ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ระหว่าง ออม สุชาร์ กับหุ้นส่วนอีก 2 คน คือ พริม ณัฐชา และ พี่ศสา อดีตผู้จัดการดารา ซึ่ง ออม ได้มานั่งใน โหนกระแส เล่าถึงเหตุผลที่ต้องซื้อหุ้นจาก พี่ศสา 4% และจ่ายเงินไป 2.5 ล้านบาท ก็เพราะรู้สึกไม่ไว้ใจ หลังจากที่เพิ่งมารู้ว่า พริม กำลังจะทำสินค้าอีกแบรนด์ขึ้นมาอีก 1 ตัว ก่อนจะเปิดคลิปเสียงที่ พี่ศสา โทรหา แอมป์ พิธาน เพื่อขอเงินเพิ่ม หลังจากที่ ออม จ่ายค่าหุ้นไปให้ พี่ศสา 2.5 ล้านบาท
- ใน TikTok ของ ออม ได้มีคลิปที่ออมใช้ผลิตภัณฑ์ของ RAD ซึ่ง ออม ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า พริมเป็นคนเอามาให้และบอกว่า ตัวเองเคยทำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ และตอนที่ตัวเองแต่งหน้า ก็มักจะรีวิวเครื่องสำอางที่ใช้ เลยมองว่า ไหนๆ พริมก็ส่งตัวอย่างที่ทำมาให้เรา เราก็เลยลองใช้ดู คิดว่าไม่น่าเสียหายอะไร
- เมื่อถามว่า งั้นแสดงว่าออมต้องรู้อยู่แล้วว่า RAD ยังไม่ได้เลิกทำ ซึ่งออมบอกว่า รู้ว่ามันเป็นของค้างสต๊อกและขายไม่ได้ พร้อมยืนยันว่า หนูรู้ว่าเขาไม่ได้ทำต่อ ซึ่งเขาเอาผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาให้หนูและบอกว่าเป็นสิ่งที่เขาเคยทำมา และหนูก็ใช้ไม่ได้คิดอะไร
- ด้าน ทนายแก้ว ถามว่า ออมไม่ได้ถามเขากลับไปเหรอว่า เขายังผลิตอีกรึเปล่า เพราะว่าของแบบนี้มันมีวันหมดอายุ ถ้าเกิดออมบอกว่าของมันเป็นของค้างสต๊อก แบบนี้มันจะเป็นเรื่องของการเอาของหมดอายุมารีวิวรึเปล่า ออมได้ตอบกลับว่า ตอนนั้นหนูไม่ได้ลงลึกรายละเอียดขนาดนั้น
...
- จากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ออมเข้าใจว่ามันเป็นการค้าแข่งกันแล้ว ซึ่งออมบอกว่า ตอนนั้นช็อกและเสียใจมาก ซึ่งไลน์อัพสินค้าที่จะขายตอนนั้นคือ ลิปสติก และจะเปิดตัวขายตอนเดือนธันวาคม ปี 2566 และเรารู้มาว่าสินค้าที่เขาจะทำคือสินค้าประเภทเดียวกัน เลยทำให้ยิ่งเฮิร์ต เรารู้สึกว่าถ้าคุณจะทำก็ทำอันอื่นก็ได้ หนูจะได้ไม่รู้สึกเจ็บหรือโกรธ
- แต่อันนี้โรงงานเดียวกัน แพ็คเกจจิ้งที่เดียวกัน ผลิตเนื้อที่เดียวกัน ขายช่องทางเดียวกัน สำหรับหนูมันเกิดคำถามว่า จะทำทำไม ในเมื่อทำ Fleen อยู่ หนูรู้สึกว่ามันแบ่งโฟกัสไปทำอีกสิ่งหนึ่งอยู่ ทั้งๆ ที่หนูโฟกัสแค่แบรนด์เดียว หนูไม่รับพรีเซ็นเตอร์เลย
- ด้าน อัง น้องสาวออม บอกว่า ในวันที่ 10 ม.ค. 2568 ได้ไปเจอ Google Drive ไฟล์บริษัท Fleen ไม่ได้พบแค่ไฟล์โลโก้ของแบรนด์อื่น แต่พบใบเสนอราคาของบริษัทอื่นที่ส่งมาให้ในอีเมล์ของ Fleen เสนอราคาให้อีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งเราไม่รู้ว่าบริษัท R ต้องการทำสินค้าเหมือนกับเรารึเปล่า ทำไมถึงได้ใบเสนอราคาตัวนี้มา
- หลังจากนั้นได้มีการนัดพูดคุยกับ พริมและสามี ในวันที่ 25 ม.ค. 2568 ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ไปทำ RAD2 ขึ้นมารึเปล่า ได้ไปเสนอราคาแบบนี้จริงไหม ซึ่งเขาตอบกลับว่า ก็ว่าจะบอกเหมือนกัน หาเวลาอยู่ เขายอมรับว่าไปทำจริงโดยที่ไม่ได้บอกเรา
- ออม บอกว่า หนูทำ Fleen กับเขา เราตั้งใจทำมากๆ แล้วถ้าอยู่ดีๆ หนูไปรับพรีเซ็นเตอร์แบรนด์อื่น ใจเขาใจเรา เขาจะรู้สึกยังไง จริงๆ ถ้าเขาอยากทำแบรนด์อื่นขึ้นมาใหม่ เขาเดินมาบอกหนู ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิด ให้เดินมาบอกได้เลยอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่าทำมาตั้งนานแล้ว ถ้ามันไม่ผิดจริงๆ ทำไมเขาไม่เดินมาบอกหนูเลยว่าขอทำได้ไหม
- สำหรับไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้น ทาง พริม ได้ไปจดทะเบียนกับทาง RAD2 เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 มีชื่อ พริม เป็นกรรมการ และสามีเป็นพนักงานในบริษัท จากนั้น อัง น้องสาวของออม ได้ไปเจอไฟล์ Google Drive ในวันที่ 10 ม.ค. 2568 และได้นัดพริมกับสามีมาเจอกันในวันที่ 25 ม.ค. 2568
- จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยทำให้ออม รู้สึกไม่ไว้ใจแล้ว เลยไปซื้อหุ้น 4% จากพี่ศสา และก่อนหน้านั้นได้โทรไปหาเพื่อนดารา เพื่อสอบถามข้อมูลของพริมว่าเขาเกิดปัญหาอะไร เลยทำให้รู้ว่าต้องจัดการปัญหาอย่างไร เลยตัดสินใจซื้อหุ้นจากพี่ศสา 4% เพราะรู้สึกว่าตอนนี้ Fleen มีกัปตันที่กำลังขับเครื่องบิน 2 ลำพร้อมกัน
- ในวันที่ตัดสินใจซื้อหุ้นจากพี่ศสาคือ 24 ม.ค. 2568 โดยที่ยังไม่ได้เจรจากับพริม แต่ไปซื้อหุ้นจากพี่ศสาก่อน 1 วันที่จะอัดเสียงพริมกับสามี ซึ่งอังบอกว่าแต่ก่อนหน้าได้โทรไปสอบถามกับสามีพริมมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีคลิปเสียง และสามีพริมก็ยอมรับ
- ออมกับอังยอมรับว่า เรื่องที่ไปซื้อหุ้นจากพี่ศสา ไม่ได้บอกพริมเลย จนกระทั่งเขามารู้เองทีหลัง
- ในวันที่ยกหูโทรหาสามีกับพริมหลังไปเจอโลโก้แบรนด์ RAD ซึ่งทั้ง 2 คนยอมรับว่า จะทำแบรนด์ใหม่จริงๆ เพราะตอนนี้เงินไม่พอ คิดว่าแบรนด์เดียวซัพพอร์ตเขาไม่ได้ เขาจะทำแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์และเขาจะทำ คือเขาไม่ได้ยกเลิกเพราะออมรู้ เลยคิดว่าถ้าเขาจะทำใหม่ ลองปรึกษาพี่ศสาดีไหม ในการซื้อหุ้น
...
- เมื่อถามว่า ในวันที่ติดต่อขอซื้อหุ้นจากพี่ศสา ได้บอกเขาไหมว่า หุ้นมันกำลังจะขาดทุน ติดตัวแดงนะ เดี๋ยวต่อไปจะลำบาก เลยจะขอซื้อ ซึ่งออมบอกว่า ไม่มีคำพูดนั้นออกจากปากของหนูเลยค่ะ หนูบอกพี่ศสาว่า พี่ หนูไม่ไว้ใจน้องแล้ว ในการที่เขาจะมาบริหาร และได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พี่ศสาฟัง ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับหนูว่าน้องไม่ควรจะทำแบบนั้น เลยตกลงขายหุ้นให้กับหนู และคำว่าขาดทุนไม่มีแน่นอน
- ออมบอกว่า ตอนแรกตั้งใจจะซื้อหุ้น 4% จากพี่ศสา 1 ล้านบาท แต่พอคุยไปเรื่อยๆ เขาบอกว่า พี่ขอ 3 ล้าน จากที่เขาลงทุน 100,000 บาท เขาบอกขอน้องออม 3 ล้าน แต่หนูบอกว่ามันเยอะไป เลยจบที่ 2.5 ล้าน และได้โอนเงินในวันนั้น พร้อมกับทำสัญญา จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเรียบร้อย
- จากนั้นน้องสาวของออม ได้มีการโชว์แชตไลน์ซึ่งเป็นหลักฐานที่พี่ศสาทราบอยู่แล้วว่า บริษัทได้กำไร ไม่เคยขาดทุนเลย เพราะมีเงินปันผลให้ และถ้าบริษัทขาดทุนจริง ก็ไม่รู้ว่าออมจะลงทุนซื้อที่มีมูลค่าแค่ 100,000 ในราคา 2.5 ล้านบาททำไม
- และได้มีการเปิดคลิปเสียงที่พี่ศสาโทรหา แอมป์ พิธาน เพื่อขอเงินเพิ่มแล้วบอกว่าจะเอาตัวเองออกไป ไม่อยู่ฝ่ายไหนเลยในเรื่องนี้ ซึ่งออมบอกว่า หนูได้จ่ายเขาไปแล้ว 2.5 ล้าน
...
- อังน้องสาวออมบอกว่า พี่ศสาพูดว่า จะถอนตัวเองออกจากเรื่องนี้ เขาพูดเองว่า เขาเป็นคนสำคัญในเรื่องนี้ ในฐานะที่เขาเป็นคนขายหุ้นให้เรา และพี่ศสา เป็นคนฟ้องออม ฐานซื้อหุ้นฉ้อฉล แต่หลังจากนี้ถ้าจะให้พี่ศสาถอนตัวเองออก ก็แค่จ่ายเงินมา แล้วพี่ศสาจะจบเรื่องนี้เอง ไม่ยุ่งกับใครอีก
- ด้าน พี่ศสา โฟนอินเข้ามาในรายการ ชี้แจงบอกว่า เรื่องคลิปเสียงมันเกิดขึ้นจากที่เราเจอปัญหานี้เยอะมาก เราเลยโทรไปปรึกษาพี่แอมป์ เหมือนกับขอคำปรึกษา ตอนที่ถูกซื้อหุ้นไป พี่ไม่รู้ว่าราคามันควรจะเท่าไหร่ พี่ไม่เคยเห็นว่ามูลค่าของบริษัทมันเท่าไหร่ แล้วการซื้อหุ้นไป 2.5 ล้าน เป็นการตกลงชัดเจน ว่าหลังจากที่เรารู้ว่าบริษัทไม่ได้เหลือเงิน 3 ล้าน หรือบริษัทกำลังจะแย่ แต่กลับมีกำไรด้วยซ้ำ เลยได้มาปรึกษาพี่แอมป์ว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากได้เอกสารใบหนึ่งซึ่งมันสำคัญมาก มันคือเอกสารตราสารการโอนหุ้น ที่ยังไม่ได้ส่งให้เขา สาเหตุที่ยังไม่ได้ส่งเพราะทราบเรื่องราวมาว่า เขามีการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง บริษัทไม่ได้เหลือเงิน 3 ล้านตามที่น้องเคยพูด พี่ก็เลยบอกว่าถ้าต้องเซ็นเอกสารใบนี้ให้จากที่อังและแอมป์ต้องการ พี่ก็จะเซ็นให้ แต่ให้ขอจ่ายเงินมาเพิ่มได้ไหม เพราะตอนนั้นพี่ไม่รู้มูลค่าของบริษัทเลย เพราะบริษัทมันขายได้ 46.9 ล้าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่พี่รู้ พี่เลยไปบอกบริษัทว่ามันมีกำไรนะ ให้พี่เพิ่มได้ไหม เดี๋ยวพี่เซ็นเอกสารใบนี้ให้
- อังได้แย้งว่า ไม่มีใครรู้งบการเงินของบริษัท และเราไม่เคยสรุปว่า Fleen มีกำไรต่อเดือนเท่าไหร่ แต่คนที่ทำรายได้หลังบ้าน บริหารเรื่องนี้คือพริม ซึ่งออมจะทำในเรื่องของการตลาด ไม่ได้รู้เรื่องตัวเลข
- พี่ศสาบอกอีกว่า ตนเองไม่ได้รู้เรื่องตัวเลขเพราะเข้าไปดูไม่ได้ แต่ทราบมาจากอีกฝั่งหนึ่งว่าบริษัทได้รายได้ เพราะเดือนที่ขายหุ้นให้ออมคือ ม.ค. ซึ่งตอนนั้นขายได้ 10 กว่าล้านแล้ว พอได้รับข้อมูลตรงนี้ ถ้าจะเอาใบตราสารหุ้นที่มันมีค่ามากไป ก็ขอเพิ่มตรงนี้หน่อยได้ไหม ถ้าพี่จะออกจากธุรกิจนี้ไป มันเป็นธุรกิจที่พี่ก็อยากมีส่วนร่วม ถ้าพี่จะต้องออกไป เพิ่มเงินให้พี่หน่อยได้ไหม พี่ไม่ได้โลภแต่พี่ไม่รู้ตัวเลขเลยจริงๆ
...
