ก่อนหน้านี้ทำเอาหลายคนตกอกตกใจ เมื่อพระเอกหนุ่มหน้าเข้ม เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ โพสต์จดหมายถึงคนที่รัก ซึ่งมีเนื้อหาที่คล้ายกับว่าเป็นการจากลา ทำให้หลายคนเป็นห่วงและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ล่าสุดนักข่าวเลยถามเอสถึงเรื่องนี้หลังมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์โรแมนติก-แฟนตาซี “รักสาปสูญ” ณ โรงภาพยนตร์ ONE BANGKOK ชั้น 5 ZONE PARADE
ถามเรื่องที่โพสต์จดหมายล่าสุด?
“อ๋อ…ทุกคนตกใจมากเลย ความจริงมันเป็นการรณรงค์ของวันหัวใจโลก (29 ก.ย. 68) พอดีทางงานอยากให้ผมช่วยรณรงค์ให้คนตระหนักถึงความสำคัญว่าหัวใจสามารถวายเฉียบพลันได้ คือเป็นโครงการที่เราจะช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยข้อความ ก็เลยจะมีข้อความที่เขียนเหมือนเป็นความในใจเพื่อให้ทุกคนไม่ประมาท
แล้วก็จะอีกโครงการหนึ่งที่ผมกำลังจะไปเป็นวิทยากรเรื่องการเตรียมตัวตายก่อนตาย ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ท่านพุทธทาสภิกขุเคยพูดไว้ตั้งนานแล้ว ผมเห็นว่ามันสอดคล้องกันกับโครงการนี้พอดี เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยากจะแบ่งปันความรู้ให้ทุกคนตระหนักถึงสิ่งนี้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้”
...
หลายคนนึกว่าเป็นจดหมายลา?
“จะเรียกว่าจดหมายลาไหม ถ้าเอาเรื่องจริงผมเป็นคนที่ชอบเขียนอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยโพสต์ ผมเป็นคนชอบเขียนถามตัวเองว่า ถ้าสมมติวันนี้ผมตาย อะไรที่ยังไม่ได้ทำ แล้วมันจะเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าอ๋อ อันนี้ยกเลิกดีกว่า หรืออันนี้ควรทำ ซึ่งจะทำให้เราจัดสรรเวลาชีวิตได้ดีขึ้น”
ยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไรในชีวิต?
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ เรียกว่าแบ่งปันให้คนปลงมากขึ้น อยากให้คนรู้สึกไม่ต้องยึดติดกับตัวตน ในที่ผมเขียนจะมีช่วงหนึ่งบอกว่าอยากให้ใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติด แน่นอนว่ายังเป็นมนุษย์อยู่ มีชีวิตทางโลก งานการทุกอย่างต้องทำหาเงิน แต่ว่าถ้ายิ่งยึดติดยิ่งทุกข์
อันนี้ผมพูดจากประสบการณ์ตรงเลยตอนที่อยู่ รพ. ผมเข้า รพ. รอบที่ 6 แต่ไม่ได้เป็นข่าว ผมอ่านหนังสือธรรมะ ตอนนอนร่างกายรู้สึกเจ็บ แต่ก็เตรียมตัวว่าถ้ามันจะไปก็ต้องไปทุกเมื่อ ห้ามไม่ได้ อันนี้เลยเป็นข้อดีว่า ถ้าจังหวะที่เราจะไปแล้วเรามีสติกับตัวเอง มันจะทำให้เราเครียดน้อยลง"
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเราเคยเฉียดกับความตายมาด้วย?
“ใช่ๆ แต่ผมเป็นคนชอบเตรียมตัวอย่างนี้อยู่แล้ว อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ ชอบปฏิบัติธรรม แล้วไปเจอสิ่งที่ท่านพุทธทาสพูดเรื่องการเตรียมตัวตายก่อนตายตั้งแต่เด็ก พอป่วยทำให้ตัวเองเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้น ไม่ยึดติดมากขึ้นครับ”
ตกใจไหม หลายคนฮือฮาและเป็นห่วงกับสิ่งที่เราโพสต์?
“โทรศัพท์ผม 100 กว่าข้อความ ตอบไม่ทันเลย ต้องขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ ครับ ขอบคุณทุกความห่วงใยมากๆ ที่สำคัญต้องขอโทษด้วยหากทำให้ใครเข้าใจผิดไป (ยกมือไหว้) รู้สึกเกรงใจ ตกใจ ขอบคุณด้วย ผมไม่ได้มีอะไรที่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดจริงๆ”
หลายคนเอาไปโยงกับเรื่องครอบครัว?
“ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะกิจกรรมกับลูกตอนนี้เยอะครับ แต่ไม่ค่อยได้โพสต์ ผมก็ยังเป็นคุณพ่อเหมือนเดิมและยังเป็นอยู่จนกว่าจะจากโลกนี้ไป ของเขาก็ทำหน้าที่คุณแม่ของลูกเช่นกัน”
ขออนุญาตถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากับภรรยา?
“อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ต้องลองถามเขาดีกว่า แต่ในเมื่อชีวิตคู่มันคือคนสองคน ถ้าอีกคนหนึ่งตัดสินใจยังไง เราก็ต้องเคารพ เพราะผมไม่ชอบขัดคนอื่น”
...
แต่ในฐานะพ่อแม่ เราไม่ได้พูดคุยกันเลยเหรอว่าสาเหตุเกิดจากอะไร?
“ก็อาจจะเป็นอะไรที่…มันเป็นบางคำถามที่เราถามไป ต่อให้เราได้หรือไม่ได้คำตอบก็ไม่อยากจะไปกดดันเพื่อให้ได้คำตอบ ผมเป็นคนไม่ชอบถามใครเกิน 2 ครั้ง ถ้าถามเกิน 2 ครั้งไม่ได้คำตอบ ก็คือไม่ถามอีกเลย”
ถามถึงลูกสาวตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ลูกสาวเป็นคนที่ต่อรองเก่ง ตอนนี้ก็เริ่มให้ลูกหัดขายของ ให้มีกระเป๋า ให้เขาเป็นแม่ครัวทำอาหาร แล้วก็รับโทรศัพท์ลูกค้า แต่คือเป็นเกมนะครับ ตอนนี้แบงค์ 20 เต็มกระเป๋าเขาแล้ว เวลาที่ผมอยากทดสอบอยากจะรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใต้สำนึกยังไง ถ้าเป็นคุณปู่คุณย่าสั่งของ เขาไม่เก็บเงินเลย คุณพ่อสั่งก็ไม่เก็บเงิน แต่ถ้าเป็นคุณป้าคุณลุงเขาจะเก็บเงิน”
จะมีกิจกรรมอะไรอีกไหม?
“ก็มีเรื่อยๆ ครับ แต่ยอมรับว่าข้อเสียตัวเองคือไม่ค่อยโพสต์ เป็นคนไม่ชอบโพสต์ แต่ว่ามีเก็บไว้เยอะ เดี๋ยวคงให้พี่ปอย (ผู้จัดการส่วนตัว) ช่วยโพสต์ด้วยนะครับ มีหลายกิจกรรมมาก”
ลูกสาวเป็นความภาคภูมิใจของเรา?
“รู้สึกว่าเขาฉลาดกว่าพ่อ ผมชอบพูดแต่เด็กว่าถ้ามีลูกที่ฉลาดกว่าพ่อได้เมื่อไหร่คือความภูมิใจของผมครับ”
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม