ศิลปินหนุ่มมากความสามารถ มิกะ (mikah) กลับมาพบแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งเพื่อร่วมงาน 2025 JOOX TOP MUSIC NIGHT ทำเอากีวี่ไทยตื่นเต้นสุดๆ เมื่อมิกะจะได้ขึ้นโชว์บนเวทีนี้ แต่ก่อนจะได้เห็นโชว์ที่มิกะเตรียมมา บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์มิกะแบบสุดพิเศษ เพื่ออัปเดตเรื่องงานและเรื่องราวชีวิตของเจ้าตัวกัน ซึ่งจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง อย่ารอช้า ไปติดตามบทสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้กันเลย
ก่อนที่เราจะกล่าวต้อนรับ มิกะ ศิลปินหนุ่มมากความสามารถกลับสู่ประเทศไทยอีกครั้ง งานนี้หนุ่มมิกะได้ทักทายเป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีครับแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ผมมิกะครับ" เป็นการพูดทักทายเป็นภาษาไทยที่ชัดมากๆ
งานนี้เราไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างเปล่าประโยชน์ เริ่มยิงคำถามแรกกับศิลปินหนุ่มทันทีว่า แฟนๆ ชาวไทยตื่นเต้นมากที่ได้พบมิกะอีกครั้ง ซึ่งมิกะได้เผยความรู้สึกที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้งว่า
"ผมดีใจนะครับที่มีโอกาสได้กลับมาเจอแฟนๆ อีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายที่อาจจะไม่ได้เจอแฟนๆ ทั้งหมด ก็หวังว่าโอกาสหน้าจะได้มีโอกาสกลับมาร้องเพลง แล้วก็เล่นคอนเสิร์ตอีกครั้ง ก็จะได้เจอแฟนๆ เยอะครับ" พร้อมกับรอยยิ้มที่สะกดใจ
จากนั้น เราถามมิกะต่อว่าการกลับมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้มีความรู้สึกแตกต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม งานนี้ มิกะเล่าความรู้สึกให้ได้ฟังว่า
"สิ่งที่รู้สึกแตกต่าง มาคราวนี้ไม่ร้อนเท่าเดิม (ยิ้ม) เพราะก่อนหน้านี้ที่มาเมืองไทย ผมมาช่วงสงกรานต์ ช่วงเมษายน ตอนนั้นรู้สึกว่าไปข้างนอก แล้วตอนนั้นคือผมกินอาหารเผ็ดด้วยเหงื่อซกไปหมดเลย แต่ว่ามาคราวนี้ความร้อนก็ยังทนไหว ก็เลยจอยๆ ครับ (ยิ้ม)"
...
สำหรับการมาร่วมงานกับ JOOX ในครั้งนี้ แฟนๆ จะได้ว้าวกับอะไรที่มิกะเตรียมมาเป็นพิเศษบ้าง มีเซอร์ไพรส์หรือโชว์พิเศษที่ซุ่มซ้อมมาเพื่อแฟนชาวไทยโดยเฉพาะหรือเปล่า ศิลปินหนุ่มมากความสามารถตอบคำถามนี้ของเราว่า
“ความพิเศษครั้งนี้ก็คือ ผมจะไปร้องเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาวันนี้ (17 ต.ค) คือเพลง Escape นะครับ ก็คือจะร้องที่ JOOX เป็นที่แรก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มาก และจะมีอีกเพลงหนึ่งที่จะเอาไปร้อง ก็คือเพลง Butterfly ซึ่งก็ถือว่าเป็นเพลงใหม่เหมือนกัน ก็เลยน่าจะเป็นเสตจที่สเปเชี่ยลมากๆ
และความพิเศษอีกอย่างนึงก็คือผมได้พาวงดนตรี จากเกาหลีมาที่ไทยด้วย ซึ่งมีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะได้เล่นกับแบนด์นี้ ซึ่งวงนี้ผมมีโอกาสได้ถ่ายไลฟ์ร่วมกันด้วย เลยรู้สึกว่าพรุ่งนี้จะเป็นโอกาสที่พิเศษมากๆ ที่จะได้ทำการแสดงร่วมกัน"
