อู๊ด เป็นต่อ นักแสดงอารมณ์ดี ตัดสินใจขึ้นเขียงผ่าตัดศัลยกรรมครั้งใหญ่ในวัย 50 ปี ทั้งดึงหน้า ดึงคอ และตัดถุงใต้ตา เพื่อเพิ่มความมั่นใจและดูแลภาพลักษณ์ในฐานะคนบันเทิง หลังยอมรับว่าที่ผ่านมาเจอความเครียดจนหน้าแก่เกินวัย และถูกบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจกับไทยรัฐออนไลน์ที่งานไทยรัฐแฟร์ ครั้งที่ 2 ที่เดอะมอลล์ บางแค ว่า

"ช่วง 5-6 ที่ผ่านมามีเรื่องเครียดหลายๆ อย่างทำให้เราคิดมาก เลยแก่เร็ว และแรกเริ่มเดิมทีอยากจะเอาแค่ถุงใต้ตาออก หนังตาด้านบนก็เริ่มหย่อน และร่องแก้ม ก็ไปศึกษาหาข้อมูลวิธีการดูแลหน้าตาว่ามันจะฟื้นฟูได้ด้วยวิธีไหนบ้าง เพราะสภาพผิวของเราก็หนัก ทั้งเหี่ยวย่น ตีนกาที่ลึกและผิวที่เสียไปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะทำศัลยกรรมเลย

เลยไปปรึกษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอแนะนำวิธีการดูแล เริ่มแรกก็ด้วยวิธีเอนโดไทน์ และฟื้นฟูสภาพผิวหน้าแบบหัตถเวช แต่ก็อยู่ได้ไม่นานกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าจะให้ดีต้องเข้ากระบวนการผ่าตัด ซึ่งตอนที่ฟังก็ตกใจ กลัวคนจะหาว่าติดหล่อ กลัวจะโดนคนว่า 

...



แต่ผมคิดว่า คนที่ดูแลตัวเองได้ดี ก็เป็นคนที่รับผิดชอบอะไรๆ ได้ดีนะ เราเป็นนักแสดงการที่ดูแลตัวเองให้ดูดีมันก็เป็นภาพลักษณ์ที่ดีกับตัวเราด้วย ถ่ายรูปออกมาก็ดูดี ต้องยอมรับว่า คนไทยบางคนก็ชอบบูลลี่คนอื่นนะ แต่ผมไม่ได้ทำเพราะไม่อยากถูกบูลลี่นะ แค่คิดว่าคนที่ดูแลตัวเองดี มันก็ส่งผลดีกับเราหลายๆ อย่าง 

ศึกษาข้อมูลและตัดสินใช้ประมาณ 3-4 เดือนก่อนจะตัดสินใจ แต่ก่อนที่จะทำ ผมเคยไปฉีดโบท็อกซ์มาครั้งหนึ่ง ปากมันยกขึ้นไม่ได้ข้างหนึ่ง มันหนัก ก็ฟื้นฟูแต่ต้องใช้เวลา ก็เลยตัดสินใจทำศัลยกรรม เพราะไหนๆ ก็ทำหัตถเวชแล้ว ทำได้ไม่ถึงปีก็ต้องทำใหม่อีก ไหนๆ ก็เจ็บตัวแล้ว ก็เจ็บทีเดียวเลยแล้วกัน

ทำเอนโดไทน์ ตัดถุงใต้ตา ดึงตีนกา ดึงแก้ม ดึงคอ ตอนนี้ผมยักคิ้วทีเข่ากระตุกเลยนะ (หัวเราะ) กระบวนการแรกเรียกว่าทำศัลยกรรม พอหน้าฟื้นตัว แผลข้างในหาย ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะฟื้นฟูสภาพผิว จะมีการเลเซอร์ผิวหน้า เลเซอร์รอยแผลเป็นต่างๆ บำรุงผิวให้กระจ่างใส

ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่จะดึงหน้าตัวเองแล้ว ให้กำเนิดตัวเองใหม่ ปีนี้ผมอายุ 50 เป็นเหมือนการเกิดใหม่ เป็นการให้ของขวัญตัวเอง เพราะทำงานมาก็ยังไม่เคยให้ของขวัญตัวเองแบบเป็นชิ้นเป็นอันสักที แต่ก็ใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเข้าที่ ณ ตอนนี้ก็ทำมา 1 เดือนแล้ว 

วันแรกที่ทำบวมเยอะมาก และผมก็งดดื่ม งดบุหรี่ งดอาหาร และงดทุกอย่างที่เขาห้ามเพื่อเตรียมตัวมารับแรงกระแทกในการทำศัลยกรรมครั้งนี้ ตอนนี้หน้าผมก็ยังตึงๆ อยู่ ตายังแข็งๆ อยู่ ปากยังตึงๆ ถามว่าพอใจไหมหลังจากที่ทำหน้ามา ก็พอใจนะครับ หน้าไม่ได้ผิดเพี้ยน ไม่เบี้ยวไปมากกว่านี้ 

ถามว่าผมเตรียมใจรับคำวิจารณ์มากน้อยแค่ไหน มีครับ แต่ผมไม่ได้อยากหล่อ ไม่ได้อยากเป็นพระเอกนะ แค่อยากดูแลตัวเองให้มันดีขึ้นก็เท่านั้น เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง เพราะมันก็มีหลายครั้งที่คนพูดว่าเป็นดาราทำไมหน้าทุเรศจัง ทำไมปล่อยตัวขนาดนี้ ผมก็อยากดูดีเวลาออกสื่อ เวลาออกไปขายของเจอแฟนๆ ก็อยากให้หน้าตาดูสดใส

หลังจากที่ทำมาก็เริ่มมีคนทักนะ ว่าทำไมพี่อู๊ดตัวจริงหน้าไม่เหี่ยว ดูแก่ๆ ทำไมดูหน้าดึง ดูหน้าเด็ก แต่ผมก็บอกทุกคนว่าผมทำหน้ามาครับ พอดีหน้าผมแก่มาก เกินเยียวยาแล้วใช้ครีมทุกครีมในโลกนี้ก็ไม่ได้ผล ครีมเอาไม่อยู่ ต้องมีดหมอครับ (หัวเราะ) 

พอคนทักว่าเราดูดีขึ้นนะ ผมก็ใจฟูนะ (ยิ้ม) รู้สึกว่าที่ตัดสินใจทำไปเราคิดถูกนะ หน้าตาจะได้ดูดีขึ้น คนที่เห็นหน้าตาเราจะได้ไม่ดูเศร้าหมอง พี่เกลือ พี่เจี๊ยบ เขาไม่เหี่ยวย่นเท่าผม เขายังดูดีกว่าผมมาก เพราะหน้าผมกระ รอยตีนกา อยู่ในหน้าเดียวกัน ก็เลยอยากจะทำให้มันดูดีขึ้นหน่อย เผื่อจะมีงานละครเข้ามาบ้าง การให้ของขวัญตัวเองครั้งนี้ คิดรวมๆ ก็ 6 หลักปลายๆ แล้ว ยอมจ่ายเผื่อให้มันออกมาดี ซื้อวิชาชีพเขา 

ผมแค่อยากให้ตัวเองดูดีขึ้นมาบ้าง เวลาสัมภาษณ์สื่อ หรือเจอแฟนๆ ข้างนอกเขาจะได้เห็นเราในสภาพที่ดูดีบ้าง เห็นว่าเราก็เป็นอีกคนที่ดูแลตัวเอง ไม่ปล่อยปะละเลยตัวเอง ก็เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะ จริงๆ ก็อยากจะเกิดมาหล่อเลย (หัวเราะ) แต่เมื่อมันมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าคนก็ชอบดูอะไรที่มันดูดี จะได้เป็นการให้เกียรติคนดูด้วยนะ (ยิ้ม)"

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”


...