริงข้าวโพด ก็ร้องไห้กับเขา 2 ชม. พูดกับเขาว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย มันจขะไม่ทำร้ายความรักใช่ไหม เขาบอกว่ากูไม่มีทางปล่อยให้มึงกับสามีและหลานลำบากแน่นอน เดี๋ยวให้ดอกเบี้ยอีก เป็นการการันตีว่าบริสุทธิ์ใจ แต่เราก็กินหญ้าแล้วกินหญ้าอีก
...
วันที่ข้าวโพดและเพื่อนอีก 2 คนไปคุยกับเขา เขาพูดความจริงมาประมาณ 35% หลังจากนั้นมีความจริงอีกเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง คือแทนที่จะเอาไปทำธุรกิจลงทุน แต่เขาบอกว่าเขาเอาไปใช้เอง ไม่ได้ไปไหน เขาบอกว่าเอาไปลงทุนแล้วเจ๊ง ไม่รู้ว่าจริงไหม แล้วเขาชอบพูดว่าเขารักสามีเขา เปย์สามีเขาในการทำเอ็มวี เอาไปซื้อของ อยากได้ที่ก็เอาไปซื้อที่
ส่วนเรื่องจะย้ายโรงเรียนลูก ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้ข้าวโพดตัดสินใจจะย้ายโรงเรียนลูก คือสามีเป็นผู้บริหารโรงแรม แต่ไม้่ได้ทำให้ลูกเรียนอินเตอร์ 2 คนได้ ข้าวโพดกับสามีคิดว่ารายได้เราหายไปเลย เงินหายหมดแล้ว เราจะทำยังไงกับไลฟ์สไตล์ของเรา ค่าเทอมลูก 2 คน เราจะเอาลูกออกจากโรงเรียนดีไหม ถ้าย้ายไปโรงเรียนดีไหม เราคิดถึงจุดนั้น
แต่คุณสเตฟาน สามี ไม่ยอม ลูกเขาจะต้องไม่ย้ายโรงเรียน เพราะเขารักลูก อยากให้ลูกมีความสุข เลยต้องขายทรัพย์สินที่มี บ้านบางส่วน เพื่อมาจ่ายค่าเทอมโรงเรียนลูก กับเรื่องที่เกิดขึ้นข้าวโพดเชื่อว่าสิ่งที่เขาโกงไปก็แล้วแต่เวรกรรม แต่พระเยซูจะประทานพรให้ข้าวโพดดีกว่าเดิม
...
ข้าวโพดคุยกับนานาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไม่ได้เงินกลับมา และเป็นหนี้แทนนานา ข้าวโพดไม่เคยเบี้ยวใคร ข้าวโพดยืมเงินน้ามาให้นานา 5 ล้านบาท ข้าวโพดเป็นหนี้แทนนานาเรียบร้อยแล้ว ข้าวโพดมี 100 ให้ร้อย ยังเอาเครดิตการ์ดไปให้เลย
ภาพนานาที่เห็นถูกควบคุมตัว โพดร้องไห้เลย ก็เชื่อว่ากรรมมีจริง วันนั้นต้องมีจริง แต่พอเห็นภาพ สเตฟานบอกว่าเห็นไม่ได้เลย เพราะเขารักนานามาก นานาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สำหรับเขา ข้าวโพดก็ร้องไห้ เห็นแล้วบาดใจมาก เขามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ตอนแรกคิดว่าเราทำให้เพื่อนเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่พอตั้งสติก็คิดว่าเขาทำตัวเอง เป็นกฎแห่งกรรม คิดถึงวันแรกที่เขาทำกับเรา มันเป็นสิ่งที่เขากระทำเองทั้งนั้น
ถามเรื่องสลิปปลอมไปรู้ได้ยังไง คือเหมือนพระเจ้าดลบันดาลใจว่าฉันไม่เคยโอนเงินให้คนคนนี้ ก็คิดว่าทำไมคนที่นานาแอบอ้างเห็นเยอะจัง แต่ไม่เคยโอนให้คนนี้เลย ข้าวโพดก็มาดูสลิปตัวเองเลยรู้ว่าเป็นคนที่นานาแอบอ้าง และมีชื่อคนที่นานาแอบอ้างอีกหลายคนว่าโอนไปแล้ว แต่เขาอ้างว่าโอนไปแล้ว แต่ตอนนั้นพอเห็นนานาบอกว่าโอนแล้วก็โอนทันทีภายใน 15 นาที และไม่เคยเช็กเลย
