ถ้าพูดถึงชื่อของ เป๊ป เขมิกา สุขประสงค์ดี หลายคนอาจจะยังนึกหน้าเธอไม่ออก แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เธอคือนักแสดงที่ความสามารถที่สร้างความสดใส ในบทของ คุณอิ่ม จากละคร "คุณชายปวรรุจ" และแม้ในชีวิตเคยเป็นนางเอกอยู่หนึ่งเรื่อง แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นตัวรอง แต่เจ้าตัวก็ยังแฮปปี้ เพราะมันคืองานที่เธอรัก ล่าสุดเธอมาเปิดใจผ่านรายการ “คุยแซ่บโชว์” ทางช่อง One31 ว่าครั้งหนึ่งเคยหนัก 130 กิโลกรัม จนทำให้เกือบตุย รวมไปถึงความสู้ชีวิตจาก “ลูกคุณหนู” แต่ทุกอย่างต้องสูญไป เพราะผลกระทบจากการประท้วงชุมนุม จนทำให้ต้องไร้เงิน ไร้งาน ถึงขั้นไม่มีเงินรักษาตัวเอง

ย้อนกลับไปผลงานวงการบันเทิง เป็นนางเอกเรื่องแรกและเรื่องเดียว (ละคร "รักต้องอ้วน")?

“แต่ว่าก็ไม่ติดนะ ถ้าแม่หนิงจะทำให้หนูเป็นนางเอกอีกเรื่องหนึ่งก็ได้ ตอนนั้นหนูอยู่ ม.5 และบริษัทยูม่า แกจะทำละครฉีกแนว จะหานางเอกรูปร่างอวบ ซึ่งจริงๆ แล้วแกวางพี่ลูกเกด เมทินี เรื่องนี้คือพระเอกตาบอด แล้วเค้าจินตนาการ ว่านางเอกจะต้องหุ่นเหมือนพี่ลูกเกด เป็นนางในฝัน ทีนี้เค้าต้องหานางเอก ที่จริงๆ นางต้องอวบ เค้าก็หาอยู่ 4-5 เดือน จนมาเจอคนรู้จักกัน เค้าแนะนำให้มาแคสต์”

...

เรารู้สึกยังไงที่ได้คำนิยามว่า เป็นนางเอกอวบอ้วนของเมืองไทยคนแรก?

”ตอนนั้นก็ตกใจมากกว่า จากชีวิตเด็กมัธยมอ้วนๆ คนหนึ่ง ที่โดนบูลลี่มาตลอดชีวิต ฉันสวยเหรอ ทำไมเขาถึงเลือกฉัน ตอนนั้นกลัวมากในเรื่องของแอ็กติ้ง เพราะว่ามีเวลาเตรียมตัวแค่ 2 เดือน โชคดีตอนนั้นพี่น็อต(วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์) ก็ช่วย พี่แอ็กติ้งโค้ชก็ช่วย พยายามเทรนด์หนูให้สู่ทางลัดมากที่สุด ตอนนั้นคือเลิกเรียนแล้วก็ต้องเข้ายูม่า แล้วคือละครออนแอร์วันเสาร์ แล้วหลังจากนั้นมันก็ปิดเทอม พอวันอังคารเราไปเดินสยาม มันเหมือนเหมือนเราปรับตัวไม่ทัน ตอนนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาขอลายเซ็นเรา มาขอสัมผัสตัวหน่อย ชีวิตเปลี่ยนเลย ไม่ใช่น้องเป๊ปคนเดิม เปลี่ยนเป็นนางเอกช่องสาม”

เราเคยเป็นนางเอกเมื่อ 21 ปีที่แล้ว แต่พอหลังจากนั้นมา จากละครเรื่องแรก เราได้กลายเป็นเพื่อนนางเอก?

”ไม่ได้น้อยใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองอ้วน แต่ก็โดนคนพูดเยอะ ใช่สิ อ้วนแบบนี้ก็เป็นนางเอกแค่เรื่องเดียว แต่เราก็เข้าใจ เพราะเราไม่เคยคิดว่าเราจะได้เข้าวงการบันเทิง ทั้งที่ในใจอ่ะมันรักการแสดง เพราะว่าในอนาคตก็ต้องทำงานเบื้องหลังอยู่แล้ว แต่บังเอิญดวงหรือว่าอะไรบางอย่างมันส่งให้เรามาอยู่หน้ากล้อง แค่นี้มันก็มาไกลเกินฝันแล้ว”

แต่เรื่องที่เป็นเพื่อนนางเอกและคนจดจำ คือเรื่องคุณชายปวรรุจ?

”เรียกว่าเราแอบไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม เพราะว่าเราเรียนวิชาศิลปะการแสดง เราไปฝึกฝนเพิ่ม เพราะว่าเรารักทางนี้จริงๆ เราคิดมาโดยตลอดว่า ถ้ามันมีโอกาสมาอีก เราต้องปังแล้ว ซึ่งมันก็จริง เราตั้งใจเรียนแอ็กติ้ง ได้ A ทุกตัว แล้วตอนที่เค้าเปิดแคสต์ เราก็ไป แต่เจอคนอ้วนที่สวยเยอะมาก เราเลยอยากกลับแล้ว เพราะเรามีดวงคือ ไปแคสต์อะไรก็ไม่ได้ แล้วพอไปอยู่ในกอง ก็ไม่วายโดนแกล้ง พี่โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) เนี่ยตัวแกล้ง จำได้เลยว่ามันมีอยู่ฉากนึง ต้องมีการตีก้นม้าให้ม้าเตลิด แต่ก่อนจะถ่าย พี่โป๊ปก็มาตีป๊าบ แล้วก็บอกพี่โป๊ปไปขำๆ ว่านี่ผู้หญิงนะ (ยิ้ม) เอ็นดูกันบ้าง แต่ที่แรงกลับมา แกไม่ได้เห็นว่าเราเป็นผู้หญิง (ยิ้ม) แต่หลังจากนั้นเราก็มีละครเล่นมาตลอด หนักสุดคือปี 57-58 มีปีละ 7-8 เรื่อง ยอมรับว่านอนน้อยมาก แต่น้ำหนักก็พีกเช่นกัน ตอนเล่นปวรรุจ ก็หนัก 120 กว่า ตั้งแต่สะใภ้จ้าว 130 กก.“

แล้วทำไมอยู่ดีถึงหายไปจากวงการบันเทิง?

“แต่หลังจากนั้นก็มีปีละเรื่องบ้าง ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าทำไมงานน้อยลง หรือว่าเพราะเราผอมลงด้วยหรือเปล่า ตอนแรงสุดช่วงโควิด บวกกับเรามีลูก เรียกว่าพักไปมีน้อง แต่มันก็เกิดสถานการณ์การเงินที่ช็อต ถึงขั้นไม่มีเงินดูแลและใช้รักษาอาการป่วย เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งพอเราไม่สบาย บวกกับช่วงนั้นเราแย่ เราต้องไปใช้สิทธิ์ 30 บาท แต่มันต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกินขึ้นมา เราต้องไปขอคนโน้นคนนี้ พอมันมาถึงจุดนี้ เราต้องดิ้นแล้ว ถ้าเราอยู่เฉยๆ เราจะไปรอให้มีงานเข้ามาอย่างเดียวเหรอ แล้วใน TikTok ที่คนอื่นเขาสร้างตัวเองมาจะมีมาให้เห็น ซึ่งเรามีภาษีมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ คนทั่วไปก็ทำได้ คนอย่างเราก็ต้องทำได้ ถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้“

...

จุดเริ่มต้นที่จะสร้างตัวตนใน TikTok คือ?

“ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกัน อาศัยความตลกของตัวเอง เราก็นั่งลิปซิงก์ จนบางคนเข้าใจว่าเราเป็นสาวสอง เราเคยได้หลายรายได้จากการเล่น TikTok 3 ล้านบาท จากปักตะกร้า ลูกค้าจ้างรีวิว ไลฟ์สดขายของ (ขนาดลียา ยังถามว่าหม่ามี้รู้จักด้วยเหรอ)”

แต่ถ้าย้อนกลับไปเราก็คือลูกคุณหนู แต่ทำไมถึงต้องสู้ชีวิตขนาดนี้?

“เราเกิดมา คุณพ่อเป็นเจ้าของโรงเรียนกวดวิชา PEP แล้วภาพจำของเรา คือทุกคืนจะต้องมีพนักงานธนาคาร มานับเงินที่บ้านเรา เพื่อที่จะนำเงินไปเข้าธนาคาร เป็นเงินสดๆ และสิ่งที่มันเกิดขึ้น คือคุณพ่อเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมาก และความคิดกับเทคโนโลยีในสมัยนั้นมันไม่ได้ไปด้วยกัน และข้อมูลมันก็อัพโหลดไม่ทันใจ เขาก็มีปัญหากับบริษัทที่ทำคอนเทนต์ ไปๆ มาๆ คุณพ่อก็มีหนี้ 50 ล้าน ซึ่งถามว่าตอนนั้นเรารวยไหม เรารวยมาก แต่พ่อรวยผิดเวลา เขาก็ไปรวยตอนเด็ก แต่ถ้ามารวยตอนนี้นะ (หัวเราะ) จากนั้นเราก็ต้องยอมรับ อยากได้อะไรก็ไม่ได้เหมือนเดิม เราต้องปรับตัว แต่เราก็ขอคุณพ่อไปเรียนการแสดง เราก็อธิบายว่าทำไมเราถึงอยากเรียน เราก็บอกว่าอันนี้เป็นตัวต่อยอดที่ในชีวิต“

...

แล้วตอนไหนที่เราตัดสินใจว่าเราจะต้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว?

”ช่วงปี 53 เราเรียนจบใหม่ๆ ตอนนั้นมีการชุมนุม ครอบครัวเราก็โดนหนัก ตรงสามเหลี่ยมดินแดง ที่เป็นตึก นั่นเป็นของคุณพ่อ 2 คูหา ไหม้หมดเลย เราไม่มีรูปตอนเด็กแล้ว เราเป็นคนไม่มีอดีต มันหายไปกับไฟไหม้ ชีวิตเราติดลบมากกว่าเดิม เราก็ต้องออกมาขอรับบริจาคเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็มีการฟ้องร้องได้เงินมาจำนวนหนึ่ง แต่เพิ่งได้เงินเมื่อปีที่แล้วเองมั้งคะ 10 กว่าปี และความจุดพีกมันคือ เราโทรกลับไปหาพ่อในคืนวันนั้น แต่เราได้ยินเสียงปืนตลอดเวลา“

แล้วตอนที่เราป่วย ที่จนเกือบตุยเพราะ?

”จริงๆ เราไม่รู้เลยว่าเราหนัก 130 กก. เพราะเราไม่ได้ชั่งน้ำหนัก ตอนที่เราเป็นลูกคุณหนู อาม่าอยากให้หลานสาวตุ้ยนุ้ย เค้าก็ปลูกฝังว่าเราต้องกิน เราต้องกินข้าวให้หมดทุกเม็ด แล้วมันมีจุดที่ทำให้เราต้องกลับมาดูแลตัวเอง มันมีช่วงหนึ่งในคืนหนึ่ง ช่วงที่เราหลับ มันสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหมือนคนกำลังจมน้ำ มันเหมือนคนหายใจไม่ทัน เหมือนคนจะตุยแล้ว แล้วพอไปหาหมอ ตรวจทุกอย่าง เออ…เรากำลังป่วยเนอะ(หัวเราะ) สวยอย่างเดียวไม่ได้เนอะ ต้องดูแลสุขภาพด้วย เราเคยกินยาลดความอ้วนมาแล้ว แต่มันไม่ช่วยอะไร คุณหมอยื่นชอยส์มาว่ามันมีตัดกระเพาะนะ แล้วมันมาถึงจุดพีก การตัดกระเพาะมันลดไหม มันลดเร็วมาก มันเลยทำให้เรากินได้น้อยลง“

...

แต่เห็นว่าถ้าตัดกระเพาะแล้ว 1-2 ปี ห้ามตั้งครรภ์?

”หลังจากเราปล่อยจอย เพราะว่าเราตัดกระเพาะมาแล้ว แต่ 2 เดือนผ่านไป เราท้อง แล้วคุณหมอที่ทำการตัดกระเพาะให้เรา เค้าบอกเราว่า คนไข้ที่ตัดกระเพาะไปแล้วนั้น 80% ที่ท้อง และน้องก็ไม่รอด มันคือความเสี่ยงที่เราต้องเลือก ซึ่งเราเลือกลูกแน่นอน เราต้องกินเยอะๆ เพื่อเอาสารอาหารไปเลี้ยงลูก ตอนคลอดน้อง น้ำหนักเราขึ้นไป 120 กก. พอลูกออก เราลีน เหลือประมาณ 107 กก.”

ชมคลิป

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม