กลายเป็นประเด็นร้อนระอุ กลางวงการบันเทิงและธุรกิจทันที เมื่อ ไฮโซน้ำหวาน พัสวี พยัคฆบุตร เจ้าของแบรนด์ดัง ออกมาฟาดคนที่อยู่เบื้องหลังความปั่นป่วนที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและภาพลักษณ์ของเธอ โดยพุ่งเป้าไปที่คนใกล้ชิดของ บอส เอวหวาน ที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ต้นตอของปัญหาเริ่มต้นจากการที่ บอส เอวหวาน มีคิวที่จะต้องไปไลฟ์ขายสินค้าในเทศกาลใหญ่ของ เจนนี่ แต่ทางคนดูแลแจ้งมาว่าบอสไม่สะดวกไลฟ์เพราะกลัวเจอกระแสดราม่าเนื่องจากเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ทางไฮโซน้ำหวานก็เข้าใจ และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำ ยูกิ ขึ้นมาไลฟ์ก่อน
ซึ่งตามคิว ยูกิ ไหทองคำ ต้องขึ้นในไลฟ์ใหญ่ที่ไฮโซน้ำหวานเตรียมจัดให้ในช่วงสิ้นเดือนกับเจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น แต่ต้องมาไลฟ์แทนบอสก่อน และทางด้านยูกิ ไหทองคำ กำลังจะเปิดตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ของไฮโซน้ำหวานเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อการไลฟ์เกิดขึ้น ได้เกิดกระแสดราม่าที่สร้างความไม่พอใจในกลุ่มแฟนคลับของ บอส เอวหวาน โดยเข้าใจผิดว่าทางแบรนด์ของไฮโซน้ำหวาน จงใจเอาคนอื่นมาแทนที่บอส และลืมบอส ทำให้เกิดการโจมตีและคอมเมนต์ในเชิงลบใส่ไฮโซน้ำหวานหน้าไลฟ์สด และช่องทางอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความน่าเชื่อถือและยอดขายของธุรกิจ แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบมาตลอด
...
ไฮโซน้ำหวานเปิดเผยว่า ปัญหาความวุ่นวายไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งนี้ แต่คนใกล้ตัวคนนี้ได้สร้างความปั่นป่วนมาโดยตลอด รวมถึงการยกเลิกคิววินาทีสุดท้ายของงานสำคัญอื่นๆ เช่น การเตรียมจัดคอนเสิร์ตให้กับ บอส เอวหวาน ซึ่งเป็นงานใหญ่เอเจนซี่ชื่อดังติดต่อจองห้างแล้วเรียบร้อย แต่มายกเลิกก่อนงาน 3 วัน
ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้กลุ่มด้อมเกิดความสับสนและถูกชี้นำผิดๆ จนต้องออกมาโจมตีทางธุรกิจของเธอทั้งที่ความจริง ต้นเหตุทั้งหมดมาจากการปั่นสร้างเรื่องของคนใกล้ตัว และยังมีการพูดถึงเธอในทางที่เสียหาย
คาดว่าการออกโรงครั้งนี้ที่เธอจะไม่ทน เกิดจากการที่อยากปกป้อง ยูกิและพีพี เพราะไฮโซน้ำหวานถึงขั้นประกาศหน้าไลฟ์ ว่าอย่าดึงพรีเซนเตอร์ใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง น้องน่ารักมาก อย่าเปรียบเทียบกัน รักทั้งคู่
ล่าสุด ไฮโซน้ำหวานได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนหน้าไลฟ์ตัวเองว่า จะไม่ทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว เพราะรับจบไม่พูดมาตลอด โดยได้ดำเนินการ ให้ทีมทนายเพื่อมอนิเตอร์ ทุกโพสต์ ทุกคอมเมนต์ ที่มีการกล่าวหา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และไม่มียอมความแน่นอน เพื่อให้คนเหล่านี้ได้รับบทเรียนว่า การปั่นสร้างเรื่อง และการทำลายธุรกิจคนอื่น มีผลทางกฎหมายที่ต้องรับผิดชอบ