ฟังมิกะเล่าแล้ว เราเลยถามเจ้าตัวไปว่า รู้สึกตื่นเต้นแค่ไหนกับงานนี้ ให้คะแนนความตื่นเต้น จาก1-10 คะแนน และเราก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า
"ถ้าพูดถึงความตื่นเต้น ตอนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 6 คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะพีกขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าวันนี้มีโอกาสได้ไปซ้อมที่เวทีจริงมา รู้สึกว่าเป็นเวทีที่ใหญ่มากๆ มองไปเห็นที่นั่งคนดูเยอะมาก แต่วันนี้ยังไม่มีใคร แต่พรุ่งนี้จะมีแฟนๆ นั่งอยู่ก็น่าจะรู้สึกตื่นเต้นมากๆ วันนี้ความตื่นเต้นอาจจะอยู่ที่ 0 แต่พรุ่งนี้อาจจะพีกขึ้นไปอยู่ที่ 10 ก็ได้ (ยิ้ม)"
เราไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ส่งต่อคำถามต่อไปเกี่ยวกับเพลงใหม่ของเจ้าตัวว่า ในวันนี้มิกะได้ปล่อยไตรภาค 'Homesick' ที่มี 3 บทเพลงเชื่อมโยงกัน อะไรคือแรงบันดาลใจแรกเริ่มที่ทำให้ตัดสินใจเล่าเรื่องราวการค้นพบตัวเองผ่านรูปแบบไตรภาคที่มีการเล่าเรื่องต่อเนื่อง ซึ่งเราได้รับคำตอบจากเจ้าของเพลงว่า
"แรงบันดาลใจของเพลงนี้ ก็คือตัวผมเอง เพราะเป็นการเขียนมาจากประสบการณ์ของตัวเอง อยากที่จะเติบโตขึ้นในฐานะของคนคนนึงและในฐานะของนักแต่งเพลงด้วย เพราะที่ผ่านมาที่ได้แต่งเพลงผมรู้สึกว่า เพลงที่เขียนขึ้นมาอาจจะดูธรรมดา เป็นเพลงอกหักค่อนข้างเยอะ
พอแต่งเพลงแนวๆ นั้นก็จะใช้คำเดิมๆ ถ่ายทอดเนื้อหาเดิมๆ ใช้ความรู้สึกในการเขียนเดิมๆ คราวนี้ก็เลยอยากจะลงลึกไปในประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อถ่ายทอดออกมาว่า ความหมายของชีวิต มันคืออะไร อยากจะถ่ายทอดให้คนฟังได้ฟังกัน และคิดว่าคนที่มีโอกาสได้ฟังเพลงของผมก็น่าจะเชื่อมต่อกับมันได้ และรู้สึกว่ามันมีความหมาย มีความเพอร์เฟกต์ที่จะเอามาเขียนเป็นเพลง
ซึ่งตัวคอนเซ็ปต์ก็จะสื่อถึงคนที่กำลังจะออกจากบ้าน ไปต่างประเทศ มันก็เราจำเป็นต้องทิ้งสิ่งนึง เพื่อไปเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ ก็เลยคิดว่าอยากให้คนฟังได้ลองเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ และเชื่อมโยงกับชีวิตของตัวเองดู"
และเราอยากให้มิกะช่วยเล่าถึงเรื่องราวของบทเพลงทั้งสามเพลง Escape, In Between และ Dream ให้ฟังหน่อย ว่าแต่ละเพลงบอกเล่าเรื่องราวอะไรบ้าง งานนี้เราได้รับคำตอบว่า
"เพลงทั้ง 3 เพลง จะมีการบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกัน เล่าช่วงเวลาที่ต่างกัน อย่างเพลงแรก Escape จะเล่าถึง ช่วงชีวิตที่ตัวผมออกจากฮาวาย เพื่อไปตามหาอนาคต ตามหาความฝัน ที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเดิม แล้วต่อมาคือเพลง In Between จะเป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่โตเกียว ตอนนั้นจะเป็นอีกก้าวนึงที่ผมออกจากบ้านมา มีความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต มีความคิดถึงบ้าน และสุดท้ายเพลง Dream ก็จะเป็นช่วงชีวิตในปัจจุบัน ที่ต้องยอมรับว่าเมื่อเราออกจากบ้านมาแล้วนั้น จะมีความเหงา ความคิดถึงบ้าน แต่ก็ได้ค้นพบความหมายของคำว่าบ้าน ในอีกความหมายที่ต่างออกไป
...
ตอนนี้ผมอายุ 27 ใช่มั้ยครับ พอผมปล่อยเพลงไปจนถึงเพลงสุดท้าย ก็คือเพลง Dream ซึ่งผมรู้สึกว่าถ้าคนได้ฟังเพลง แต่ละเพลงก็อาจจะคอนเน็กต์กับคนแต่ละช่วงวัย ผมเลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจดีที่ตัว Trilogy ของผมไปคอนเนกต์ กับคนหลายๆ ทาร์เก็ต"
เพราะมิกะเป็นศิลปินที่มีความสามารถซึ่งในฐานะนักร้อง-นักแต่งเพลง มิกะมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตเพลงทั้งสามนี้ในส่วนใดบ้าง เจ้าตัวเล่าให้เราฟังถึงการทำงานให้ฟังว่า
"หลักๆ แล้ว ผมทำทุกอย่างในทุกโปรเซส ทั้งเขียนเพลง มีส่วนร่วมในเรื่องของวิช่วล มีส่วนร่วมในการทำ MV รวมไปถึง Shot Video ที่เป็นคอนเท้นต์ต่างๆ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่า ผมเข้าใจตัวเองในฐานะศิลปินแล้วว่า อยากจะสื่ออะไรออกมา เนื้อหายังไง คลุมโทนยังไง และอยากจะสื่อออกไปยังไง แล้วในเรื่องของวิช่วลก็มีการเลือกใช้ ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ได้เสริมแต่งอะไรมากเพราะอยากที่จะถ่ายทอดความเป็นตัวตนของผมออกมาให้มากที่สุด ส่วน MV ก็เลือกใช้ฟิล์มเพราะว่า ภาพที่ออกมาดูมีความวินเทจให้อารมณ์ ความรู้สึก หวนให้คิดถึงอดีตมันเหมาะกับ Message ที่ผมอยากจะถ่ายทอด อยากให้ทุกคนได้ดูและคิดถึงอดีตของตัวเอง กับวันวานที่ผ่านมาให้เชื่อมโยง กับเพลงของผมซึ่งมันเข้ากันมากเลยเลือกใช้ฟิล์ม"
...
เราถามต่อทันทีว่า กระบวนการที่ทำแล้วคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดอะไร และเราก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า
“อืม การแต่งเพลงสำหรับผมเป็นอะไรที่ค่อนข้างธรรมชาติและเกิดขึ้นเร็วมาก อย่างทุกเพลงที่ทำ ผมใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงต่อเพลง แต่สิ่งที่ยากจริง ๆ มีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือขั้นตอนหลังจากแต่งเพลงเสร็จ ต้องมีการโปรดิวซ์ มิกซ์ มาสเตอริ่ง ซึ่งผมใช้เวลานานมาก บางทีก็เกินเดือน แต่บริษัทมีกำหนดเดดไลน์ที่แน่นอน แล้วผมก็เลยโดนตำหนิบ่อยๆ เพราะมักจะเลยกำหนดทุกครั้ง (หัวเราะ) อย่างที่สองคือเรื่องภาพรวมทั้งหมด เพราะผมอยากควบคุมทิศทางสร้างสรรค์เองทั้งหมด และบางครั้งสิ่งที่เราคิดไว้มันก็ไม่สามารถนำมาใช้จริงได้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ท้าทายมาก
ถ้าพูดตรงๆ ผมมักจะไปสายตลอด (หัวเราะ) ทุกคนจะอยู่กันพร้อมแล้ว แล้วผมก็เข้ามาพร้อมกับไอเดียหรือคอนเซ็ปต์อะไรบางอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คิดขึ้นมาตอนขับรถมานั่นแหละ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่า “วันนี้อยากเขียนเรื่องนี้” แล้วทีมก็จะตอบว่า “โอเค” ให้พวกเขาไดเรกชัน แบบอารมณ์หรือสีที่อยากให้เป็นในเสียง แล้วโปรดิวเซอร์ก็จะเริ่มเล่นอะไรบางอย่างให้ฟัง พอผมได้ยินสิ่งที่เขาเล่น ผมก็จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเริ่มฮัมเมโลดี้ทันที มันขึ้นอยู่กับเพลงเลย อย่างใน EP ที่แล้ว เพลง “Issue” ผมแต่งเมโลดี้ทั้งหมดในเทปเสียงเดียว ใช้เวลาประมาณห้านาทีเท่านั้นเอง
รอบนี้ก็เร็วเหมือนกันนะ ผมรู้สึกว่าเมโลดี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ส่วนเนื้อเพลงกับคอนเซ็ปต์โดยรวมใช้เวลานานกว่านิดหน่อย ประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่ผมภูมิใจมากกับเนื้อเพลงใน EP นี้ มีหลายท่อนเลย อย่างในเพลง “Escape” ตอนท้ายของท่อนที่สองที่ร้องว่า “I'm at home sick and I'm sick of it” ผมรู้สึกว่าท่อนนั้นดีมาก มันเล่นคำกับคำว่า “homesick” ได้อย่างมีชั้นเชิง แล้วในเพลงถัดไป “In Between” ก็มีท่อนหนึ่งที่ทำให้เห็นภาพชัดมาก และทีมงานที่อยู่หลังกล้องก็พูดเหมือนกันว่า พอได้ยินท่อนนั้น เธอก็นึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาเลย มันเชื่อมโยงกันได้จริง ๆ ผมรู้สึกว่าเนื้อเพลงในแต่ละเพลงของ EP นี้อยู่ในระดับที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยนะ และผมก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง (หัวเราะ) แต่ครั้งนี้ผมภูมิใจจริงๆ"
...
มาที่คำถามต่อไป ที่เราถามมิกะ เกี่ยวกับการเป็นศิลปินเดี่ยว เป้าหมายใหม่ๆ ในปีหน้าที่มิกะตั้งใจจะทำมันคืออะไรบ้าง อยากให้แชร์ให้แฟนๆ ได้ฟังกัน ซึ่งศิลปินหนุ่มบอกเป้าหมายของปีหน้าให้เราฟังว่า
"สำหรับเป้าหมายที่อยากจะทำในปีหน้าก็คือการจัดเวิลด์ทัวร์ (World Tour) ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปในแต่ละประเทศที่มีแฟนๆ ของผมอยู่ ตอนนี้ก็คิดว่าถ้าได้จัดจริงๆ ก็น่าจะไปแสดงที่จีน สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น ดูไบ และประเทศอื่นๆ ที่จะเป็นไปได้ ก็อยากจะไปที่ต่างๆ ที่พบเจอแฟนๆ ไปร้องเพลงกับแฟนๆ นอกจากนี้ก็มีแผนที่จะทำเพลงใหม่ด้วย (ยิ้ม)"
พูดคุยเรื่องงานกับศิลปินหนุ่มมาพอสมควร เรามาพูดคุยเกี่ยวกับการมาประเทศไทยครั้งนี้ของมิกะกันดีกว่า เราถามเจ้าตัวว่ามีเวลาไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนเป็นพิเศษบ้างหรือไม่ มีสถานที่ไหนในไทยที่ทำให้รู้สึกประทับใจที่สุด และคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ
"ใครมาสัมภาษณ์ก็จะตอบว่าทะเลครับ (ยิ้ม) แต่มาคราวนี้ก็น่าจะไม่มีโอกาสได้ไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ เลย เพราะผมเองก็ได้ยินมาว่าที่เมืองไทยมีทะเลสวยๆ คลื่นดีๆ ที่น่าไปเยอะแยะเลย แต่คราวนี้ได้มา แล้วมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ตก สัมผัสอากาศร้อนๆ ได้เห็นความเขียวขจี ทุ่งหญ้า ป่าไม้ ได้เห็นต้นกล้วย ได้เห็นแล้วก็รู้สึกคิดถึงบ้าน เวลามาเมืองไทยทีไร มันมีกลิ่นอายเหมือนบ้านก็เลยรู้สึกชอบ ก็เลยอยากไปทะเลด้วย เพราะคิดถึงบ้าน"
ดูจะเป็นคนที่ชอบทะเล เราเลยถามมิกะว่ามีทะเลที่ไหนที่ไทย ที่มิกะรู้จักบ้าง และคำตอบนั้นก็คือ
"พัทยา, ภูเก็ต แล้วก็ที่ไหนนะ หัวหิน (ยิ้ม)"
เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องอาหารไทยก็คงจะไม่ครบสูตร เราจึงถามมิกะว่ามาประเทศไทยครั้งนี้ ได้ลองอาหารไทยเมนูใหม่ๆ บ้างไหม หรือได้ทานเมนูโปรด เมนูอาหารไทยที่มิกะตกหลุมรักจนต้องกลับมาซ้ำคือเมนูอะไร และทำไมถึงเป็นเมนูนั้น ซึ่งเราได้รับคำตอบจากมิกะที่ทำให้รู้สึกหิวตามขึ้นมาทันทีว่า
"มาถึงไทยเมื่อวานก็กินผัดกะเพรา 3 รอบ ข้าวเหนียวมะม่วง 2 รอบ แล้ววันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลย วันนี้ทำงานทั้งวันเลยยังไม่ได้กินอะไร แต่กินกาแฟไป 3 แก้ว หลังจากนี้ พอเสร็จงานแล้วก็ตั้งใจจะไปกินผัดกะเพรากับข้าวเหนียวมะม่วง (ยิ้ม)"
ฟังแล้วดูท่ามิกะจะชอบผัดกะเพราและข้าวเหนียวมะม่วงมากๆ แต่เราก็ถามศิลปินหนุ่มต่อว่า แล้วไม่อยากลองอะไรใหม่ๆ เหรอ และคำตอบที่ได้ก็คือ
"ไม่อยากครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาโอกาสกินผัดกะเพราอร่อยๆ ได้ ถ้ามีเวลาก็จะหาไปกินของดีๆ สักหน่อยครับ" งานนี้เราเลยถามมิกะต่ออีกนิดว่าสามารถกินผัดกะเพราตลอดชีวิตเลยใช่ไหม มาทายกันว่า คำตอบของมิกะจะเป็นอะไร "จริงๆ เคยพยายามลองทำแล้ว แต่ไม่อร่อยเลย ก็เลยจะกินทุกครั้งที่มาไทย คิดว่าให้กินตลอดชีวิตเลยก็ได้ (ยิ้ม) ผัดกะเพราคือ ท็อป 10 อาหารจานโปรด ที่ผมชอบมากๆ (ยิ้ม)" ฟังแล้วก็เอ็นดูอยากจะบอกมิกะว่าเหล่ากีวี่ของมิกะทำผัดกะเพราอร่อยทุกคนเลยนะ
และก็มาถึงคำถามสุดท้ายกันแล้ว เราอยากจะให้มิกะฝากข้อความถึง กีวี่ ชาวไทย ที่คอยสนับสนุนเส้นทางการเป็นศิลปินของคุณเสมอมา ซึ่งมิกะได้ฝากข้อความถึงทุกคนเอาไว้ว่า
"ขอบคุณทุกคนที่คอยซัปพอร์ต ผมมาโดยตลอด เพลงใหม่เพิ่งออกก็หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะ เดือนหน้าก็จะปล่อยเพลงใหม่อีก 2 เพลง หวังว่าทุกคนจะติดตามกัน วันที่ 1 พฤศจิกายน ผมจะมาในงาน Monster Music Festival หวังว่าทุกคนจะมาเจอกันนะครับ ไทยกีวี่ รักนะจุ๊บๆ”
ขนาดไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของ มิกะ แต่ศิลปินหนุ่มคนนี้ก็ทำให้เราหลงเสน่ห์ตลอดการสัมภาษณ์แบบสุดๆ แล้วกีวี่ไทยได้อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ของมิกะจะมีความสุขใจฟูกันขนาดไหนนะ และถ้ามีโอกาสหวังว่าครั้งหน้าเราจะได้พูดคุย อัปเดตเรื่องราวชีวิตกับศิลปินหนุ่มที่มากความสามารถคนนี้อีกครั้งหนึ่ง
คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”