ข้าวโพดสงสารหลาน หลานเป็นเด็กดีน่ารัก เรื่องคัดค้านการประกันตัวไม่รู้ว่าทำได้ไหม แต่ไม่ได้ไปคัดค้านอะไร ส่วนเจนสุดาที่มือไม้อ่อน ข้าวโพดขอไม่พูดแทน สุดท้ายคิดว่าความสัมพันธ์นี้ ข้าวโพดบอกเลยว่าคงไม่มีอีกแล้ว การที่เรารักใครคนนึง เราว่าเจ็บปวดพอๆ กับการหย่า เพราะเรารักเขามาก รักมา 8 ปี ความบอบช้ำจิตใจทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และจะเอาไปสอนลูกหลาน ถ้าไม่โดนเองก็ไม่รู้ เรื่องเงินใครก็อยากได้คืน แถมตัวเองต้องเป็นหนี้แทนนานา
แต่จุดที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันก็คงไม่มีทางและไม่มีวัน แต่อธิษฐานทุกวันขอให้เขาผ่านเรื่องตรงนี้ไป ให้เขาทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะความจริงพูดกี่ครั้งก็คือความจริง และข้าวโพดจะไม่ร้องไห้เพราะเข้มแข็งเพื่อลูก ก่อนจะบอกนานาว่าอย่าเล่นแง่ อย่าทำเลยนานา และขอร้องพี่หนุ่มว่าอย่าเอาคลิปเสียงมาเปิด เพราะเขาจะดูแย่ แต่ถ้าเขาเล่นแง่ไปเรื่อยๆ บางทีเราอาจจะต้องช่วยตัวเองด้วยการเปิดหรือเปล่า ขอให้นานาทำตามสิ่งที่ถูกต้อง อย่าให้พวกเราจะต้องเป็นคนดิ้นรนและไม่น่ารัก เรื่องที่นานาปฏิเสธข้อกล่าวหาก็แปลก โพดก็งง หรือเขาพูดตามสิ่งที่บรีฟมาก็ไม่แน่ใจ แต่ยังไงสังคมเห็นอยู่แล้วว่าเขาขี้โกหก ปั้นน้ำเป็นตัว
ถามว่าอยากบอกอะไรกับนานา อยากบอกว่านานารู้ว่าข้าวโพดรักนานามาก แต่โพดไม่รู้ว่านานารักข้าวโพดหรือเปล่า ถ้าคนรักกันไม่ทำแบบนี้ นานาคงเห็นโพดเป็นเหยื่อตั้งแต่วันแรก นานาถึงได้เอาโพดไปพูดว่าโพดอยากเป็นเพื่อนนานา แต่นานาเข้าหาโพดเอง โพดให้ใจครอบครัวนานาเกินร้อย มันหมดไปแล้ว อยากให้มีสติ ทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่าดิ้น อย่าโกหกเพิ่มเติม มันทำให้ทุกอย่างแย่ลง ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมาย การโกหกมันทำให้เราเป็นโรค หยุดได้แล้ว ออกมายอมรับความจริงแมนๆ สิ่งที่ข้าวโพดผิดก็คือผิดที่ไว้ใจ รักเขา ไม่เคยดูอะไรเลย
หนุ่มถามว่าเรื่องทั้งหมดนี้คิดว่าเวย์มีส่วนไหม ข้าวโพดตอบว่า ข้าวโพดเป็นเพื่อนเขา เขาบอกว่าสามีรู้เรื่องมา 1 ปีแล้ว แต่อะไรที่ออกมาจากปากนานาก็ไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว แต่ถ้าถามข้าวโพดจริงๆ การเป็นสามีภรรยา บางคู่สามีภรรยาแยกบัญชี แต่เขาทั้งสองคนทำธุรกิจด้วยกันทุกตัว จะไม่รู้เลยเหรอว่าเงินติดลบหรือเงินหายไปไหน แต่ข้าวโพดคิดว่าเขารู้ ครอบครัวข้าวโพดรับรู้ทุกเรื่อง แต่ครอบครัวนานากับเวย์ไม่รู้เขาคุยยังไง
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม