เป็นนักแสดงตลกรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อยู่ในวงการบันเทิงมานานเกือบ 40 ปี สำหรับ ถั่วแระ เชิญยิ้ม หรือ ศรสุทธา กลั่นมาลี ซึ่งกว่าจะเดินทางมาอยู่ในจุดนี้ เจ้าตัวบอกเลยว่า ไม่ง่ายเลย ทั้งเจออุปสรรคและเหตุการณ์ต่างๆ มากมายในชีวิต

เปิดประวัติของ ถั่วแระ เชิญยิ้ม

ถั่วแระ เชิญยิ้ม มีชื่อจริงว่า ศรสุทธา กลั่นมาลี เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2496 ที่กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอายุ 72 ปี เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้อง 5 คนของคุณพ่อเป้าและคุณแม่อัมพร ซึ่งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า สมัยเด็กๆ ฐานะทางบ้านอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ค่อยมั่งมีศรีสุขเท่าไหร่

สำเร็จการศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่ โรงเรียนช่างกลบางซ่อน และ โรงเรียนช่างกลพระรามหก

หลังจากจบการศึกษาในระดับ ปวช. ได้เริ่มทำงานที่ องค์การทอผ้า, บริษัทโอสถสภา และ บริษัท เชลล์ ประเทศไทย จำกัด

...

จุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดงตลก และทำงานในวงการบันเทิง

จากนั้นได้เริ่มฝึกทักษะการแสดงมายากลจนได้ไปเล่นทั้งโชว์กิจกรรมภายในบริษัท และทำการโชว์เปิดก่อนการแสดงตลกตามห้องอาหารและคาเฟ่ต่างๆ เล่นมายากลนาน 2 ปี จนได้มาเล่นตลกรวมกับมายากลใช้ชื่อว่า มายายิ้มแป้น และเป็นตลกยิ้มแป้นในที่สุด เล่นตลกใช้ชื่อว่า ปาน ยิ้มแป้น จนได้เป็นหนึ่งในนักแสดงตลกในที่สุด โดยร่วมคณะ เด่น บิ๊กโจ๊ก (ดอกประดู่) ซึ่งชื่อในวงการคือ ปาน บิ๊กโจ๊ก แต่ลาออก

มาตั้งคณะกับแดง บิ๊กโจ๊ก ใช้ชื่อว่า ปานแดง บิ๊กโจ๊ก หลังจากนั้น โน้ต เชิญยิ้ม ก็ได้ขอตัว ปาน บิ๊กโจ๊ก จากแดง บิ๊กโจ๊ก และโน้ต เชิญยิ้ม ได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ถั่วแระ เชิญยิ้ม และได้แยกตัวออกมาตั้งคณะของตัวเองรวมกับ ชูษี เชิญยิ้ม ใช้ชื่อคณะว่า ถั่วแระชูษี เชิญยิ้ม โดยได้รับช่วงต่อการบริหารคณะต่อจากเป็ด เชิญยิ้ม

มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ โพกผ้ามีหนวดมีเครา ก็เลยสร้างตัวตนเป็นแบบนี้มาตลอด และหลังจากนั้นก็เอามายากลมาผสมกับตลก ซึ่งมันก็แปลกกว่าคณะอื่น ทำให้มีหลายคนทำตามมาหลังจากนั้น

มาสคอต กองเชียร์กีฬาไทย

และนอกจากจะเป็นนักแสดงตลกแล้ว ชื่อของ ถั่วแระ เชิญยิ้ม ยังเป็นที่รู้จักในฐานะมาสคอตของการเชียร์กีฬาไทย โดยมักใส่ชุดนักรบไทยโบราณเพื่อสร้างสีสันในการแข่งขันโอลิมปิก, เอเชียนเกมส์ และการแข่งขันใหญ่ๆ อื่นๆ

บทบาทนักธุรกิจ เจ้าของก๋วยเตี๋ยวถั่วแระ

ซึ่ง ถั่วแระ เคยเล่าว่า ตอนที่เราเล่นตลกเราเห็นพี่ๆ เราศิลปินทุกแขนงไม่ใช่เฉพาะตลกว่าพอแก่ตัวไปแล้วทำไมถึงอยู่ในสภาพแบบนั้นกันเยอะมาก เราก็เลยคิดว่าชีวิตเรามันโด่งดังจริงแต่สักวันบนยอดเขาจะต้องเหลือพื้นที่ให้เรายืนอีกน้อยนิดแน่ๆ เราจะมีอะไรซัพพอร์ตบ้างในชีวิต เพราะเกิดความคิดนี้เราก็คิดว่าค้าขายดีที่สุด

ด้วยความที่ภรรยามีเป็นแม่ศรีเรือนเสน่ห์ปลายจวัก ทำอะไรก็อร่อยไปหมด เลยคิดสูตรก๋วยเตี๋ยวขึ้นมา ซึ่งเป็นสูตรของตัวเอง ไม่ได้ไปซื้อแฟรนไชส์ช่วยกันคิดช่วยกันลอง คนก็ติดใจชอบกัน ทุกวันนี้ยังรับออกงานนอกสถานที่ยังจัดอยู่ ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดนี้ก็คือภรรยา

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม


...