- พี่ศสายืนยันไม่เคยพูดว่า บริษัทขาดทุน แต่เราพูดกันว่าถ้าเผื่อบริษัทเหลือเงินอยู่ 3 ล้านบาท ถ้าปล่อยให้ทีมบริหารต่อ บริษัทอาจจะถึงวันขาดทุนได้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เก่งเรื่องการใช้คำพูด แต่ถ้าทีมดูแลต่อบริษัทอาจจะขาดทุน แต่ถ้าขายหุ้นพี่ไป บริษัทจะกลับมาเหมือนเดิม
- เมื่อถามว่า พี่ศสาขายหุ้น 2.5 ล้านบาทไปทำไม เจ้าตัวบอกว่า เจตนาคือเรากลัวว่าบริษัทจะไปไม่รอด แล้วเรามาเป็นหนี้อีก ก็เลยขายไปก่อนก็ได้ อีกอย่างอยากให้ออมแก้ปัญหาเคลียร์ไปได้ อีกใจหนึ่งคิดว่าถ้าบริษัทมันไปได้ไม่ดีแล้วก็ขายไปก่อน ถ้าบริษัทไปไม่รอด หนูก็ต้องมาแบกรับภาระหนี้สินอีก
- การที่เข้าใจว่าจะไม่รอด เพราะวันที่ 24 ม.ค. 68 น้องออมเข้ามาคุยและมีข้อมูลเยอะมาก ถูกหว่านล้อมแบบยังไงวันนั้นก็ต้องขายหุ้น แล้วมันลากยาวมาแล้ว เราก็ต้องหายเพราะถ้าบริษัทไปไม่รอดเราก็จะมีความเสี่ยงด้วย เขาเป็นคนบอกว่า ถ้าปล่อยให้พริมบริหารงานต่อ มันก็จะไปไม่ได้ และเขาบอกว่า วันนี้พี่ศสาต้องขายหุ้นให้ออม เพราะพี่แอมป์จะไปคุยกับพริม ซึ่งเขาบอกชัดเจนเลย ทำให้เรารู้สึกว่าบริษัทดูท่าทางไม่ดีแล้ว ถ้าเกิดขาดทุนมาเราจะแบกรับยังไง
- ศสาพูดถึง 4% ของเราตอนนั้นที่ขอเพิ่มตามคลิปเสียง เจตนาคือเราไม่รู้เรื่องรายได้ เลยถามว่าพอจะให้พี่เพิ่มได้ไหม เราไม่ได้จะโลภหรือขอเพิ่ม แต่อยากปกป้องสิทธิ์ เหมือนที่ชาวเน็ตบอกว่าเราเป็นนกสองหัวหรือลิ้นสองแฉก เราไม่ใช่ค่ะ เจตนาคืออยากให้ทุกอย่างออกมาด้วยดี แต่เราแค่ไม่ได้รู้เรื่องบัญชี เพราะคิดว่าบริษัทได้กำไร 46.9 ล้านบาท แต่เราขายหุ้น 4% ไป 2.5 ล้านบาท และคิดว่าเราควรได้เพิ่มบ้าง แต่มาตอนนี้เข้าใจแล้ว และเราไม่ได้จะมาโลภ ตอนนั้นแค่อยากจะปกป้องตัวเอง
- ศสาบอกอีกว่า พอมาทีหลังว่าบริษัทไม่ได้ขาดทุน เราทำเรื่องไปว่าอยากจะได้ 4% กลับคืนมา แล้วเอา 2.5 ล้านไปคืนน้องออม พร้อมขอปันผล เพราะเราขายหุ้นไป 2025 แล้วทำไม 2024 เราจะไม่ได้ปันผลด้วย เลยมีการโทรไปคุยกับแอมป์ แอมป์เองก็บอกว่าขอคุยกับออมก่อน และโทรกลับมาว่า โอเคครับ พี่ควรจะได้ปันผล เพราะออมตกลงกับพี่แล้ว แต่ต้องไปเซ็นเอกสารให้กับทางเราก่อน แต่พอดีลื่นล้ม เลยไปไม่ได้
- ส่วนเรื่องที่ในสัญญาบอกว่า ศสาห้ามนำเรื่องที่ขายหุ้นไปบอกพริมนั้น อังบอกว่า ในสัญญาระบุว่าทั้ง 2 ฝ่าย ต้องห้ามไปบอกใคร ไม่ใช่ศสาต้องห้ามเอาไปบอกพริม คือทั้ง 2 ฝ่ายต้องห้ามไปบอกใครนะ เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ว่าต้องตลอดไป เพราะว่าเราไม่อยากทะเลาะ ถ้าบอกพริมหรือท่านอื่น ข้อมูลมันจะรั่วไหล
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม