หลังจากที่มีกระแสข่าวดาราสาวฮุบกิจการ และมีชื่อของนางเอกสาว ออม สุชาร์ มานะยิ่ง เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ออมร่วมทำธุรกิจเครื่องสำอางร่วมกับ พริม ณัฐชา และ ศสา อดีตผู้จัดการส่วนตัว แต่สุดท้ายก็มีปัญหากันจนถึงขั้นต้องขึ้นศาล ซึ่งเรื่อง พริม และ ศสา ได้มานั่งในรายการโหนกระแส เพื่อชี้แจงในมุมของตัวเองและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

และล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย.) ออม สุชาร์ พร้อมด้วย น้องสาว และทนายความส่วนตัวฝั่งตัวเอง ก็ได้มานั่งในโหนกระแส เพื่อชี้แจงในมุมของตัวเองเช่นกัน โดยเผยว่า

- ออม เผยว่า ที่ไม่อยากให้ อ.ตฤณ มาในรายการวันนี้ ขอคุยกันหลังรายการดีกว่า เพราะยังรู้สึกงอนๆ ไม่ได้เป็นเรื่องของความกลัว แต่ตอนนี้สับสนไปหมด รู้สึกไว้ใจคนยากแล้ว ไม่เชิงไม่ไว้ อ.ตฤณ แต่ขอคุยกันหลังจากนี้ดีกว่า

- และวันนี้จะพูดความจริงทุกอย่างในมุมของหนู ว่าทำไมถึงต้องซื้อหุ้น 4%

- ออม เผยว่ารู้จักกับ พริม จากทาง ศสา เพราะเขาเป็นอดีตผู้จัดการของหนู และเขาก็อยากให้หนูมีธุรกิจ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราคิดตรงกันว่าอยากให้เราทำธุรกิจขึ้นมา และเขาแนะนำให้รู้จักกับ พริม เพื่อที่จะมาร่วมมือกัน ตามที่เขาได้เล่าก่อนหน้านี้

...

- ออม ยอมรับว่าตอนนั้นแฮปปี้มาก เป็นการทำงานมาตลอด 1 ปีที่มีความสุขมากในการทำสิ่งนี้

- ที่ พริม บอกว่า เขาเป็นหุ้นใหญ่ 51% โครงสร้างแรกของหุ้นเลย ออม เป็นคนคิดก่อน เพราะเขาเป็นคนถามเราแต่แรกเลยว่าจะยังไงดี ตนเองเลยบอกขอเป็น 45-45 ขอให้พี่ศสา 10% ได้ไหม ซึ่งอันนี้คือโครงสร้างหุ้นแรกเลยที่เราได้จด

- เวลาผ่านไป เราถ่ายแบบทุกอย่างไว้หมดแล้ว พริม ก็ได้โทรมาหาหนูบอกว่า แบบนี้มันจะตัดสินใจอะไรยาก เลยอยากจะขอหุ้นเพิ่มเป็น 51% ได้ไหม และทางหุ้นของพี่ศสาก็ขอลดลง ซึ่งเป็นการปรึกษาแฟนหนูว่าหลักการมันจะทำอย่างไรได้บ้าง

- ทางด้าน พี่แอมป์ แฟนหนูก็ให้คำแนะนำไปว่า "น้องพริมหัวใจของนักธุรกิจสิ่งแรกเลยคือความซื่อสัตย์ พูดคำไหนคำนั้น จะให้พี่เขา 10% ต้องเป็น 10% ตามนั้น อันนี้เป็นคำแนะนำจากพี่ จากนั้นคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่คุณ ความซื่อสัตย์ของพี่คือหัวใจหลักของนักธุรกิจ"

- หลังจากนั้นก็ถูกปรับเปลี่ยนหุ้นเป็น 51% ของหนูเป็น 45% เพราะว่าเขาก็ขออย่างนั้น และพี่ศสาก็เหลือ 4% ซึ่งตนเองก็ตามที่พริมขอ อะไรก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ที่บ้านและแฟนไม่รู้ เพราะเป็นการคุยส่วนตัวและยินยอมเอง

- ออม เผยว่าที่ยอมตามเขาไป เพราะว่า ดาราไม่ได้เก่งเรื่องธุรกิจอะไรมากมาย และเราคิดว่าอีกฝ่ายเขาเก่งเรื่องนี้ ฉะนั้นเลยทำให้หนูตามเขาทุกๆ อย่าง

- พอที่บ้านรู้เรื่องนี้ หนูก็ได้คำแนะนำจากที่บ้านว่า ถ้าเขากลับไปกลับมาแบบนี้ เราจะมีปัญหาไหมถ้าเราเป็นหุ้นรอง

- ออม ยืนยันว่า พริม เป็นคนลดสัดส่วนของ พี่ศสา จาก 10% เป็น 4% เอง

- จากนั้น พริม ให้ ออม เซ็นสัญญา ซึ่งให้ที่บ้านช่วยกันดูและรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมกับหนู ซึ่งสัญญานั้นบอกว่า หนูห้ามรับพรีเซ็นเตอร์อะไรเลย ณ ปัจจุบัน ที่เป็นสินค้าที่ผลิต รวมสินค้าในอนาคตที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกอะไร แล้วฝั่งเขาสามารถทำสิ่งอื่นได้

- เมื่อถามว่า ในวันแรกที่ออมไปเจอพริม ไม่รู้เหรอว่าเขามีผลิตภัณฑ์ของเขาอยู่ก่อนแล้ว ออมบอกว่า ทราบว่าเขาเคยทำแบรนด์ RAD กับดาราท่านหนึ่งมาก่อน ในความรู้สึกเราคือนานมากๆ ตั้งแต่ปี 2556 สาเหตุที่เลือกทำกับเขาเพราะว่ามันเป็นโปรไฟล์ของเขา ในการที่เราจะเลือกใครสักคนมาทำ คือเขาเคยมีเครดิตตรงนี้ และเราก็คิดว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ซึ่งปัจจุบันมันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และเขาก็บอกกับเราเองว่าเขาหยุดทำแล้ว ซึ่งเราเข้าใจอย่างนั้น

- และมันไม่ได้มีข้อเสนอว่า เราต้องไปทำ RAD ต่อกับเขา และเราก็มีสิ่งที่อยากทำ เราเริ่มต้นกันใหม่ นับหนึ่งใหม่ทั้งหมด

- ออม เผยว่า ถ้าตอนนั้นเขาทำ RAD อยู่ หนูก็ยืนยันว่าไม่ทำ Fleen กับเขาแน่นอน

- เราก็ตกลงกัน 3 คน ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา ซึ่งมันดีมากๆ หนูโปรโมทสินค้า ตั้งใจทำคลิป เขาตั้งใจทำผลิตภัณฑ์

- จุดแตกหักคือช่วงเดือนมกราคม ปี 2566 น้องสาวของออม จะเข้าไปหาโลโก้ของ Fleen ในไฟล์หลังบ้านของ Google Drive ปรากฏว่า ไปเจอโลโก้แบรนด์อื่นที่ไม่ใช่แบรนด์ของเราอยู่ใน Fleen Beauty Google Drive ซึ่งมันคือจุดที่ทำให้หนูรู้สึกเสียใจมากๆ และโลโก้ดังกล่าวนั้นคือโลโก้ที่พริมเตรียมรีแบรนด์ใหม่ของ RAD ซึ่งมีแบรนด์ RAD โผล่มาใน Google Drive ของ Fleen มันไม่ควรจะมีอยู่ในนี้ เพราะอันนี้มันคือการทำงานหลังบ้านของ Fleen Beauty ทั้งหมด มันคือความไว้วางใจทั้งหมดของ Fleen Beauty มันไม่ควรมีแบรนด์อื่นที่มีลักษณะขายของในแบบเดียวกันอยู่ในแบรนด์ของเรา

...

- หนูเสียใจมาก วินาทีนั้นที่เห็นช็อกมาก รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องไปทำอย่างอื่น มันเหมือนอกหัก เหมือนเขามาคบกับเรา แต่สุดท้ายเขากลับไปคบกับแฟนเก่า

- ออมยืนยันอีกครั้งว่า พริมไม่ได้ทำแบรนด์ RAD แล้ว

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม