หายหน้าหายตาจากแวดวงบันเทิงไปนานมากๆ สำหรับ โจโจ้ ไมอ๊อคชิ นักแสดงที่เคยฝากผลงานในวงการบันเทิงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สร้างชื่ออย่างสตรีเหล็ก หรืองานละคร ซิทคอมต่างๆ ซึ่งบทบาทที่เขาได้รับส่วนใหญ่มักเป็นบททะเล้น ตลก สร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ และซิทคอมที่ทำให้โจโจ้เป็นที่จดจำของแฟนๆ ก็คือ บ้านนี้มีรัก กับบทของ แฮ้งค์
ล่าสุด ตั๊ก บริบูรณ์ ได้พาไปดูฟาร์มไก่ของ โจโจ้ พร้อมกับนั่งคุยเปิดใจถึงการทำฟาร์ม โจโจ้ ผ่านทางรายการ พูดไปเรื่อย ทางช่อง Boriboon Family เล่าว่า
- เริ่มจากทำฟาร์มแกะก่อน โดยก่อนหน้านี้ในปี 2019 เราเริ่มมองว่าอาจจะไม่มีความมั่นคงในอาชีพการแสดง เรามีที่ทางเราอยากเอามาต่อยอด เลยเข้ามาปลูกต้นไม้ก่อน ลงทุนไปหลายแสน แต่สุดท้ายต้นไม้ก็ตายหมดเพราะดินไม่ดี เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่ทางแถวนี้เขาปลูกอ้อย
- คิดว่าถ้าเป็นเกษตรกรไม่น่าจะไหวแล้ว เลยคิดจะทำปศุสัตว์แทน เลยไปตามฟาร์มแกะ เพื่อดูวิธีการเลี้ยง และได้เริ่มสร้างโรงเรือน ซื้อแกะมา 10 ตัวและฝากพี่ชายเลี้ยง ส่วนตัวเองเข้ากรุงเทพไปถ่ายละคร เลี้ยงไปมาก็รู้สึกว่ามันดี เพราะแกะมันกินหญ้า กินวัชรพืช
...
- ก็เลยที่ดินไปเข้าธนาคาร ได้เงินมา 1,000,000 บาท สร้างโรงเรือนไป 300,000 บาท เพื่อให้แกะอยู่ ผ่านไป 3 ปี มีแกะ 100 ตัว ซื้อแกะมาตัวละ 4,000 บาท รวมทั้งหมด 400,000 บาท ซึ่งแกะที่เราเลี้ยงเป็นแกะพันธุ์นอก พ่อพันธุ์ดีๆ เนื้อเยอะ เพราะแกะพวกนี้เขาเลี้ยงไว้กิน และเราสามารถขายพ่อพันธุ์ได้
- ตอนนั้นกำลังขายพ่อพันธุ์แกะแบบขายดีมากๆ ได้ 1-2 เดือน โควิดระบาดหนัก ทุกอย่างหยุดชะงัก รายได้ไม่มีเข้ามา ไม่มีเงินซื้ออาหารแกะ ไม่มีเงินผ่อนคืนธนาคาร ทุกอย่างกระทบไปหมด
- พอไม่มีเงินค่าอาหาร สัตว์ก็ล้มตาย สุดท้ายยอมขายแบบขาดทุน ดีกว่าแกะตายทั้งหมด แล้วเราไม่ได้อะไร ขายไปทั้งหมด 80,000 บาท จากที่ซื้อมา 400,000 ขายขาดทุนไป 300,000 บาท
- 3 ปีที่ทำมาไม่สำเร็จ จนแฟนบอกว่าบ้าไปแล้ว เป็นนักแสดงดีๆ มาทำฟาร์มทำไม เราก็เดินหน้ามาไกล เราเป็นคนไม่ค่อยยอมแพ้ไง เรารักอะไรเรารักจริง แล้วชอบสายปศุสัตว์ เพราะที่ดินเรา เราชอบอยู่กับธรรมชาติ
- 5 ปีอยู่ที่นี่คนเดียว เลี้ยงปลา ปลูกผลไม้จะได้ไม่ต้องซื้อ แต่หัวใจสำคัญคือรายได้เอาจากไหน เราไม่ยอมแพ้ขายที่กลับบ้าน เป็นคนไม่ยอมแพ้ ได้แต่มองหาว่าทำอะไรทดแทนดี จะไปเลี้ยงวัวก็ไม่ได้ เพราะมันกินจุเหมือนแกะ
- สุดท้ายมีคนแนะนำว่า ลองมาเลี้ยงไก่ชนดูไหม จุดนี้ทำให้ตาเป็นประกายเลย ซึ่งเราก็คิดว่ามันดีกว่าไม่มีอะไรเลี้ยง ไก่ชนมันยังมีคนเล่น แล้วมันเลี้ยงง่าย กินน้อย ซึ่งน้องที่รู้จักกันเขาสอนวิธีการเลี้ยงไก่ชนทุกอย่าง ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ชี้ทางสว่าง
- ขายไก่ชนครั้งแรกขายได้ 2 ตัวในราคาตัวละ 600 บาท ได้เงินมา 1,200 บาท หลังจากนั้นก็เริ่มมีการบอกปากต่อปาก ขายรอบเดียวหมด
- เราเคยเจอเรื่องแย่ๆ เงินได้มาไม่กินไม่ใช้ กินมาม่าอย่างเดียวเลย เอาเงินไปซื้อแม่ไก่ ตัวละ 15,000 เฉพาะไก่ที่นี่ 200,000 - 300,000 พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เราซื้อพ่อไก่มาตัวละ 30,000 แล้วเอามาผสมกับแม่ไก่ แล้วขายลูกไก่ตัวละ 1,000 เพราะลูกค้าเขาซื้อตัวละ 30,000 ไม่ได้ แต่เราตอบโจทย์เขาได้ เราซื้อเองเดี๋ยวจะไปทำถูกๆ ให้ เพราะคนที่ซื้อไก่เราไปเขาจะเอาไปตี ไก่ต้องเก่ง เขาเอาไก่เราไปตีชนะ ได้เงินมาเป็นแสนก็มี พอเพื่อนรู้ว่าตีไก่ชนะมา เขาถามว่าซื้อมาจากไหน เขาก็บอกว่าไก่ดารา ก็เป็นการบอกปากต่อปาก
- มีการขายไก่ผ่านออนไลน์ ลูกค้ามาซื้อจากทั่วสารทิศ ทาง สปป.ลาว ก็มี ทางภาคใต้ก็มาเยอะ ก็ใช้วิธีใส่กล่องส่งไป ซื้อไก่ตัวละ 1,000 บาท มีค่าส่ง 500 ก็เป็น 1,500 บาท เราใช้วิธีโปรโมทผ่านออนไลน์ เพราะจะรอให้ชาวบ้านขับรถมาซื้ออย่างเดียวไม่ได้
...
- เราก็ต้องพัฒนาซื้อพ่อพันธุ์ที่แพงขึ้นไปอีก คัดไก่ที่ดีๆ ไว้ ตัวไหนที่ไม่เก่งก็เอาออก พอเราเริ่มทำเป็น เราก็ดูไก่เป็น
- โจโจ้ยังบอกอีกว่า คนที่ทำไก่ชนเก่งต้องขายเป็น ทำการตลาด ต้องมีวินัยทางการเงินด้วย ไม่ใช่ตีไก่ชนะ เอาไปกินเหล้า แต่สำหรับตัวเองได้เงินมาคิดถึงการลงทุนก่อนเลย เพื่อเอาไปต่อยอด ขยายไปเรื่อยๆ และเราจะได้ตอบแทนกลับมาคือ มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ผ่อนรถได้ แต่ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ต้องเตรียมเงินสำหรับดูแลไก่ด้วย
- เราต้องดูแลไก่ให้ดีที่สุด เพราะมันเลี้ยงเรา หาเงินให้เรา เราก็ต้องดูแลมันอย่างดี ถ้ามันอยู่สบาย น้ำสะอาด ลูกค้ามาเห็นก็อยากได้ไก่จากฟาร์มเรา
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม
...