หลังจากที่มีประเด็นดราม่าร้อนของ เจแปน หรือ J-SAD แร็ปเปอร์หนุ่ม ที่เป็นลูกชายคนโตของ แจ๊ส ชวนชื่น กับปมที่ชาวเน็ตวิจารณ์ว่าทำไมต้องแต่งเพลงแร็ปและบอกว่าตัวเองโตมาจากสลัม ทั้งๆ ที่เป็นลูกชายของแจ๊ส และเคยถูกส่งไปเรียนถึงต่างประเทศ
และในรายการ Tattoo Brothers สักแต่พูด เจแปนได้เล่าเรื่องราวชีวิตของตนที่ยังไม่เคยมีใครได้รู้ให้ได้ฟังในรายการนี้อีกด้วย
- ตอนเด็กๆ เจแปนไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่อยู่กับป้า ที่บ้านจะเป็นชุมชน ก็คือสลัม
- พ่อไม่ได้ดังตั้งแต่ตอนที่เจแปนเกิด ไม่ได้รวยมาตั้งแต่ตอนที่เจแปนเกิด เพิ่งจะมารวยตอนที่เจแปนอายุ 13-14 ปี
- J-SAD เป็นชื่อที่พ่อแจ๊สตั้งให้เจแปนใช้ในวงการแร็ปเปอร์ เจแปนเล่าว่าก่อนที่พ่อจะเป็นตลก พ่ออยากเป็นแร็ปเปอร์ แต่ไปเล่นตลกแล้วดัง เลยไม่ได้มาเป็นนักร้อง ซึ่งมันเป็นชื่อของพ่อ ที่พ่อให้ใช้
- และชื่อ J-SAD ไม่ได้แปลว่าเศร้า แต่มันคือคำว่า JAZZ ก็คือ J-SAD JAZZ พ่อตั้งไว้แบบนี้
...
- ความฝันของเจแปนคืออยากเป็นฮิปฮอป เพราะโดนพ่อปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก พาไปงานด้วยตลอด
- เจแปนบอกว่า ได้ฟังเพลง และแร็ปเปอร์เขาเป็นเด็กสลัมที่ตั้งใจหาเงิน ก็เลยอยากจะทำตรงนี้ เพื่อให้ชีวิตมันดีขึ้น ให้มันหลุดออกจากตรงนั้น
- ตอนนี้เจแปนวิ่งรถ ทำเพลง ขายเสื้อผ้า ทำทุกอย่างที่ได้เงิน
- เจแปนไม่ได้อยากทำเฟี้ยวแบบที่คนคอมเมนต์บอก ถ้าชีวิตสบายอยู่แล้วก็คงไม่ไปทำ
- เจแปนไม่ได้อยู่กับพ่อ และตอนนั้นพ่อยังไม่รวย ให้เงินมาก็ไม่พอใช้ ตนต้องหาเงินมาตั้งแต่เด็กๆ
- ไม่ได้บอกว่าที่บ้านดูแลไม่ดี แต่คำว่าสบายของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ที่บ้านพอมีอยู่แล้ว แต่เจแปนอยากมีมากกว่านี้
- เจแปนมีความคิดว่า ถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อเราก็จะอยู่ไม่ได้ จึงอยากจะทำงานหาเงินใช้ด้วยตัวเอง
- พอเจแปนไม่เรียนที่บ้านก็เลยยื่นคำขาดว่าไม่ให้เงิน เพราะที่บ้านซีเรียสเรื่องเรียนมาก
- และพ่อเคยพูดว่า ลูกกูไม่ถูกกับการศึกษาสักคน
- ยอมรับว่าใจไม่ได้รักเรียน และยุคที่ตนเรียนเป็นยุคที่ครูบีบนักเรียน วุฒิการศึกษาตนเอาไปใช้ไม่ได้ แต่สิ่งที่เอาไปใช้ได้คือประสบการณ์
- ทุกวันนี้เจแปนเลือกทางเดินเอง ใครจะด่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา เพราะสุดท้ายมันก็คือชีวิตของตน
- เจแปนไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นลูกดาราหรือว่ารวย ก็เป็นคนๆ หนึ่ง และจะพูดเสมอว่าตนไม่ได้เป็นลูกดารา
- ความสนิทกับปู่ (อุดม ชวนชื่น) เจแปนสนิทกับปู่มาก ปู่เหมือนพ่อ แต่พอปู่เสียก็เริ่มสักลาย
- พอพ่อเห็นรอยสักของตนครั้งแรก ไม่คุยด้วยประมาณ 2 ปี ไหว้ก็ไม่รับไหว้
- เจแปนเล่าถึงความสัมพันธ์กับปู่ว่า โตมากับปู่ ปู่รักตนมาก ต้องหอมจูบเช้าเย็น ในความทรงจำของเจแปนปู่เหมือนซานตาครอส จะมีของมาให้ตลอด
- แต่ความสัมพันธ์เริ่มห่าง ตอนที่ตนเริ่มเกเรช่วง ม.1 ม.2 เป็นเพราะตัวเอง เพราะเพื่อน และเลือดพ่อแรง ตอนนั้นดื้อมาก ปู่เลยไม่เอา เจอหน้าก็ด่าตลอด
- และหลังจากที่โดนไล่ออกจากโรงเรียน พ่อก็ส่งไปที่อังกฤษ ไปอยู่ได้ 1 ปีก็กลับมาหาปู่ ปู่ก็ยังด่าตนอยู่ตลอด
- เจแปนอธิบายว่า การที่หลายคนบอกว่าได้ไปอยู่อังกฤษมันเป็นโอกาสที่หลายๆ คนอยากจะไป แต่สำหรับเจแปนแค่ไปอยู่หนองคายก็คิดถึงบ้านแล้ว ไม่มีที่ไหนดีเท่าที่บ้านเรา อยู่บ้านแล้วมีความสุข อยากอยู่บ้าน ไม่มีใครอยากอยู่ไกลบ้าน
- พอกลับมาอยู่ไทย และรู้ว่าปู่ป่วยเป็นมะเร็ง ปู่ก็เริ่มผอมลง ตนรู้สึกไม่อยากเห็นปู่เป็นแบบนั้นเพราะทำใจไม่ได้ ปู่เข้าโรงพยาบาลก็ไม่ไปหา
...
- จนวันหนึ่งตัดสินใจว่าจะไปหาปู่ พอเจอหน้า ปู่ไม่ด่าตนอีกเลย และถามว่าเป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยัง และหลังจากที่กลับบ้าน ลุงก็บอกว่า ปู่เสียแล้ว
- วันนั้นร้องไห้เสียใจหนักมาก ร้องไห้เหมือนเด็ก เพราะคาใจว่าทำไมถึงไม่ไปดูแลปู่เลย ก็เลยเริ่มใช้ชีวิตแบบประชดชีวิต
- ส่วนรอยสักที่ตัว เจแปนเล่าถึงรอยสักรูปแม่ว่า รักแม่มาก ไม่ได้อยู่กับแม่ และแม่ชื่อนก ก็เลยสักเป็นรูปนกพิราบ และแม่ก็เหมือนเป็นเทพีของเจแปน ซึ่งตอนนี้แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็ง รักษาตามอาการอยู่
- เจแปนเล่าต่อว่า เวลาเจอพ่อ พ่อชอบทำมาดเข้มใส่ เพราะพ่อกลัวว่าตนจะไม่กลัวพ่อ ซึ่งตนก็ไม่กลัวจริงๆ แถมยังหมั่นไส้พ่อ อยู่กับตนพ่อมักจะติดแอ็ค แต่จริงๆ พ่อก็เป็นเหมือนที่ทุกคนเห็นนั่นแหละ
- หลายๆ คนบอกว่า ตนกับพ่อเหมือนกันมาก อยู่ด้วยกันต่างคนต่างปากจัด
- ส่วนรอยสักที่หน้า รูปหน้าบึ้ง สักวันที่ปู่เสีย ตอนนั้นใช้ชีวิตแบบประชดชีวิต
- เจแปนยอมรับว่า ทุกวันนี้เวลามองกระจก ก็จะรู้สึกว่า ไม่น่าสักเลย ทำให้ตนคิดถึงเด็กที่น่ารักๆ มากกว่า
คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”
...